เปอร์โยต์ 405 เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกปี 1989 ช้ากว่าต่างประเทศ 1 ปี ทำตลาดแทรกระหว่างรุ่นเล็ก 305 / 309 และรุ่นใหญ่ 505 ช่วงแรกแบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก คือ 405 GR และ 405 MI16 ต่อมาปี 1993 จึงปรับโฉมและแบ่งเป็น 2 รุ่นหลักคือ GRI และ SRI นี่คือรุ่นที่เราจะพูดถึงกันรูป ลักษณ์ภายนอกสวยแบบเรียบๆ แม้จะใช้ทรงเหลี่ยม ในขณะที่รถยนต์ในช่วงปี 1990 ส่วนใหญ่เน้นทรงมนกันเกือบทั้งหมด และหายากที่ใครจะบอกว่าไม่สวย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการออกแบบอย่างลงตัวโดย
พินินฟารินาไฟหน้าทรง เฉียง กระจังซี่นอน ฝากระโปรงหน้าแบบเรียบซื่งมีน้อยยี่ห้อที่จะทำแบบนี้ หัวฉีดน้ำกระจกหน้าติดตั้งรวมอยู่กับที่ปัดน้ำฝน มีสันร่องด้านข้างตลอดแนวด้านบนเสมือนเป็นเส้นนำสายตา มีคิ้วกันกระแทกรอบคันในแนวกลางของประตู แทรกด้วยโครเมียมขนาดเล็กเพิ่มความหรู ต่อเนื่องกับแถบบนชุดกันชน ฝากระโปรงหลังเปิดได้จรดแนวกันชน
จุด แตกต่างที่เห็นได้ชัดหลังจากการปรับโฉม คือ ภายในห้องโดยสาร เปลี่ยนแผงหน้าปัดเป็นแบบชิ้นเดียวรูปทรงโค้งมน มาตรวัดและสวิตช์ต่างๆ ออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้านหน้ามาพร้อมกับกันชนทรงใหม่ มีช่องดักลมตรงกลาง และย้ายช่องติดไฟตัดหมอกไว้ข้างล่างตรงแถบสีดำแทนที่จะเอาไว้แนวเดียวกับ ช่องดักลมเหมือนรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ ด้านท้ายเอาแถบสีดำออก ฝากระโปรงเว้าลึกถึงแนวล่างของไฟท้าย ทำให้ขนข้าวของขึ้นลงได้สะดวก โดยจำหน่าย 2 รุ่นหลัก คือ 405 SRI 2.0 เป็นรุ่นหลักในการทำตลาด เสมือนว่าทำตลาดแทนรุ่น GR 1.9 และ 405 GRI 1.6 เสมือนเป็นรุ่นประหยัด พอจะทำตลาดได้มากพอสมควร
405 SRI ใช้เครื่องยนต์
XU10J2CZ หันมาใช้เสื้อสูบแบบเหล็กหล่อ เป็นแบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 8 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความกว้างกระบอกสูบและช่วงชัก 86 มิลลิเมตร ความจุ 1,998 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 123 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.3 กก.-ม. ที่ 2,750 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมยางขนาด 185/65 R14
405 GRI ใช้เครื่องยนต์
XUJPZ แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 8 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความกว้างกระบอกสูบ 83 มิลลิเมตร ช่วงชัก 73 มิลลิเมตร ความจุ 1,580 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.25 : 1 กำลังสูงสุด 90 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.5 กก.-ม. ที่ 2,600 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์/หลังดรัม พร้อมยางขนาด 185/65 R14 โดยทั้งสองรุ่นใช้ระบบบังครับเลี้ยวแบบแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเทรลลิงอาร์ม ทอร์ชันบาร์ โช้กอัพเฉียง พร้อมเหล็กกันโคลง
GRI เป็นรุ่นที่ราคาถูกสุด สมรรถนะต่ำที่สุดในสายพันธุ์ 405 อุปกรณ์มาตรฐานจึงมีให้เท่าที่จำเป็น ก่อนซื้อควรคิดให้รอบคอบ เพราะถ้าจะติดตั้งเพิ่มภายหลังมักไม่คุ้มค่า หรือไม่เรียบร้อยเหมือนติดตั้งมาจากโรงงาน เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี 8 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีระบบที่ซับซ้อน ทนทานและบำรุงรักษาสะดวก แรงบิดในรอบต่ำดีพอตัวเท่านั้น และมีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เมื่อต้องฉุดลากน้ำหนักประมาณ 1 ตัน จึงแค่พอไปได้ อืดอาดสำหรับคนเท้าหนัก แต่
