









405 T16 GR กับเจ้าตำนานผู้พิชิต Pikes Peak
สมาชิกหลายคนคงเคยได้ชมวิดีโอลีลาการขับรถเปอโยต์อันแสนประทับใจคันนี้บ้างแล้วจาก Youtube
(http://www.youtube.com/watch?v=TKgeCQGu_ug)
และอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า ชายที่อยู่หลังพวงมาลัยคือใครกันหนอ
เขาคือ อารี วาตาเนน นักแข่งรถชาวฟินแลนด์ ผู้ควบ Peugeot 405 T16 GR ไต่ขึ้นเขา Pikes Peak ในรายการ Pikes Peak International Hillclimb ใน 1988 (พ.ศ 2531) บางคนใน Vloveอาจยังไม่เกิด
อารี วาตาเนน สามารถทำสถิติขับขึ้นถึงยอดเขาได้ในเวลา 10.47.77 นาที
ช่วงการแข่งขัน เปอโยต์ยังจ้างฌอง หลุยส์ มัวเรย์ มากำกับภาพฝีมือขับขี่ของวาตาเนน และตั้งชื่อภาพยนตร์สั้นชุดนี้ว่า Climb Dance ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็นภาพยนตร์สารคดีสั้นดีเด่นด้วย
การปรากฏตัวของ 405 T16 GR บนเทือกเขาโคโรราโด เมื่อ 22 ปีที่แล้ว เป็นเพราะเปอโยต์ต้องการทำพีอาร์โชว์สมรรถนะของสิงห์ตะกายขาในดินแดนอเมริกา ซึ่งมีการแข่งขันรายการหนึ่งที่ชื่อว่า Pike Peak Hill climb ที่รถหลายค่ายส่งไปพิชิตทำเวลาตะกายไหล่ทางไปถึงยอดเขาด้วยเวลาที่น้อยที่สุด
ทีมฝรั่งเศสเกือบคว้าที่ 1 มาแล้ว ถ้าสายรัดท่อเทอร์โบไม่หลุดกระเด็นออกมาเสียก่อน เลยชวดที่หนึ่งไปให้กับ วอลเตอร์ โรห์เลอร์ นักขับออดี้
ปี 2531 เปอโยต์กลับมาเยือนเทือกเขาร็อกกี้อีกครั้ง พร้อมกับ 405 Turbo 16 ที่ถูกแปลงโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยวมีทรวดทรงเซ็กซี่ขึ้น (สปอยเลอร์อันเขื่องเป็นที่จดจำได้อย่างแม่นยำ ใหญ่มากกกก)
วาตาเนน เล่าไว้บนเว็บไซต์ของเขาว่า ช่วงระหว่างแข่งขันเกิดพายุลูกเห็บถล่มลงมาจนพื้นเต็มไปด้วยลูกเห็บ ต้องรอจนกว่าจะละลายหมด แต่พอลูกเห็บละลายหมดพื้นกลับกลายเป็นโคลนเสียฉิบ และบางช่วงถ้าไม่เจอกับถนนที่เป็นโคลนเขาก็เกือบทำเวลาใกล้กับเชมป์คนก่อนแล้ว
นักแข่งรถชาวฟินแลนด์บอกว่า Pikes Peak เป็นสนามแข่งที่สุดยอดที่สุดแล้ว และยิ่งได้ขับรถที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0-200 กม/ชม. ในเวลาไม่ถึง 10 วิ.นาที มีม้าอัดอยู่ใต้ฝากระโปรง 600 ตัว น้ำหนักรถ 900 กิโลกรัม ขับเคลื่อนสี่ล้อ มันเป็นอะไรที่มันโครตๆ ไม่มีกีฬาแข่งขันชนิดไหนเทียมทานได้อีกแล้ว
... ได้นั่งอยู่บนรถตัวเอง
... กับโอกาสเพียงแค่หนึ่งครั้ง วิ่งรวดเดียวให้ถึงปลายทาง
การแข่งขันรายการ Pike Peak Hill climb อนุญาตให้นักแข่งลองฝึกควบคุมรถได้ 1 ใน 3 ของระยะทางทั้งหมด และลองได้ครั้งเดียวเท่านั้น หากผ่านรอบคัดเลือกก็อนุญาตให้ขับชิมลางได้ครึ่งทาง ระยะทางที่เหลือใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ มันจึงเป็นรายการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความกดดัน และการเอาชนะความกดดันได้คือความรู้สึกมหัศจรรย์สุดแสนยิ่งกว่าเที่ยวแดนเนรมิตเสียอีก
วาตาเนนบอกความรู้สึกว่า ตลอดช่วงที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ Pikes Peak ชีวิตช่างเต็มไปด้วยความเร้าร้อน...
