ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2024 เวลา 08:58:56

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  D.I.Y.
| | |-+  ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน
0 สมาชิก และ 26 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 11 12 13 14 [15] 16 17 18 19 ... 23 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน  (อ่าน 213355 ครั้ง)
ธีธัช หนิมฮะ
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 678


« เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2007 เวลา 05:32:48 »


  ลองเข้าไปศึกษาดูนะครับ  ส่วนผมทำแล้วกำลังทดสอบกับ แบตเก่าอยู่ได้ผลอย่างไรจะมาบอกเล่าทีหลังครับ
  http://www.ctglabs.com/desulfation1.htm
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
 
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #337 เมื่อ: วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2010 เวลา 12:19:39 »


ปัจจัยน้ำกลั่นนั่นดูได้
ส่วนเรื่องใดชาร์ทตรงรุ่น (70 แอมป์) ถือว่าเหมาะสมเปล่า
over charge ดูอย่างไร
กลัวเวลาอายุสั้นร้านแบตมักจะบอกกว่าปกติก็แค่นี้ หรือไม่ก็อ้างเหตุที่ตรวจไม่ได้ เช่น ติดเครื่องเสียง,ไดร์,ระบบไฟ ว่าไม่ดี
ไดชาร์ทขนาดนั้นก็ใหญ่พอสำหรับใช้งานในรถได้เต็มที่ แบบเผื่อไว้แล้ว
ส่วนจะดีแค่ไหนต้องหมั่นวัดโวลต์ที่ตอนติดเครื่องยนต์ตรงไฟเข้าแบตให้ปกติ 13.5 ถึง <14.5 โวลต์นะ
หากโวลต์เกินหรือเกิดการ Over Charge สังเกตง่ายสุดแบตจะเดือดและร้อน ดังนั้น น้ำกรดในแบตจะแห้งไว หรืออาจมีการไหลทะลักออกจากแบตตรงท่อหายใจ ครับ
เราควรให้มีการชาร์ทแบตให้เต็มเสมอหรือแวะร้านแบตให้เขาวัด ค่าโวลต์ ความต้านทานแบต CCA และ แบต condition บันทึกไว้ประจำ จะทำให้ทราบแนวโน้มสุขภาพแบตได้เองล่วงหน้า (ผมใช้ตัวเหลืองๆข้างบน)

ท้ายนี้แถมท้ายอีกสองเรื่อง

คือความร้อนของแบตตอนทำงาน หรือความร้อนในห้องเครื่อง อย่างไหนน่าจะมีผลต่อการระเหยของน้ำกลั่นในแบตมากกว่ากันครับ

ข้างบนเป็นคำถามจากในคลับ Nissan march

อุณหภูมิกับอายุการใช้งาน          อุณหภูมิที่เหมาะสมในการใช้งานอยู่ที่ 25 องศาC (77 ฟาเรนไฮต์) อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 8 องศาC (15 ฟาเรนไฮต์) จะทำให้อายุการใช้งานของแบตฯลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น แบตเตอรี่ แบบ VRLA จะมีอายุถึง 10 ปีที่อุณหภูมิ 25 องศา Cแต่จะลดลงเหลือ 5 ปี ที่อุณหภูมิ 33 องศาC (95 ฟาเรนไฮต์) และอายุเหลือไม่ถึง 1 ปีที่อุณหภูมิ 42 องศาC (107 ฟาเรนไฮต์) นอกจากนี้มันยังทำงานได้ไม่ดีในที่อุณหภูมิต่ำอีกด้วยอุณหภูมิที่ลดต่ำลงจะทำให้แบตฯ เก็บประจุได้น้อยลง ความจุของ แบตเตอรี่ จะลดลง 50 % ทุกๆ อุณหภูมิที่ต่ำลง 12 องศาC (22 ฟาเรนไฮต์) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมในตอนเช้าที่อากาศเย็นเราถึงสตาร์ทรถติดได้ยากแต่การใช้งานที่อุณหภูมิต่ำก็จะทำให้อายุการใช้งานของมันยาวนานมากขึ้นด้วยเช่นกัน

อุณหภูมิห้องเครื่องอ่านถึงตรงนี้เมื่อนึกถึงในห้องเครื่อง ต้องพูดถึงอุณหภูมิอากาศนะ ไม่ใช่โลหะห้องเครื่องหรืออุณหภูมิท่อเฮดเดอร์
ประมาณการว่าเครื่องยนต์มีประมาณ 100 เซลเซียส เฮดเดอร์ มากกว่านั้น แต่อากาศในห้องเครื่องก็มีอุณหภูมิเปลี่ยนไป
-ยามรถวิ่งผ่านอากาศ เช้า กลางวัน เย็น หรือกลางคืน เชื่อไหม ยากมากที่จะสูงเกินกว่าอุณหภูมิอากาศรอบข้างเกิน 5-10 องศา
-แต่จะร้อนยิ่งขึ้นยามใช้รถติดที่มีการจราจรคับคั่ง (รถไม่เคลื่อนตัว) และร้ายกว่านั้นเมื่อพัดลมไม่ดี เครื่องฮีท เหล่านี้ทำให้อุณหภูมิ ห้องเครื่องสูงไปด้วย
-ขณะที่เครื่องยนต์ทำงานจะมีอุปกรณ์หนึ่งทำหน้าที่ปล่อยกระแสไฟ ส่วนหนึ่งมาที่แบตเตอรี่ ตรงนี้ก็อีกหากขนาดแบตกะไดชาร์ทไม่ใหญ่มาก มีกำลังไฟเหลือมาที่แบต สัก 5-10 แอมป์ ก็ไม่ทำให้แบตร้อนขึ้นเท่าไหร่  แต่บางคนไปขยายไดชาร์ท กะว่าเหลือดีกว่าขาดก็ทำให้เกิดการชาร์ทไว และชาร์ทเกินบ่อยๆ ตรงนี้แหละที่แบตโดยเฉพาะน้ำกรดในแบต จะร้อนขึ้นอีกโขโดยไม่จำเป็น