ประหยัดน้ำมันฯ พอสมควรประมาณ 8 กม./ล.ในเมือง นอกเมืองถ้าขับดีๆอาจจะถึง 13 กม./ล.ทีเดียว แต่ถ้าใช้งานในเมืองเป็นหลัก อาจเมื่อยล้าจากการเหยียบคลัตช์ได้เพราะคลัตช์รุ่นนี้แข็งมาก
SRI เป็นรุ่นที่แพงขึ้นมา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งกระจกไฟฟ้า มองข้างปรับไฟฟ้า เอบีเอส ในรุ่นหลังๆมีเพิ่มถุงลมและระบบควมคุมความเร็วอัตโนมัติด้วย เครื่องยนต์ 2.0 ได้แรงบิดสูงในรอบต่ำทำให้ประหยัดน้ำมัน
กินน้ำมันราวๆ 7 กม./ล. ในเมือง 10 กม./ล. นอกเมือง (เกียร์ออโต้)จุด เด่นที่สำคัญ คือ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ทอร์ชันบาร์หลัง ซึ่งทำให้ห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวาง ให้ความนุ่มนวลในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง และให้การทรงตัวดีในช่วงความเร็วสูง ถ้าเป็นรุ่น Mi16 ต้องบอกว่าหนึบมาก ราคามือสอง ไม่ได้แพงกว่ารถยนต์ญี่ปุ่นในระดับเดียวกัน ปีใกล้เคียงกัน หรือถูกกว่า ทั้งที่ตอนป้ายแดงแพงกว่า เกียร์ออโต้เป็นของยี่ห้อ ZF ซื่งขึ้นชื่อเรื่องอัตราทดเกียร์ที่สั้น ทนทาน(ในรถเมล์ปรับอากาศสีส้มบางคันก็ใช้เกียร์ยี่ห้อนี้) แต่ต้องหมั่นดูแลให้ดี เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะ มิฉะนั้นมันอาจไม่ซื่อสัตย์กับคุณก็ได้
จุด ด้อยที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษเวลาเลือก คือ ตัวถัง ต้องเลือกที่ไม่ชนหนักมา เครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างก็ตรวจสอบตามปกติ ส่วนเครื่องยนต์ ถ้าไม่ใช่รุ่น SRi ที่ใช้เสื้อสูบเหล็ก รุ่นอื่นๆ ควรตรวจสอบการรั่วซึมการร้าวของเสื้อสูบ และถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ควรทดสอบและตรวจสอบให้ละเอียด เพราะค่าซ่อมเกียร์ไม่ถูกเลย หากรู้จักซื้ออะไหล่และแหล่งซ่อม ก็ไม่ทำให้กระเป๋าฉีก เพราะอะไหล่เทียบใช้ตามร้านอะไหล่ทั่วไปมีแพร่หลาย ทั้งแถบวรจักร บรรทัดทอง สะพานควาย ฯลฯ ราคาไม่แพงและคุณภาพดี ส่วนการซ่อมควรระวังไว้นิด ที่อู่เปอโยต์โดยเฉพาะบางแห่งจะแพงไม่แพ้ศูนย์บริการ เพราะคิดค่าแรงถูกแต่บวกค่าอะไหล่เพียบ ตวรหาซื้ออะไหล่เองแล้วเอาไปให้ช่างซ่อมจะถูกกว่า ดังนั้นถ้าไม่ใช่ระบบลึกๆ ซ่อมที่ไหนก็ได้ที่สะดวก เพียงแต่อะไหล่เชียงกงน้อยกว่ารถยนต์ญี่ปุ่นอย่างโคโรน่า และแอคคอร์ดมาก แต่แพร่หลายมากกว่ารถยุโรปทั่วๆไป
หลาย คนสนใจเพราะเห็นว่าเป็นรถยนต์ยุโรป สมรรถนะโดยรวมดี ซึ่งก็จริง เพราะช่วงล่างและระบบเบรกมั่นใจได้ เครื่องยนต์ในรุ่น GR 1.9 คาร์บิวฯ, SRi 2.0 หัวฉีด มีสมรรถนะทั้งอัตราเร่งและความเร็ว เพียงพอต่อการใช้งานของคนทั่วไป นอกจากรุ่น GRi 1.6 หัวฉีด เหมาะสำหรับคนใจเย็น ส่วน Mi16 นั้นแรงจริง แต่หาซื้อยาก เพราะถูกซื้อออกมาน้อย หาสภาพสวยๆ ยาก เพราะคนที่ซื้อมามักเท้าหนัก ไม่ขับจนโทรม ก็ชนมา (แต่ก็พอมีสวยๆ บ้าง) ห่วงหน่อยในเรื่องการซ่อม ถ้าหาซื้ออะไหล่เทียบใช้ได้และมีแหล่งซ่อมนอกศูนย์บริการที่ได้คุณภาพในราคามาตรฐาน (ในกรณีที่ไม่อยากเข้าศูนย์บริการ) ถึงจะน่าสนใจ 
ที่มาของข้อมูล :
ThaiDriver
ผู้เขียน
