ตามความคิดของผมจากประสบการณ์ที่ได้ใช้รถเปอร์โยต์ 405 GR มาเป็นปี มีความคิดว่ารถยี้ห้อนี้เป็นรถที่ดีมากที่สุดยี่ห้อหนึ่ง ออกแบบมาได้ลงตัว แต่อุปกรณ์หรือการออกแบบบางอย่างไม่เหมาะสมที่จะใช้ในประเทศเมืองร้อนอย่างบ้านเรา เพราะอุปกรณ์บางอย่างโดนแดด เจออากาศร้อนๆ เจอฝุ่นอายุการใช้งานก็ลดลง เช่น คอนโซนหน้ารถ หากจอดตากแดดบ่อยๆ 2 ปีก็พัง และอีกอย่างที่สำคัญก็คือตำแหน่งการวางท่อไอเสียในห้องเครื่องยนต์ท่อไอเสีย(เขาควาย)จะวางอยู่ด้านหลังเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสะสมมาก เนื่องจากไม่มีลมพัดผ่านไม่ว่าจะเป็นลมจากพัดลมหรือลมจากการที่รถวิ่ง สังเกตุได้จากอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ไอเสียนี้จะพังเร็ว (สายไมล์ บูตเปลี่ยนเกียร์ ซีลแรกพวงมาลัย) ความร้อนที่มีมากในห้องเครื่องนี้ละเป็นตัวการทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องเครื่องเสื่อมเร็ว เช่น อุปกรณ์ที่เป็นยางทุกอย่าง สายไฟ สายไมล์ ท่อยาง โมดุล คอร์ย ฯลฯ (บางคันต้องเปลี่ยนคอร์ย ปีละลูกก็มี)
ซึ่งผมก็พยายามหาวิธีแก้ไขซึ่งก็คิดว่าเป็นการช่วยได้บางส่วน คือ การย้ายอุปกรณ์ทุกอย่างที่อยู่ใกล้ท่อไอเสียออกไปให้ห่างถ้าทำได้ ถ้าย้ายไม่ได้จะหาฉนวนกันความร้อนมาปิดไว้ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าทำได้ผมอยากจะหาแผ่นกันความร้อน (ยังไม่รู้ว่าจะใช้อะไรดี) มากั้นเป็นห้องให้กับท่อไอเสียเลย
และอีกอย่างที่คนใช้เปอร์โยต์ควรทำคือพยายามเปิดฝากระโปรงหน้ารถทุกครั้งเมื่อจอดถึงที่หมาย เนื่องจากเมื่อรถวิ่งมาแล้วดับเครื่องจอดเฉยๆ ความร้อนในห้องเครื่องจะสูงมากเป็นเท่าตัว ลองได้จากเมื่อท่านขับรถกลับจากที่ทำงานถึงบ้านหากอยากกินไข่ต้มแบบยางมะตูมก็ลองเอาไข่ไก่วางไว้บนเครื่องยนต์แล้วปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ซัก 15 นาที

****หากท่านใดมีวิธีไหนที่จะแก้ไขปัญหาความร้อนในห้องเครื่องได้ช่วยแนะนำด้วยครับจะได้ช่วยแก้ชื่อให้กับรถเปอร์โยต์ที่ว่าเป็นรถที่ขี้ร้อน ปัญหาจุกจิกมากมาย

ICQ :

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะผมก็ปฎิบัติเหมือนกับที่คุณ niti แนะนำคือทุกครั้งที่ถึงจุดมุ่งหมาย ก็จะเปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที

ขับถึงบ้านก็เปิดฝากระโปรงทุกครั้งเหมือนกันเพราะมีคนที่ใช้บอกมาไม่งั้นพวกสายไฟจะกรอบเร็วมาก ถ้าอยู่ในที่ไม่มีลมพัดผ่านจะรู้สึกเลยว่าความร้อนจะออกมาจากฝากระโปรงมากเลย

ปฏิบัติเช่นเดียวกันครับ ถึงที่หมายแล้วก็เปิดฝากระโปรงหน้าไว้(ต้องเป็นสถานที่ที่ไว้วางใจในความปลอดภัยได้) เพราะจะช่วยลดความร้อนในห้องเครื่องได้เร็ว และไม่ทำให้สายไฟและท่อยางต่างๆแห้งกรอบ หมดอายุการใช้งานเร็วกว่าที่ควร และที่สำคัญจะได้ตรวจดูการรั่วของของเหลวต่างๆได้ด้วย