จากที่โปรยข้างบน ผมให้คะแนนอุณหภูมิห้องเครื่อง เป็นลำดับแรกที่มีผลต่ออายุใช้งานแบต
แต่ถ้ามีผลต่อการสูญเสียน้ำกลั่นโดยการระเหย ผมให้คะแนนความไม่พอดี-สมดุลย์ของระบบกำลังไฟในรถมากกว่า เพราะเดี๋ยวก็ดึงไฟจากแบตไปใช้โน่นนี่ เดี๋ยวก็ชาร์ท และชาร์ท ตลอด ตอนนี้แบตก็ร้อนก็อุ่น  แถมมีพรายฟองแก๊ส ไฮโดรเจนด้วยตอนไฟชาร์ท จะพาละอองน้ำให้ระเหยไปพร้อมๆกัน

สรุปสำหรับสังเกตก็แล้วกันนะ หากแบตเราน้ำกลั่นแห้งไว มันก็ฟ้องแล้วว่ารถเราใช้ไฟมากเกินและไดชาร์ทเล็กไปหรือไม่
เราต้องมาคิดแล้วว่าไดชาร์ทแอมป์น้อยไป แต่อย่าให้สูงเกินไปมากๆ ไม่งั้นแบตเต็มแล้วก็ไฟเหลือๆยังจะชาร์ทแรงๆอีก และไม่มีตัวตัดก็เกิดการ โอเวอร์ชาร์ท  ไปหาช่างมาได้แล้ว ก่อนที่แบตจะลาโลกไว

แค่นี้ก่อนนะ ว่างๆจะมาปรุงแต่งเติมต่อ ให้เข้าใจง่ายขึ้นกระชับขึ้น ถึงตรงนี้หากขับมาไกลๆและจอดที่มั่นใจว่าไม่มีโจรขโมย ผมจอดปั๊บ ดับเครื่อง ยกฝากระโปรงโชว์ห้องเครื่องทันที

เมื่อต้นเดือนนี้ ได้ MSN กะสมาชิก ท่านถามถึงเรื่องแบตเตอรีรถยนต์ ไปยกรถดูข้อบกพร่อง ตัวรถบางประการ กลับพบว่าซุ้มล้อหน้าซ้ายโดยเฉพาะล้อแม็กลายพร้อย พบเหตุว่าเป็นเพราะน้ำกรดจากแบต ทะลักออกมาจากท่อหายใจ แบตเดือดครับ

ลักษณะแบตเดือดก็คือ เครื่องยนต์ทำงาน ไปสักพักหรือขับมาจอดแต่ยังไม่ดับเครื่อง ดูที่แบตเตอรี ที่ข้างๆมีหลอดใสๆ คือท่อหายใจแต่มีน้ำกรดคาอยู่หรือไหลทะลักล้นออกมา 
เมื่อเปิดจุกทั้ง 6 เพื่อดูอาการน้ำกรดภายในฟองแก๊สพรั่งพราวออกมาปูดๆ ราวกับต้มน้ำ และแบตจะร้อนผิดปกติจากภายในแผ่นธาตุ   เมื่อเอาโวลต์มิเตอร์วัดจะได้ค่าสูงกว่า 14.5 โวลต์ ครับบ้างก็ทะลุไป 15 หรือ 15.5 ขึ้นไป   ก็ได้คำตอบเศร้าๆแล้วครับว่า  เสียใจ

- อาการเริ่มต้น อาจจะ มีการลดลงของระดับน้ำกลั่นเร็วผิดปกติ เช่น ทุกอาทิตย์ต้องเติมน้ำกลั่น เดือนหนึ่งต้องมีหมดขวด
- อาการถัดมาก็มีค่าถพ ของน้ำกรดเจือจางลงเรื่อยๆ พร้อมกับมีการอ่อนลงของกำลังแบต ไม่ว่าจะขึ้นกระจกไฟฟ้า สตาร์ทยืด หรือ ไฟหน้าหรี่ๆ (ขณะที่เครื่องยนต์ยังไม่ทำงาน)
- แม้บางท่านจะเปลี่ยนแบตลูกใหม่ในกรณีแบตเสื่อมไปแล้ว แต่ใช้ไม่นาน พร้อมๆ กับการเสียหายแปลกๆ เช่นฟิวตัวนั้นนี้ขาดประจำ หลอดไฟขาดบ่อย ฯลฯ

ฟันธงครับว่า Generator (นักวิชาการทั่วไปเรียกสำหรับเครื่องแปลงกำลังงานกลจากการหมุน เป็นกระแสไฟฟ้า-หรือ เครื่องปั่นไฟฟ้า) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ไดชาร์ท เริ่มเสื่อมแล้ว
ที่ตัวควบคุมแรงเคลื่อน หรือ Voltage Regulator ที่ติดตั้งอยู่กับ ไดชาร์ท(คนไทยมักเรียกกัน) ตัวนี้เกี่ยวข้องกะแบตเตอรีก็ตรงที่นอกจากจ่ายไฟให้ระบบรถยนต์ทั้งคันแล้ว ยังทำหน้าที่ชาร์ท แบตรถยนต์ด้วย

ภายในตัว generator นี้จะมีวงจรแปลงกระแสไฟฟ้าสลับให้เป็น กระแสไฟตรงและมีช่วงแรงเคลื่อน(โวลต์)ที่กำหนด ตัวนี้อยู่ติดเป็นอุปกรณ์แนบกันกับ ไดชาร์ท ตัวแปลงและตัวควบคุมแรงเคลื่อน-แรงดันไฟฟ้า หรือ Voltage Regulatorนี่แหละเสียหาย ตัวนี้หากช่างไฟฟ้าทั่วๆไปจะเรียกว่า Diode ไดโอด ครับ (ตรงนี้แหละที่ร้านซ่อมไดชาร์ท อาจจะรับซ่อมให้ถ้า หมดประกันหรือซื้อใหม่แพงไป - หรือช่างไฟฟ้าที่บ้านหม้อก็จัดหาเปลี่ยนให้ได้)

