ช่วยอธิบายถึงความแตกต่างหน่อยครับ เนื่องจากผมไม่มีข้อมูล ของ PG เลยครับ แต่ลองขับแล้วติดใจมากๆๆๆๆๆครับ ขอบคุณอย่างสูงครับ

ICQ :

www.peugeot.com or www.thaidriver.com

ในประเทศเยอรมนี ทุกรุ่นมีราคาใกล้เคียงกัน แต่พอมาจำหน่ายในไทยประกอบในประเทศเหมือนกัน ระดับตัวรถยนต์และสมรรถนะก็ใกล้เคียงกัน แต่ทำไมราคาโดดขึ้นไปกว่า เปอโยต์ 406 เพียบ เช่น

ในไทย วอลโว่ เอส40 แพงกว่า 500,000 บาท (ในเยอรมนีเกือบเท่ากัน) บีเอ็มดับเบิลยู 318ไอเอ แพงกว่า 800,000 บาท (ในเยอรมนี 318ไอเอ แพงกว่า 100,000 กว่าบาท) เมอร์เดส-เบนซ์ ซี180 แพงกว่าถึง 1,400,000 บาท (ในเยอรมนี ซี180 แพงกว่า 300,000 กว่าบาท) ซื้อเปอโยต์ 406 ได้ถึง 2 คันแล้วเงินยังเหลือ

ความงงก็หายไป เมื่อนึกได้ว่า...รถยนต์ระดับนี้ไม่ใช่สินค้าควบคุมราคา ผู้ผลิตผู้จำหน่ายจะตั้งราคาเท่าไร แตกต่างจากราคาในตลาดโลกเท่าไร ก็ตามสะดวก

ตัวอย่างราคาจำหน่ายของรถยนต์ในระดับเดียวกับเปอโยต์ 406 ในประเทศเยอรมนี
เปอโยต์ 406 759,000 บาท
วอลโว่ เอส40 780,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยู 318ไอเอ อี46 870,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี180 W202 1,060,000 บาท
โตโยต้า คัมรี 824,000 บาท
ฮอนด้า แอคคอร์ด 870,000 บาท
(หมายเหตุ-เป็นราคาโดยประมาณในช่วงต้นปี 2000 และบางรุ่นเป็นการนำเข้า)

เป็นเครื่องคนละตระกูล
d8 ใช้เครื่องไรกูล xu10j4....ซึ่งเป็นตระกูล xu ที่ใช้มาตั้งแต่ 305 แต่เปลี่ยนฝาสูบให้เป็น 16 วาว์ล เป็นเครื่องที่ให้กำลังที่รอบค่อนข้างสูง (3000 ขึ้นไป) และสามารถกวาดรอบไปจนถึง 5500-6000 ได้อย่างสบายๆและรวดเร็ว แต่ถ้าขับในเมืองที่การจราจรค่อนข้างแออัดจะรู้สึกอืดไปหน่อย จึงเป็นผลทำให้กินน้ำมัน
ส่วนในea9 เปลี่ยนเป็นตระกูลใหม่ ew10j4... ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ ขับสบาย อัตราเร่งจะดีกว่า d8 แต่เมื่อต้องการความแรงที่รอบสูงๆจะสู้ d8 ไม่ได้ เครื่องตัวนี้ยังประหยัดน้ำมันและผ่านมาตราฐาน euro 3 ซึ่งหมายถึงเป็นเครื่องยนต์ที่มีมลพิษต่ำประหยัดน้ำมันแต่ให้กำลังที่สูง สามารถใช้ไปได้อีกหลายปี ซึ่งเครื่องตระกูล xu ไม่สามารถผ่านมาตราฐานนี้ บริษัทรถจึงได้พัฒนาขึ้นๆไปเรื่อยๆไงครับ