เห็นด้วยเรื่องความร้อนสูงมาก เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน
405 ของผมเมื่อก่อนเปลี่ยน คอย จุดระเบิดปีละ 1 ชุด และมี โมดูลและ คอยติดรถไว้สแปรตลอด
ประมาณ 3-4 ปีที่แล้วได้ย้าย คอย ออกจากบริเวณหน้าเครื่องยนต์ที่ทั้งร้อนและเปลียกเมื่อโดนน้ำ หลังจากเปลี่ยมาหลายปีแล้วไม่มีปัญหาอีกเลยเกี่ยวกับ คอย จุดระเบิด
การย้ายตำแหน่ง คอย ให้ย้ายไปติดที่บริเวณตัวถังรถแถวหน้าแบตเตอร์รี่ โดยต่อสายควบคุมให้ยาวขึ้น สายคอยไฟสูงไปจานจ่ายใช้เส้นเดิม จำได้ตอนทำเสียค่าสายไฟมาต่อสายเดิมให้ยายไป 10-20 บาทเอง ใช้มายาวไม่เคยมีปัญหา
นี่ว่าว่างๆจะยาย โมดูล ออกจากจานจ่าย ตั้งใจมานานแล้วไม่ได้ทำซะที.....แฮะๆๆๆๆๆๆ
.....6ช/2

เรื่องการย้ายคอยล์ ของ 405 ถ้าสังเกตุ ที่ท่อไอดี( ด้านที่อยู่ฝั่งจานจ่าย ) มันจะมีตำแหน่ง ( รู ) สำหรับไขน๊อดพอดีสำหรับคอยล์เลยครับ สามารถย้ายขึ้นมาได้เลย ครับ ( เรื่องนี้ คุณ 6212 เคยชี้ให้ผมดูครับ )

เห็นด้วยครับ สังเกตุดูสิปรกติหลังจากที่เราขับรถก่อนดับเครื่องอุณหภูมิหม้อน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 85 องศา แต่ถ้าดับเครื่องโดยไม่ได้เปิดฝากระโปรงไว้ ทิ้งไว้สัก 10 นาทีเมื่อบิดกุญแจรถอุณหภูมิหม้อน้ำจะขึ้นไปเกิน 90 องศา

ผมเคยเห็นรถฮุนไดอยู่รุ่นหนึ่งเวลาดับเครื่องพัดลมหม้อน้ำจะยังคงทำงานอยู่จนระดับความร้อนลดลงถึงอุณหภูมิที่กำหนด พัดลมจึงหยุดทำงาน

ตัวผมเองไม่มีความรู้ทางด้านไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์นัก เพราะเรียนมาทางพาณิชย์ อยากจะขอคำแนะนำผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า ว่าพอจะดัดแปลงให้พัดลมไฟฟ้าในรถเปอโยต์ ทำงานต่อหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ เพื่อความสะดวกไม่ต้องเปิดฝากระโปรงทุกครั้ง

วิธีที่คุณ K9 แนะนำ ผมไม่อยากให้ทำครับ เพราะ ถ้าเกิดดับเครื่องแล้วพัดลมยังคงทำงานอยู่ มันจะใช้ไฟจากแบตฯ และ/หรือ เกิดตัวสวิทช์ความร้อนมันเกิดเสียขึ้นมา หรือ จอดตากแดดนาน ๆ แล้วมันทำงานขึ้นมาเอง ทั้ง ๆ ที่รถจอดอยู่เฉย ๆ แล้วเราไม่รู้ พอมา start ครั้งต่อไป มีเข็นแน่นอน และอีกอย่างมัีนจะเป็นการสร้างภาระให้กับพัดลมมากเกินไปครับ
แต่ถ้าต้องการลดอุณหภูมิ ภายในห้องเครื่องผมว่า ซื้อพัืดลมไฟฟ้า( แบบดูด ) ของรถญี่ปุ่น ( ไม่กี่ร้อยบาท ) มาติดน่าจะดีกว่าครับ

ผมเค่ยใช้405gri เวลาดับเครื่องแล้วสักพักพัดลมไฟฟ้าจะทำงานขึ้นมาเอง ซึ่งทาง0 บอกว่ามีวงจร ระบายความร้อน หลังจากดับเครื่องยนต์ ซึ่งก็คงจะเป็นตามนั้นเพราะมันจะทำงานทุกครั้งที่ ความร้อนสูง ไม่ทราบว่าจะมานำชุดนั้นมาติดตั้งได้ป่าวครับ

