รถผมเวลาติดเครื่องจะอาการตุกมาก(รอบตํ่า)
เมื่อปิดแอร์ก็ไม่เป็นไร แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ปกติดี
ทางศูนย์บอกว่าเป็นที่หัวฉีด เวลาดับเครื่อง
แล้วหัวฉีดปิดไม่สนิดทำให้นํ้ามันหยด
เวลาติดเครื่องครั้งต่อไปทำให้นํ้ามันท่วม
ติดยากและเครื่องกระตุก ไม่ทราบว่าใช่หรือเปล่า เพราะแก้มามากแล้ว ตั่งแต่ มอเตอร์เดินเบา สปีกไมล์ (เคยสอบถามมาแล้ว)
ไม่ยากขับแล้วกลับไปขับรถกระบะแบบเก่าดีกว่านํ้ามันถูกด้วย

ICQ :

เพิ่งไปล้างหัวฉีดมา เพราะช่างบอกว่าน้ำมันหยดที่หัวฉีดเหมือนกัน ไม่ได้ไปล้างแบบคาร์บอนคลีน แต่ล้างแบบถอดหัวฉีดไปเพื่อล้างและแกะเปลี่ยนกรองภายในหัวฉีด ทำมาราคา 1800 บาท แถวกล้าวยน้ำไท หลังจากทำมาแล้วรถวิ่งลื่นขึ้นมากค่ะ

406 ผมก็เคยเป็นครับ ขับไปอยู่ดี รอบเครื่องก็กระตุก แก้ไขโดยล้างหัวฉีดครับ

ผมว่าน่าจะลองทำความสะอาดปลั๊กของ sensor ต่าง ๆ ก่อน

ลองหาน้ำยาล้างหัวฉีดที่ใส่ที่ช่องเติมน้ำมันท้ายรถ มีขายที่โลตัส คาร์ฟู 100 กว่าบาท ลองเติมดูก่อนมั๊ยครับ อาจจะหายก็ได้ครับมันจะช่วงล้างได้ (แม้จะไม่หมดเหมือนถอดออกมาล้าง) แต่ถ้ามันหายก็คุ้มราคากว่าหรือป่าวครับ แล้วค่อยหาทางอื่นดูครับ

ถ้าเป็นแค่ตอนรอบเดินเบา ก็น่าจะเป็นที่มอเตอร์รอบเดินเบา มากกว่านะครับ

ลองล้างไอ้ตัวมอเตอร์เดินเบาด้วยก็ดีครับ ไม่แน่อาจจะไม่ใช่แค่หัวฉีดอย่างเดียว แล้วก็ลองตั้งไอ้ตัวเซ็นเซอร์สีเหลืองๆ น่ะครับ มันอาจจะคลายตัวหรือเปล่า ? ตัวนี้ก็มีผลต่อเครื่องกระตุกเหมือนกันนะครับ

ถ้าทางศูนย์ยืยยันว่าหัวฉีดรั่ว ผมสนับสนุนวิธีของคุณขาวตุ่นครับ ถึงcheck ออกมาแล้วผลปรากฏว่าไม่รั่วก็ไม่เสียหายอะไร เพราะถ้าไม่เคยล้างมาเลย รถอายุขนาดนี้ก็น่าจะได้วงรอบตรวจเช็คสภาพหัวฉีดแล้วเหมือนกัน สิ่งที่ได้ก็คือ สภาพจริงๆของหัวฉีด ว่าจ่ายน้ำมันได้เท่ากันทุกหัวหรือเปล่า หัวใหนตันก็จะทำการล้างจนสะอาดด้วย คลื่น ultrasonic โดยใช้คุณสมบัติของคลื่นนี้ไปสั่นให้อนุภาคหรือพวกcarbon และละองฝุ่นที่ติดแน่นอยู่หลุดออกมา และถ้าหังใหนฉีดแล้วได้ปริมาณไม่เท่ากับหัวฉีดอื่ก็เปลี่ยนใหม่ตอนนั้นเลย และถ้าปรากฏว่าไม่รั่วในขณะที่ไม่มีไฟป้อนเข้าไปก็ไปจวกช่างที่ศูนย์ได้เลยว่าซ่อมไม่ได้เลยโบ้ยปัญหาแบบขอไปที ศูนย์ใหนครับอยากรู้จังเลย