เป็น FW mail น่ะครับ เลยส่งมาเล่าสู่กันฟัง
From: Apirat Sansit
Subject: Fw: กู้ภัยอันตรายแห่งอำเภอปลวกแดง
. . . เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550
ขณะนั้นเวลา 21.00 น. ผมได้ขับรถกลับจากที่ทำงานไปดูทำเลเปิดออฟฟิศที่ อ.ปลวกแดง
เสร็จธุระแล้วก็กำลังจะเดินทางไปส่งเพื่อนที่บริษัทในซอย 3 นิคมอีสเทิร์นซีบอร์ด(ระยอง) และกลับบ้าน
ผมได้เลี้ยวเข้าถนนด้านหลังนิคมฯ มีรถกระบะวีโก้สีขาวติดไซเรนวิ่งตัดหน้าไป
ผมไม่สนใจอะไรก็ขับตามไปแต่กะบะคันนั้นก็เหมือนจะจงใจแกล้งขับช้าแต่ไม่ให้เเซง
ผมไม่สนใจ ผมรีบ ผมจึงเเซงขึ้นไปและปาดหน้าเพราะเป็นถนนวิ่งสวนและแคบ
จากนั้นรถคันดังกล่าวได้ตามผมมาตลอด ผมลองกลับรถไปทาง อ.ปลวกแดง รถคันดังกล่าวก็กลับรถตาม (แน่ๆเลยเค้าตามผม)
ผมไม่เข้าใจทำไมเค้าถึงตามผม ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย เค้าไม่ใช่ตำรวจ เค้ามาตามผมทำไม
ไซเรนที่เปิดก็เปิดมาก่อนจะเจอผมแล้ว ผมเลยเร่งความเร็วเพื่อหนีไปที่ชุมชน . . .
แต่เจ้ากรรมตลอดทางดูเหมือนเค้าวิทยุเรียกพวกเดียวกัน
รปภ.ปลวกแดงเอารั้วเหล็กกั้นไม่ให้ผมหนี แต่ผมขับหลบมาได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนถึงตัวอำเภอมีรถกู้ภัยจอดขวางถนน 2 คัน ทั้งๆที่ผมขับมา 140 กม./ชม. (นี่มันคิดว่าผมเป็นโจรปล้นธนาคารรึไง ผมคิดในใจ)
ด้วยความเร็วที่เหยียบมาผมเบรคไม่ได้อแล้วผมหาช่องไหล่ทางหลบรถกู้ภัยปลวกแดง
และก็หวิดจะเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง ผมขับรถวิ่งผ่านอำเภอปลวกแดง ขณะนั้นผมกะจะไปที่สถานีตำรวจ
แต่ผมขับเลยออกไปทางถนนที่มุ่งหน้าไประยอง รถที่ตามผมทีนี้ไม่ใช่ 2 แล้ว มีกะบะอีซุซุ ไฟหน้าติดเพียงดวงเดียว
ตามผมมาอย่างกะชั้นชิดสองข้างทางก็เปลี่ยวมืด และเวลานี้ก็ดึกแล้ว ผมไม่กล้าจอด
ในใจคิดว่าถ้าจอดคงต้องมีเรื่องแน่ๆเลยขับหนีต่อไป ระหว่างทางมีรถกู้ภัยปลวกแดง พยายามกีดขวางอีกหลายคัน
แต่ผมก็ขับหนีไปได้ จนหลงทางเข้าไปในป่ายางบริเวณอ่างหนองปลาไหล ทางเป็นถนนลูกรัง . . .
ผมเหยียบรถหนีอย่างไม่คิดชีวิติ กะว่ายังไงๆก็ต้องไปที่ชุมชนเพื่อความปลอดภัย
แต่รถผมเสียหลักบริเวณโค้งหักศอก รถอีซุซุที่ตามมาชนรถผมอย่างแรงจนไถลเกือบตกอ่าง แต่ผมก็ขับต่อไป ซึ่งรถคัน
ดังกล่าวก็ตามมาอย่างกะชั้นชิด และมาชนข้างจนรถผมเสียหลักอีกครั้งและแซงขึ้นไปจากนั้นก็
พยายามปาดซ้ายปาดขวาและเบรกรถเพื่อให้รถผมหยุด จนที่สุดผมเห็นรถกู้ภัยหลายคันจอดขวางทางมีคนจำนวนมากยืนดักอยู่
ผมเห็นว่าหนีไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร รถก็เสียหายมาก และมันหนีต่อไปอีกไม่ได้แล้วจึงเปิดกระจกและยกมือพร้อมพูดออกไปว่า . . .