ตัวไดโอดนี่แหละที่เป็นตัวปัญหาของรถหลายๆค่าย-รุ่น  และก็เป็นตัวที่ทำให้ร้านขายไดชาร์ท(ที่ไม่มีจรรยาบรรณ)ตั้งตัวได้....................
หากไม่จัดการไดชาร์ทให้จ่ายไฟอย่างเหมาะสมนะ อีกไม่นานนอกจากแบตจะมีอายุสั้นแล้ว อื่นๆ ก็จะพังตามมาเป็นทิวแถว

สรุปการตรวจสอบ
1. อัตราการ Charge แรงเคลื่อนไฟฟ้าจาก Generator ว่าอยู่ในค่าปกติหรือไม่ ตรวจโดยใช้ เครื่องวัดโวลต์ โวลต์มิเตอร์หรือมัลติมิเตอร์ ขณะเครื่องยนต์ทำงาน
คือ ค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าอัตราการ Charge ไฟฟ้าเข้าหม้อ Battery ซึ่งค่าปกติการชาร์ทจะต้องอยู่ที่ประมาณ 14-14.5 V หากต่ำกว่านี้ หรือสูงกว่านี้ ผิดปกติที่ ไดชาร์ท

2. ค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดใน Battery ว่าอยู่ในค่าปกติหรือไม่ วัดขณะที่แบตฯเย็น และมีระดับน้ำกรดในแบตปกติ สูงกว่าแผ่นธาตุประมาณ 1 ซม
คือ ค่า ถ.พ. ของ Battery อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน มาตรฐานคือ 1.25-1.30 หรือตามเครื่องวัดถพ ไม่แสดงที่แถบเหลืองและเขียว แต่แถบแสดงสภาพของ Battery อยู่ในแถบสีแดง ซึ่งหมายความว่า Battery ลูกนี้ได้เสื่อมสภาพไปแล้วนั่นเอง

สาเหตุที่ Battery เสื่อมสภาพก็เนื่องมาจากที่ Generator ได้ทำการ Charge ไฟฟ้าเข้า Battery เกินความต้องการ และไม่ทำการควบคุมแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้อยู่ตามค่ามาตรฐานนั่นเอง จึงทำให้ Battery มีพรายก๊าซไอโดรเจนขึ้นมากและเร็วเกินไป รวมทั้งมีความร้อนที่แผ่นธาตุมากเกินไป แผ่นธาตุภายในหม้อ Battery จึงเสื่อมสภาพ และเมื่อมันร้อนมากและมีฟองก๊าซ น้ำกลั่นและน้ำกรดภายในหม้อ Battery จึงขยายตัวและถูกดันออกมาทางช่องระบายน้ำกรด และก็ไหลลงสู่ด้านล่าง และในขณะที่รถวิ่งไปด้วยความเร็ว  เจ้าน้ำกรดที่ไหลออกมานั้นก็กระเซ็นไปโดนชิ้นส่วนต่างๆ ใต้ท้องรถยนต์ ทำให้เกิดการกัดกร่อนชิ้นส่วนที่เป็นโลหะใต้ท้องรถยนต์เสียหายได้ ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ และถ้าไม่ทำการแก้ไข Battery อาจจะเกิดระเบิดและจะยิ่งสร้างความเสียหายแก่ชิ้นส่วนที่อยู่ภายในห้องเครื่องอีกมากมาย


แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
P205
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,684


« ตอบ #338 เมื่อ: วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2010 เวลา 15:32:14 »


  :มอบดอกไม้:ข้อความโดย: toprasert กำลังพัฒนารุ่นถัดไปให้ทนขึ้นและรูปลักษณะดีขึ้นแต่ตั้งเป้าให้ต้นทุนถูกลงครับ ประสงค์อยากให้มีรายได้เสริมให้นักศึกษาเป็นทุนทำโครงงานและเกิดประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมเพราะโครงงานหลักจะไปลงในรถใช้พลังงานไฟฟ้าด้วย เป้าต้องการลดปริมาณตะกั่วที่ต้องส่งเข้า Recycle ในโรงงานแบต (ให้ใช้งานแบตให้นานที่สุด) :หวัดดีค่ะ:
          :ยินดี อุอุอุ:ขอขอบคุณที่ได้อธิบายเรื่องต่างมากมาย เรื่องราคาผมไม่เคยติดใจ   ถูกต้องแล้วครับ ชอบที่สุดคือคำตอบอันนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประชากรของโลกมาก และอีกอย่างผมอยากให้นักศึกษาที่ได้คิดพัฒนา สิ่งต่าง ที่คิดทำได้ ได้มีโอกาสได้แสดงความสามารถ ให้สังคม ได้รู้ ได้เห็น ได้ใช้ ที่แท้จริง มิใช่ตอบอยู่แต่ในสมุด หรือมีข้อมูลอยู่ในสถานศึกษาเท่านั้น ผมไม่มีความรู้เรียนไม่สูงแต่เฝ้าดูการศึกษาของพลเมืองไตยเรามานานแล้ว สิ่งที่นึกศึกษาที่เขาเรียกว่า เขียนทำปริญญานิพลส่งอาจารย์ค้นคว้าหาแทบตาย พออาจารย์ตรวจผ่านสอบเสร็จเป็นเล่มๆๆๆ เรียบร้อยแล้วก็เก็บเข้ากรุไม่เห็นใครเอาไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงเลย ที่จริงคนไตยเราเก่งมากมายไปแข่งวิชาอะไร...........โอลิมปิ๊กๆๆๆๆๆๆชนะมามากมาย  เหรียญอะไรต่ออะไรเป็นกะปุง ว๊าก แต่ประเทศก็อยู่เหมียนเดิม ตอนนี้ประเทศลาวเขาใช่ อะไร G3 G4 จะGอะไรต่อไปถึงใหนแล้ว ไปโลด เมืองเรายังไม่ได้สักกะ  จี้ G เลย :เอิ๊กๆๆๆ:คลานยิ่งกว่าเต่าล้านปี คิดแล้วเบื่อ ถ้ารู้ว่าประเทศเป็นอย่างนี้ไม่มาเกิดเมืองนี้หรอก ไปเกิดเมืองอื่นดีก่า โหไม่นะ :เหนื่อยร้อน: ไม่สบายๆๆๆๆ
         