ตามคุณ 8ช xxxx ว่าผมก็กำลังจะทำครับคือหาพัดลมรถญีปุ่นตัวเล็กๆ ใบพัดใหญ่ๆ กินกระแสไฟน้อยๆ มาพัดดูดออก แต่กำลังมองอยู่ว่าจะดูดออกทางไหนดี เพราะห้องเครื่องยนต์มันแคบ แต่คงจะเป็นบริเวณหน้าแผงรังผึ่้งหม้อน้ำ ดูดย้อนออกกระจังหน้ารถเลย เพราะดูดลงพื้นรถคงไม่มีประโยชน์เพราะความร้อนต้องขึ้นที่สูงอยู่แล้ว และที่สำคัญจะต้องมีวงจรควบคุมการทำงานที่แน่นอนในการหน่วงเวลาหลังการดับเครื่องยนต์ เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังเข็นอย่าง คุณ 8ชxxxx ว่าแน่ๆ เลย
***ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเจาะฝากระโปรงเหมือนรถแข่งเลย แต่กลัวเสียรถครับ

ผมว่าจะทำแต่ยังไม่ลงมือนะครับ

ฉนวนกันความร้อน cool it ครัย ที่แนะนำเพราะในรถแข่งใช้อยู่ครับ ในช่วงserviceช่างสามารถทำงานในบริเวณท่อไอเสียได้โดยไม่ร้อน(มาก)
อาจจะต้องลงทุนแต่เปรียบเทียบอายุการใช้งานและผลที่ได้รับก็ถือว่าคุ้มครับ
การย้ายอุปกรณ์ให้ไกลความร้อนเป็นทางแก้ไขระยะสั้นครับ แต่ถ้าควบคุมจุดที่เกิดความร้อนจะได้ผลระยะยาวครับ

เห็นด้วยกับ พี่ 6075 ครับ ผมก็คิดเหมือนกันว่า ถ้าเอามันมาพันจากเขาความลงไปเลย มันคงจะทำให้ ความร้อนในห้องเครื่อง และห้องโดยสารลดลง แต่ก็อย่างว่า ราคามันแพงเหลือเกิน
อีกเรื่องคือ ตอนนี้กำลังคิดว่า จะถอด วัสดุกันความร้อนที่ฝากระโปรง แต่จะเหลือเฉพาะบริเวณเครื่อง กับ ท่อไอเสียเท่านั้น เพื่อจะได้ให้ความร้อนระบายออกจากห้องเครื่องได้เร็วขึ้น
** พี่ 6075 พอทราบแหล่งขายถูก ๆ แนะนำ เหรอเปล่าครับ **

เรื่องฉนวนผมเคยถามเข้าแล้วครับว่าจะเอามาพันท่อไอเสียให้เจ้า Sri ของผมปรากฏว่าคนขายเขาแนะนำว่าถ้าไม่ใช่สแตนเลส เป็นเหล็กหล่อจะทำให้มันร้าวได้จึงยังไม่ได้ลงมือเลยครับ

ขอบคุณคุณSRI15ครับ ผมลืมจุดนี้ไปเลย ถูกต้องครับมันจะสะสมความร้อนเอาไว้มากแล้วจะทำให้เหล็กเสื่อมและแตกร้าว แต่ก็คิดอยู่ครับ ว่าความร้อนของท่อไอเสียของรถที่ไม่ได้ผ่านการโมดิฟายหรือรถแข่ง ไม่น่าจะร้อนมากจนแตกได้

เดี๋ยวคิดออกแล้วจะบอกครับ

ผมเคยอ่านกระทู้ในชมรมซีตรองซึ่งเครื่องยนต์คล้ายเปอร์โยต์ เขาเอาใยกันความร้อนโดยเฉพาะของอเมริกามาใช้พันท่อร่วมไอเสียและไอเสีย ปรากฏว่าความร้อนไม่ถูกระบาย เปิดฝากระโปรงรถตอนกลางคืนจะเห็นว่าโลหะบริเวณท่อร่วมไอเสียร้อนจนแดง น่ากลัว และเขาบอกว่าท่อร่วมไอเสียร้าว เพราะไม่มีการระบายความร้อนออกมาจากโลหะ ผมเห็นว่าน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี

ท่อเขาควายผมเห็นแตกร้าวมาหลายอันแล้ว(ที่อู่) มันจะแตกในที่ลับตาด้านล่างในๆเป็นรอยร้าวดำๆ และมองจากด้านบนไม่เห็น ก็ไม่รู้ว่าแตกเพราะความร้อนหรือตอนเครื่องทำงานแล้วมีการสะบัด ที่ผมใช้ตอนนี้ก็คือหาแผ่นกันความร้อนมาติดที่ท่อ (อันนี้บางคันก็มีติดมาแล้ว บางคันอย่างรถผมไม่มี)

เมื่อวานไปดูรถของช่างดำริห์ แกติดพัดลมไฟฟ้าสำหรับดูดอากาศ ออกจากห้องเครื่อง ยึดกับกันแคร้ง ด้านล่าง เห็นแล้วน่าสนใจ เลยครับ ว่าจะลองทำตาม