ดูจากรูปแล้วมันไม่ใช่แค่ร้อน มันแยงตาด้วยวะ
สัปดาห์หน้าติดตามตอนต่อไป Peugeot 405 T16 นรกสั่งมาเกิด!
เปลี่ยนหลอดไฟสวิตช์กระจกไฟฟ้าแบบประหยัด (งกนั่นเอง)
ความสุขอย่างหนึ่งของการขับรถตอนกลางคืนคือแสงไฟแสดงสถานะบนหน้าปัด คอรโซลกลาง และสวิตช์กระจกไฟฟ้า แต่..อายุของสวิทต์ 20 ขวบ ไม่เคยเปลี่ยนอย่าหวังว่าหลอดไฟจะใช้งานได้นิรันกาล ถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว!
โชคดี (เกี่ยวกันมั๊ย) ที่รื้อหน้าปัดเล่นจนมันเจ๊งเลยมีหลอดไฟเรือนไมล์เหลือเพียบ เริ่มจาก..
1.งัดหลอดออกมาจากเบ้า (ซ้าย) หลอดไฟเก่าที่ขาดแล้วกับครอบหลอดพลาสติกที่กรอบเต็มที (กลาง) หลอดไฟที่งัดออกมาเปลี่ยน
2. จากนั้นหาลวดสายไฟเส้นเล็กๆ มาต่อ (ต้องขัดปลายขั้วหลอดเสียหน่อยจะได้บัดกรีดง่าย)
3. ทดลองให้แน่ใจว่าหลอดไม่ขาด
4. ประกอบกลับแล้วติดตั้งเข้าที่เดิม (เสียดายมันสว่างไม่เท่ากัน ไว้ค่อยคิดทำใหม่)
ยกเครื่องมาใหม่แต่ทำไมนายช่างไม่เปลี่ยนสายน้ำมันให้ด้วยนะ แตกลายงาซะขนาดนั้น สงสัยกลัวเราไม่มีอะไรทำวันหยุด ใจชอบสายถักมาก มันสวยดีดูดีมีสกุลรุนชาติ แต่ก็แพงบรรลัยเหมือนกัน เมตรตั้ง 200 บาท เอาละได้เวลา reset สายน้ำมัน และแถมด้วย กรองเบนซินสวยๆ เห็นน้ำมันเหลืองอำพันอันชื่นใจ (แต่ราคาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย)
สายถักกับสายยางมันคนละ mood เลย
กรองแก้วประกายกาวิลอันแสนสวย
เปอโยต์นี่ก็แปลก มีอะไรให้ซ่อมอยู่เรื่อยตั้งแต่เรื่องใหญ่ไปจนถึงเรื่องเล็ก วันก่อนได้กลิ่นน้ำมันเข้าห้องโดยสาร ช่วงวันหยุดเลยเปิดกระโปรงติดเครื่องหาร่องรอย พบกระเปาะน้ำมันสำรองใกล้กับคาร์บิวมีรอยซึมที่ก้นแทงค์ เสียเงินอีกแล้ว เพิ่งเปลี่ยนมาได้ปีกว่าเอง ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นน้ำมันแก๊สโซฮออล์ที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับพลาสติก เซ็งวะ ไปวรจักรซื้ออะไหล่ เสียไปอีก 980 บาท ในรูปจะเห็น Before กับ After
หยุดยาวไม่ได้ไปไหน ได้ฤกษ์เอาอะไหล่ที่ซื้อเก็บไว้มาใส่เสียที
เริ่มจากยางรีดน้ำหน้าต่าง 4 บาน
และตัวจับกลอน
รื้อแผงควบคุมแอร์หาหลอดไฟขาด