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #339 เมื่อ: วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2010 เวลา 17:40:52 »


ใจร่มๆครับ  บ้านเรามีอิสระทางความคิดเยอะสมกะชื่อประเทศ "ไม่ยอมอยู่ใต้ความคิดใคร"  ก็ทำให้คิดแตกต่างกันไปนานา
พอจะลงมือทำก็ มีอะไรๆมาพ่วงเยอะ 
ให้ง่ายก็ทำสิ่งเล็กๆ และทำตัวให้เล็กๆ แต่ทำใจให้กว้างๆ
ส่วนสิ่งใหญ่ๆ อย่าว่าแต่สำเร็จเลย แค่เริ่มก็ยากแล้ว

สามจี มี แต่ไม่ได้ใช้ (ซะที) ผมเล็งว่าปลายปี ห้าสี่ นั่นแหละ คงมองเห็นเงา

ผมคิดแบบ Small but beauty จิ๋วแต่แจ๋ว  เพราะลงมือได้เลย ครับ ไม่อยากฝ่าด่านคนใหญ่คนโต
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
P205
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,684


« ตอบ #340 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2011 เวลา 20:40:25 »


 อือๆๆ :........:หลังจากที่ผมได้อ่านกระทู้Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่านAnek ผมมีความสนใจอย่างมาก และลอคอยอุปกรณ์ชนิดนี้จากท่านเจ้าของกระทู้มานานท่านก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอย่างใดเพิ่มเติม อะไร เพราะแบตเตอรี่ของผมมัน 2 ปีก่าแล้วกลัวมันจะกลับบ้านเก่าและเสียกะตังมาก :เข้ม: พอท่านข้อความโดย: toprasert มานำเสนอจึงมีความสนใจมาก :โอ้ววววววววววว:เลยพอภาระหน้าที่ปีใหม่๒๕๕๔ เบาลง จึงรีบโทรติดต่อนัดคุณโตไปทันทีเมื่อวานนี้  และวันนี้จึงไปพบกันที่อู่คุณอาดำริห์ และถือโอกาสไปสวัสดีปีใหม่คุณอาทั้งสอง ขณะที่คุณโตยังมาไม่ถึง ก็คุยถึงเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย และเอาเหรียญSCALAR ทดลองให้ท่านดูว่ามันมีประโยชน์ดีสำหรับผู้สูงอายุ เพียงคุยให้ฟังเท่านั้นท่่านบอกให้ช่วยซื้อให้ 2 อันเลยแต่ผมบอกว่าผมไม่ได้ทำธุรกิจน๊ะก็รับปากท่านว่าจะช่วยไปซื้อมาให้ท่านก็ยินดี คุยไปสักพักคุณโตก็ได้ขี่รถ...........Huh?จักรยานสองล้อแต่งตัวเหมือนพวกนักขี่จักรยานอาชีพเลย รถสวยมาก แล้วเอาอุปกรณ์ที่ท่านเสนอขายมาติดตั้งไม่ยากเพียงเอาสายแดงเข้าขั้วบวก สายดำเข้าขั้วลบ ของขั้วแบตเตอร์รี่ทั้งสองนั่นเอง แค่นี้ก็จบ ในราคาที่ท่านแจ้งไว้ในเว็บฯนี้แหละ(บ้านท่านอยู่ใกล้กับอู่คุณอาริห์) เสร็จเรียบร้อยมานั่งคุยกันตั้ง 2 ชั่วโมง คุยกันอย่างถูกคอ  ท่านก็บอกว่ารูปร่างไม่ค่อยสวยนะ แต่ผมบอกว่ารูปร่างไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพมากกว่า ผมชอบเป็นนักทดลอง ใครว่าดีถ้ากะตังสู้ได้ก็สู้ทันที  ถูกต้องแล้วครับ และตามวิธีใช้ผมอยากให้คุณโตช่วยพัฒนาเรื่องสวิทที่ปิดเปิดไฟให้อยู่ที่คอลโซลอีกนิดจะสมบูรณ์และสดวกยิ่งขึ้นนะครับ ขอขอบคุณ คุณโตมากครับ :ยินดี อุอุอุ: จึงมาเล่าให้ท่านที่ยังไม่มีได้พิจารณาครับผม แค่นี้ก่อน สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ ขอให้ทุกๆๆท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุข สดชื่น สมหวัง ทุกประการ ร่ำรวยๆๆๆๆ โชคดี โชคดี โชคดี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
40 ha
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 958


« ตอบ #341 เมื่อ: วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 10:36:45 »


จากที่ผมใช้เจ้าต้วนี้มา ผมว่าติดคาไว้เลย ไม่ต้องเปิดปิดก็ได้ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #342 เมื่อ: วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 11:01:45 »