“พี่อย่าทำอะไรผม ผมยอมแล้ว...!!” สิ้นเสียงมีชายวัยกลางคนที่ในมือกำท่อนไม้อยู่ปราดเข้ามาเปิดประตูและกระฉากผมอย่างแรง
พร้อมด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนผมจะเสียหลังล้มลงและถูกกระทืบ เตะ และต่อยอย่างไม่ยั้ง
ผมได้ยินเสียงด่าทอผมและมีคนอีกนับสิบที่แต่งชุดกู้ภัย เข้ามาทำร้ายผมอย่างบ้าคลั่งกะให้ผมตายอยู่ตรงนั้น
ผมกระร่วมด้วยช่วยกันกระสนหนีไปใต้ท้องรถ หูที่อื้อตาที่บวม และเลือดที่ไหลออกมาทำให้ผมคิดว่าผมไม่รอดแน่ๆ
แต่ผมก็ไม่อาจทานแรงดึง ผมถูกดึงออกมารุมต่อช่วงนาทีชีวิต ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากถูกรุมทำร้าย
สักพักก็มีเสียงชายที่เข้ามาห้าม “เอ้ย หยุดได้แล้ว พอแล้วๆ” เวลานั้นผมก็แทบจะเดินไม่ไหวแล้ว แต่ก็รู้สึกตัว
รู้พวกมีคนห้ามและก็ลากผมไปยังรถกะบะคันหนึ่งนำผมไปทิ้งที่โรงพยาบาลปลวกแดง โดยแจ้งพยาบาลว่าผมเมาและขับรถประสบอุบัติเหตุ
ตอนนั้นผมมีสติ แต่ผมยังไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป เพราะผมอยากรู้ว่าพวกมันจะทำอะไรต่อไป
พยาบาลก็จัดการกับหูที่ถูกไม้ตีจนขาด แต่บาดแผลอื่นๆที่มีทั่วร่างกายพยาบาลไม่ได้ทำอะไรเลย . . .
แม้ผมจะพอมีสติแต่ร่างกายมันบาดเจ็บมากจนขยับตัวไม่ไหว
รุ่งขึ้นผมถูกส่งตัวไปเอ็กซ์เรย์และรักษาที่รพ.พญาไท ศรีราชา นอนพักรักษาตัวอยู่ 3 วัน
ด้วยค่ารักษาพยาบาลที่เกินประกันสังคมไปแล้วกว่าห้าพันบาท จึงตัดสินใจออกมาพักฟื้นต่อที่บ้านอีก 2 วัน
ก่อนจะไปแจ้งตำรวจที่ สภอ.ปลวกแดง ผมถูกทำร้าย เงินหาย โทรศัพท์มือถือถูกขโมย ผมรู้ตัวคนร้าย
เพื่อนผมจำหน้าได้หมด และระหว่างที่อยู่ที่รพ. มีนายกเทศมนตรีปลวกแดงและคณะฯ ได้เข้ามาเยี่ยมผมด้วย
ให้นมผมมา 1 โหลกับรังนกอีก 6 ขวด พร้อมกับขอโทษที่เข้าใจผิดนึกว่าเป็นกู้ภัยคู่อริที่ข้ามถิ่น (ดูมันพูดครับ)
แถมท้ายด้วยว่า “พี่ว่าน้องอย่าเอาความกันเลย แล้วไปแล้ว ต่างคนต่างซ่อมรถ ฟ้องไปก็มีแต่เปลืองเงินทั้งคู่. . .
นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนน้องถูกยิงตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะ” (ดูคำพูดมัน)
จำไว้นะครับไอ้นายกเทศมนตรีบ้านปลวกแดงที่ชื่อ "นายชัยยงค์ คูเพ็ญวิจิตรตระการ"
ไอ้นี่มันเป็นประธานมูลนิธิกู้ภัยด้วย หากินบนกองทุกข์คนอื่น . . .
หลังแจ้งตำรวจไปหลายวันผมไม่เห็นอะไรคืบหน้า
ผมจึงตัดสินใจไปตามหาวายร้ายในคราบกู้ภัยที่ทำร้ายผมและขโมยเงินผมและขโมยโทรศัพท์มือถือผมไป
ผมตระเวณตามร้านมือถือในปลวกแดงกว่า 10 ร้าน จนมาถึงร้านขายมือถือ เยื้องกับธนาคารศรีนครในตัวอำเภอปลวกแดง
ผมเห็นโทรศัพท์มือถือผมวางขายอยู่ ไม่รอช้าผมไปแจ้งให้ตำรวจมาจัดการเจ้าของร้าน
(มาทราบทีหลังว่าเจ้าของร้านเป็นอดีตกู้ภัยที่เอาทรัพย์สินมีค่าของผู้ประสบเหตุมาฟอกเงิน)
มันเป็นขบวนการที่เ(ห)ลวต้มยำ จนแล้วจนรอดผมก็ได้แค่มือถือคืนตำรวจปล่อยตัวเจ้าของร้านไป
เพราะมันอ้างว่ามีคนเอามาซ่อม จำหน้าไม่ได้ (ดูความต้มยำของมัน) . . .
จนวันนี้วันที่ 5 พฤษภาคม 2550 ตำรวจที่ชื่อ รตท.กิตติพงษ์ ศรีชำนาญ พงส. สบ.1 สภอ.ปลวกแดง
ก็ยังให้คำตอบกับผมว่า “กำลังขอคัดรูปจากกู้ภัยปลวกแดงอยู่”
ผมฟ้องร้องเรื่องดังกล่าวไปยังจเรตำรวจแห่งชาติภายใต้ รักษาการอธิบดีกรมตำรวจที่ชื่อเสรีพิสุทธิ์ เตมีย์เวช ที่กำกับดูแลอยู่ เรียบร้อยแล้ว
แต่ก็ยังเงียบครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตำรวจกำลังเข้าข้างใคร ความยุติธรรมในสังคมนี้ไม่มีเหลือให้ผมศรัทธาอีกต่อไป
เจ้าหน้าที่รัฐกินภาษีจากประชาชนเพื่อกลั่นแกล้งประชาชนโดยเฉพาะสถาบันตำรวจมันเสื่อมไปแล้วสำหรับผม หมดศรัทธาครับ
ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่นๆ นะครับ