จากที่ผมใช้เจ้าต้วนี้มา ผมว่าติดคาไว้เลย ไม่ต้องเปิดปิดก็ได้ครับ
มองได้ 2 มุมครับ
เห็นด้วย เพราะการเปิดไว้ตลอดแม้จอดรถยนต์ไว้เฉยๆ ก็เท่ากับให้เครื่องทำหน้าที่สลายผลึกเกลือไปด้วย พร้อมกันโดยเฉพาะสภาพนิ่งๆ(จอดรถ) เป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สารละลายเกลือจะก่อตัวเป็นผลึก

ไม่เห็นด้วย เพราะการเปิดไว้ตลอด เท่ากับเป็นการคายประจุแบตออกมาเรื่อยๆก็เป็นการทำให้เกิดปฏิกริยารวมตัวของแผ่นธาตุตะกั่วกับกรดซัลฟูริก จึงเป็นการเพิ่มความเข้มข้นของสารละลายเกลือตะกั่วซัลเฟตให้ข้นขึ้นจึงเกิดผลึกง่ายขี้น จะยิ่งมีผลมากหากจอดรถเป็นเวลานานๆ
(การจอดรถไว้นานๆเป็นอาทิตย์ จึงได้มีคำแนะนำให้ถอดสายไฟขั้วแบตออกและให้นำแบตนั้นไปประจุไฟก่อนให้เต็มก่อนนำไปใช้ครับ)

ไม่เห็นด้วยก็ตรงที่ไปลดอายุของอุปกรณ์ในวงจรชุดแผงสลายผลึกเกลือครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
40 ha
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 958


« ตอบ #343 เมื่อ: วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:38:20 »


 
จากที่ผมใช้เจ้าต้วนี้มา ผมว่าติดคาไว้เลย ไม่ต้องเปิดปิดก็ได้ครับ

หมายถึงขับปรกติทุกวันน่ะครับ
แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเจ้าตัวนี้มันกินไฟแค่ไหน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
เปี๊ยก&Snow
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,468



เว็บไซต์
« ตอบ #344 เมื่อ: วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:48:33 »


บริการติดตั้งด้วยหรือเปล่าครับจะติดต่อไป
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

www.winnerestateplus.com
ศูนย์รับฝากขาย จำนองบ้าน และที่ดิน
ขายง่าย ได้ไว.. รับขายฝากได้เงินเร็ว
Tel: 099-494-6599
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #345 เมื่อ: วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:51:05 »


เคยทดสอบเปิดคาไว้กะแบตชาร์ท 70 แอมป์ เต็มๆ100% ทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ เหลือ Battery condition 60% ก็คิดว่ากินกระแสไฟฟ้าราวๆ 0.125 แอมป์/ชม ดังนั้นหากจอดเกิน 1 เดือนคาไว้ แม้จะไม่ใช้พ่วงกะรถ(ที่คุมนาฬิกา หรือ กันขโมย) ไฟจะไม่พอแน่ๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #346 เมื่อ: วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:58:19 »


บริการติดตั้งด้วยหรือเปล่าครับจะติดต่อไป
หากใกล้ๆก็ติดให้ได้
ที่จริงติดตั้งเองก็ไม่ยาก สายแดงต่อเข้าขั้วบวกแบต สายดำก็ต่อขั้วลบ ใช้ประแจเบอร์ 10 อันเดียว ตามรูป

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
P205
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,684


« ตอบ #347 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2011 เวลา 11:46:50 »


 love love love :ยินดี อุอุอุ:สวัสดีครับคุณโต ตั้งแต่ที่ผมได้ติดอุปกรณ์ยืดอายุแบตฯ มาติดและได้อ่านกระทู้ ว่ามันกินกระไฟเล็กน้อย ผมจึงเปิดเครื่องไว้ตลอด ก่อนที่ผมจะเปิดเครื่องนั้น ผมได้ใช้มิเตอร์แบบเก่าวัดโวลท์ไว้ ได้ 12 โวลท์กว่านิดๆๆๆ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.- 14 วันนี้ โวลท์ยังอยู่เท่าเดิม เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใช้รถจอดอยู่เฉยๆๆๆ และจะพยายามทดสอบต่อไป ว่าจะมีผลกับโวลท์ของแบตฯหรือเปล่า จึงแจ้งให้ทราบครับ :ยินดี อุอุอุ: สวัสดีมีชัย ขอให้ท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุข สดชื่น สมหวัง ทุกประการ ร่ำรวยๆๆๆ โชคดี โชคดี โชคดี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #348 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2011 เวลา 12:18:02 »


สวัสดีครับคุณโต ตั้งแต่ที่ผมได้ติดอุปกรณ์ยืดอายุแบตฯ มาติดและได้อ่านกระทู้ ว่ามันกินกระไฟเล็กน้อย ผมจึงเปิดเครื่องไว้ตลอด ก่อนที่ผมจะเปิดเครื่องนั้น ผมได้ใช้มิเตอร์แบบเก่าวัดโวลท์ไว้ ได้ 12 โวลท์กว่านิดๆๆๆ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.- 14 วันนี้ โวลท์ยังอยู่เท่าเดิม เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใช้รถจอดอยู่เฉยๆๆๆ และจะพยายามทดสอบต่อไป ว่าจะมีผลกับโวลท์ของแบตฯหรือเปล่า จึงแจ้งให้ทราบครับ
โวลต์ของแบตเตอรีสภาพดี-สมบูรณ์ กรณีประจุไฟจนเต็ม และปลอดการชาร์ทหรือ จอดรถดับเครื่องเกิน 1 ชม จะมีค่าความต่างศักย์ที่ประมาณ 12.75 โวลต์ กรดมีถพใกล้ๆ 1.25 ครับ
แนวโน้มหากมีค่าถพสูงขึ้น ขณะที่ระดับน้ำกลั่นคงเดิม แสดงถึงการสลายผลึกเกลือซัลเฟตได้ผล ครับ

แต่หากสภาพ ถพ ของกรดลดต่ำลงจนต่ำกว่า 1.10 ล่ะก็ คงใกล้หมดสภาพแบตแล้วครับ
การวัดโวลต์ก็จะมีแรงเคลื่อนลดลงเรื่อยๆ อาจจะไปใกล้ 10 โวลต์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #349 เมื่อ: วันพุธที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:34:35 »


ตอนสำคัญแล้วครับ หากตอนนี้เข้าใจกันแล้วถัดไปก็จะ DIY กันแล้ว.........เชิญตักตวง

การเกิดซัลเฟชั่น (Sulfation) หรือการเกิดเกลือซัลเฟตในแบตเตอรี

การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ส่วนมาก มีสาเหตุมาจากการเกิดซัลเฟชั่น Sulfation
เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ไปได้ระยะหนึ่ง
ปริมาณตะกั่วซัลเฟตจะสะสมที่แผ่นธาตุมากขึ้น
ซึ่งตะกั่วซัลเฟตนี้มีลักษณะที่เป็นฉนวน จะเกิดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
และเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ?Sulfation? กล่าวคือ
ตะกั่วซัลเฟตบนแผ่นธาตุจะรวมตัวกันเป็นผลึกที่มีขนาดใหญ่
โดยทั่วไปจะเรียกผลึกของตะกั่วซัลเฟตนี้ว่า ?Hard sulfate?
ซึ่ง Hard sulfate นี้อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นตะกั่วและกรดซัลฟูริกได้อีก
ทำให้แบตเตอรี่มีความจุ (แอมแปร์-ชั่วโมง) ลดลง และจ่ายกระแสได้ปริมาณ (แอมแปร์) ลดลง
 
คราวนี้มาดูรูปครับ
รูปผลึกตะกั่วซัลเฟต
 

รูปข้างบนคือตะกั่วซัลเฟตก่อตัวบนแผ่นธาตุ
ระหว่าง การคายประจุไฟฟ้า

 

รูปข้างบนคือ
ต่อมาตะกั่วซัลเฟตที่ก่อตัวบนแผ่นธาตุจะกลับไปเป็น
ตะกั่วและตะกั่วออกไซด์เมื่อมีการ ชาร์จแบตเตอรี่ ลักษณะนี้จะเกิดวนเวียนในแบตเตอรีทุกวัน

ในอุดมคติหรือทางทฤษฎี
ตะกั่วซัลเฟตจะมีขนาดเล็กและสามารถละลายได้หมด
ทำให้ไม่มีตะกั่วซัลเฟตหลงเหลือตกค้างอยู่ เมื่อแบตเตอรีได้รับการชาร์ทจนเต็ม
 

รูปข้างบนคือ
ความเป็นจริงผลึกตะกั่วซัลเฟตเหล่านี้เมื่อรถจอดนึ่งผลึกนี้จะพอกตัวเป็นผลึกจนอาจจะมีขนาดใหญ่
และรวมตัวเป็นชั้นหุ้มแผ่นธาตุ
นี่เป็นเหตุให้แบตเสื่อมไวขึ้นเมื่อจอดรถไว้นานๆ

ทำให้หน้าสัมผัสระหว่างแผ่นธาตุ
กับสารละลายอิเล็กโตรไลต์มีพื้นที่ลดลง
 

รูปข้างบนคือด้วยเหตุนี้ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงหลังการใช้งานระยะหนึ่ง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในสภาวะที่ไม่สามารถประจุไฟได้เต็ม 100 % ตลอดเวลา
เช่นการใช้รถยนต์ในเมือง, ตอนกลางคืน, ช่วงเวลาฝนตก
และการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมต่างๆเช่นเครื่องเสียง, เครื่องเล่น DVD ฯลฯซึ่งเป็นกระบวนการคายประจุไฟฟ้า

จะยิ่งทำให้มีการเกิดผลึกตะกั่วซัลเฟตขนาดใหญ่มากขึ้น
ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อความจุของแบตเตอรี่ลดลง
ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องอื่นๆ
ตามมามากมาย

และเมื่อไม่สามารถเก็บพลังงานและจ่ายกระแสไฟฟ้าได้
เต็มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่
ทำให้ ระบบประจุไฟฟ้า ต้องทำงานหนักขึ้น(หมายถึง ไดชาร์จ)
ซึ่งสำหรับรถยนต์ก็คือการเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้า
อาจเป็นต้นเหตุหนึ่งของการ สิ้นเปลืองน้ำมัน โดยเปล่าประโยชน์

 

แผ่นธาตุของแบตเตอรี่ใหม่
 
 



สองรูปข้างบนคือแผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่เพิ่งใช้งานใหม่ๆและภาพขยายโดยกล้อง microscope

 

แผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่มีผลึกตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่
 
 



สองรูปข้างบนคือแผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่มีผลึกตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่และภาพขยายโดยกล้อง microscope

ท้ายสุดนี้ผมจึงค้นหาวิธีที่จะทำให้มั่นใจว่าแบตเตอรีมีการชาร์จไฟเต็ม และขณะชาร์จจะต้องทำการสลายผลึกเกลือตัวนี้ให้ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า "DESULFATION"
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #350 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:26:13 »


ทราบ กระแสไฟ นั้นถูกต้องแต่ มัน .....ไม้ช่าย......ตัวเดียวกันครับ

ซึ่งถ้าไปเช็คตามร้านทั่วไปที่ไม่มีเครื่องมือพิเศษ ก็อาจจะบอกว่าแบตเสื่อมหรือไม่ก็จะจับแบตไปทำการ recharge ถ้าหลังจากชาร์จแล้ว ยังเหมือนเดิมก็แสดงว่า แบตเสื่อมสภาพ
แต่ในปัจจุบัน มีเครื่องมือพิเศษเป็นอุปกรณ์ทีใช้ในการวัดประสิทธิภาพของแผ่นธาตุในแบตเตอรี่ ว่ายังมีสภาพพร้อมที่จะทำปฎิกิริยากับน้ำกรดเพื่อสร้างกระแสไฟ ให้เกิดค่ากำลังไฟครับ
แบบฝรั่งว่าไว้คือ
What is Cold Cranking Ampere (CCA) Rating?
The Cold Cranking Ampere (CCA) rating is the industry rating that measures the cranking power a battery has available to start an engine at 0&ordm; F. The Battery Council International defines it as the number of amperes a lead acid battery at 0&ordm; F can deliver for 30 seconds and maintain at least 1.2 volts per cell.
สรุปแบบให้คนไทยรู้เรื่องคือ
นิยาม CCA (cold cranking amp) คือ ค่ากระแสไฟสูงสุดที่แบตลูกนั้นๆ สามารถจ่ายกระแสออกมาได้ในช่วงที่มีการสตาร์ทรถ ช่วงสั้นๆ 5-10 วินาที
ซึ่งค่า cca ของแบต แต่ละรุ่นนั้นมีค่ามาตรฐานที่แตกต่างกัน แต่ทุกยี่ห้อจะต้องมีค่าไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ตามระบบสากล
เช่น แบตรุ่น ปิกอัพ ขนาด 70 แอมป์ หรือท้องตลาดจะเรียกว่า รุ่น 70 z นั้น ตามระบบสากลเรียกรุ่นนี้ว่า รุ่น 75D 31 ซึ่งมีค่ามาตรฐาน cca ต้องไม่ต่ำกว่า 440 แอมป์ ซึ่งถ้าใช้อุปกรณ์วัดค่า cca แล้วพบว่า ต่ำกว่ามาตรฐาน อย่างน้อย 20% เครื่องจะเตือนและแจ้งว่า ควรที่จะเปลี่ยนแบตใหม่ได้แล้ว
เพราะมิฉะนั้นท่านอาจจะพบเหตุ แบตหมดได้ในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้นจะเห็นว่า ค่าโวลท์ หรือ ค่า ถ.พ.น้ำกรดนั้น มิได้เป็นตัวบอกว่าแบตลูกนั้นจะใช้งานได้ดีหรือไม่เสมอไป

เพราะมีหลายท่านอาจจะพบว่า นำแบตไปชาร์จจนโวลท์เต็ม ขนาด 12.6-12.8 โวลท์แล้ว แต่ทำไมยังไม่สามารถสตาร์ทรถติดได้ นั้นก็ เพราะแผ่นธาตุนั้นเสื่อมแล้ว ไม่สามารถสร้างกระแสไฟได้
หรือบางทีเราลืมเปิดไฟหรื่ค้างคืนไว้ พอเช้ามาสตาร์ทรถไม่ติด ถ้าไปเข็คตามร้านทั้วไป อาจจะบอกว่าแบตหมด เสื่อมแล้ว เพราะเขาวัด แต่เฉพาะโวลท์ของแบต ไม่สามารถวัดค่า cca ได้
ซึ่งถ้าใช้เครื่องวัดเครื่องจะแจ้งว่า good recharge หมายถึง สภาพแผ่นธาตุยังคงใช้งานได้แต่ค่าโวลท์นั้นต่ำลง (เพราะเราลิมเปิดไฟค้างคืนไว้) ถ้าเรานำไป recharge ใหม่ก็จะใช้งานได้ดังเดิม
การวัดค่าต่างๆ ในตัวแบตเตอรี่มีหลายค่า ที่ต้องวัดเพื่อทราบถึงประสิทธิภาพของ การทำงานของแบตเตอรี่ นอกเหนือจากการวัดค่าแรงดันไฟ Volatage no-load แล้วค่าอื่นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน
แต่ถ้าจะมาจำเพาะเจาะจงถึงเรื่องกำลังไฟสำหรับการติดหรือการสตาร์ทเครื่องยนต์ (รวมทั้งการชดเชยกำลังไฟที่ระบบต้องการในช่วงสั้นๆ) สิ่งที่สามารถบอกถึงประสิทธิภาพในเรื่องนี้คือ การวัดค่า CCA (Cool Cranking Ampere)
เมื่อค่าที่วัดได้ เปรียบเทียบกับค่าที่ระบุจากแบตเตอรี่ และจากผู้ผลิตรถยนต์ ไม่ตรงกัน อาจก่อปัญหาได้ เช่นถ้าค่าที่วัดได้ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดให้ใช้ อาจทำให้แบตเตอรี่ไม่มีกำลังพอที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดได้บ่อยกับรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่เป็นเวลานาน(หรือ บางค่ายรถนิยมเอาแบต Recycle มาใส่ให้ในรถใหม่ป้ายแดง) และไม่มีการ ตรวจเช็คอย่างถูกต้อง พอใช้ไปไม่นานก็ทำให้ต้องขอพ่วงไฟเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์จารถคันอื่นๆ

ตรวจเช็ครถยนต์ครั้งต่อไป อย่าลืมให้ช่างเช็คค่า CCA ของแบตเตอรี่เพื่อความสะดวก ปลอดภัยในการใช้รถยนต์(เราควรบันทึกค่า CCA ของแบตลูกนั้นเป็นประวัติด้วย มันจะลดค่าลงเรื่อยๆ ครับ)

ท้ายนี้ ผมก็แสดงรูปให้ดูซะหน่อยว่าเจ้า เครื่องที่เรียกว่า Battery Analyser ที่ผมใช้อยู่นั้นมันแสดงค่าอะไรบ้าง

รูปบนเป็นการ Set ค่า CCA ที่ตาม specification ของแบตลูกนั้นๆ

รูปบนเป็นค่าที่เครื่องอ่านได้ Bar ด้านบนบ่งสภาพแบตและ%ของไฟที่ประจุอยู่ในแบต ถัดลงมา ตรงกลางเป็น CCA ตาม specification  และล่างสุดเป็น CCA ที่อ่านได้

รูปบน ก็บอกเพิ่มครับว่าแบต มีโวลต์เท่าไหร่ และ มีความต้านทานเท่าไหร่
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
ekachai v
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,534


« ตอบ #351 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:19:56 »


อุปกรณ์ที่ผมซื้อมา 2 ตัวยังไม่ได้ติดเลยครับ ถามนิดนึงว่าถ้าเกิดมันช๊อตมันจะัมีวงจรตัดไฟในตัวไหมครับ เพื่อป้องกันแบตระเบิด หรือไฟไหม้น่ะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #352 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:28:31 »


อุปกรณ์ที่ผมซื้อมา 2 ตัวยังไม่ได้ติดเลยครับ ถามนิดนึงว่าถ้าเกิดมันช๊อตมันจะัมีวงจรตัดไฟในตัวไหมครับ เพื่อป้องกันแบตระเบิด หรือไฟไหม้น่ะครับ
โถรับไปตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้ติดตั้ง
เดิมผมก็เกรงอย่างท่าน เอกชัยว่าไว้ แต่ด้วยเหตุว่าอุปกรณ์ตามแผงวงจรนี้ บริโภคไฟไม่กี่ มิลลิแอมป์
แต่ด้วยที่ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ภายในกล่องจึงมีชุดหลอดฟืวส์ เพื่อตัดวงจรด้วยแล้วครับ หายห่วงได้ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
ekachai v
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,534


« ตอบ #353 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:50:40 »


ขอบคุณครับ ที่ไม่ได้ติดไม่ได้กลัวหรอกแต่พอกลับไปสุราษฎร์มีงานอื่น ๆ ทีมันใหญ่กว่ามาแทรกทุกทีครับ (งานของ ผบ.ทบ. เรื่องเล็ก ๆ ก็เป็นเรื่องใหญ่ งานของเราเรื่องใหญ่ ๆ ก็เป็นเรื่องเล็กครับ)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #354 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:00:47 »



ตามรูปครับ ในกล่อง จะมีตลับดำๆ เล็กๆ เป็นตลับบรรจุหลอดฟิวส์อยู่ภายใน

โชคดีครับ ผมก็ ปฏิบัติกะท่าน ผบ.ทบ. แบบเดียวกัน ทั้งบ้านผมตัดสินใจแต่เรื่องใหญ่ๆ  ส่วนเรื่องเล็กๆให้ท่าน ผบ.ทบ.ตัดสินใจครับ
(แต่ในบ้าน ไม่เคยมีเรื่องใหญ่ๆให้ตัดสินใจเลย)    อิอิ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
lk850
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #355 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:20:48 »


จองหนึงชุดครับ  ช่วยส่งรายละเอียดให้หน่อยครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #356 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:30:17 »


ตอบทาง PM แล้วครับ คุณ lk850
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #357 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:15:06 »


ท่าน Wat7229 มอบให้ช่างแดงอู่ ดำหริแล้ว 2 ชุด

ท่าน Soda 405 คงถึงในวันเสาร์นี้ ดู Tracking No EI 0737 5650 7 TH 2 ชุด ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
SODA 405
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 795



« ตอบ #358 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 16:47:09 »


     ผมได้เพิ่มเติมแล้วติดตั้งดังนี้ครับ...เพื่อความสะดวกในการถอดย้ายไปใช้กับรถคันอื่นๆ ใช้แผ่นอลูมิเนียมฉาก ด้านหนึ่งเจาะรูเท่ากันรูน๊อตเบอร์10เอาไว้ยึดกับแกนเสายึดแบตฯ ส่วนอีกด้านผมใช้กาวพลาสติกเหล็ก3ตันติด(พอดีมีอยู่แล้ว) หาปากคีบดำแดง2ตัว และน๊อตตัวเมียเกลียวหยาบชนิดหางปลา เท่านี้ก็ได้ตามที่เห็นครับ

      
      
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

VIGO มาแล้ว..           S  O  D  A    แ ซ ง แ ว้ ว ว ว ว ว
toprasert
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #359 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 17:30:23 »


อ่ะ ดูทะมัดทะแมง และแน่นหนาครับ  เดี๋ยวผมเลี่ยนแบบบ้างนะ คงไม่มีสิทธิ์บัตรนะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวสลายผลึกเกลือในแบตที่ผมทำแยกจากคุณเอนก
เป็นวงจรคนละตัว มีเพิ่มฟิวส์ ไฟแสดงการทำงาน และอื่นๆ ที่มารูปลักษณ์และราคาจึงต่างกัน โปรดอ่านได้จาก
กระทู้ผมเริ่มจาก 28 ธค2010 ครับ
ท่านที่สงสัยโปรดอ่านตามลำดับ หรือ โทร 081 8445917 ครับ
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=8665.312
SODA 405
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 795



« ตอบ #360 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 17:45:17 »


อ่ะ ดูทะมัดทะแมง และแน่นหนาครับ  เดี๋ยวผมเลี่ยนแบบบ้างนะ คงไม่มีสิทธิ์บัตรนะครับ

ก็ตามที่ผมได้โทรคุยกับท่านก่อนหน้านี้นะครับ เพราะผมเล็งเห็นถึงการใช้ให้คุ้มที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีรถหลายคันแต่ขับคนเดียว ถ้าทำอย่างที่ผมทำมานี้เวลาจะใช้คันไหนง่ายไปหมดไม่ต้องใช้เครื่องมือใดเลย เอามาบอกเล่าต่อเพื่อเพื่อนสมาชิกครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

VIGO มาแล้ว..           S  O  D  A    แ ซ ง แ ว้ ว ว ว ว ว
หน้า: 1 ... 11 12 13 14 [15] 16 17 18 19 ... 23 ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!