ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2024 เวลา 18:42:48

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  แบ่งสมบัติ"ยนตรกิจ"หมื่นล้าน จุดเปลี่ยนระบบ"กงสี"สู่"มืออาชีพ"
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: แบ่งสมบัติ"ยนตรกิจ"หมื่นล้าน จุดเปลี่ยนระบบ"กงสี"สู่"มืออาชีพ"  (อ่าน 30691 ครั้ง)
intra
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 386


« เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 05 เมษายน 2007 เวลา 21:12:40 »


ไปอ่านเจอมา   http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0101020450&show=1&sectionid=0201&day=2007/04/05&page=1


     แบ่งสมบัติ"ยนตรกิจ"หมื่นล้าน จุดเปลี่ยนระบบ"กงสี"สู่"มืออาชีพ"

ปิดฉากศึกสายเลือด "ยนตรกิจกรุ๊ป" พี่น้องตระกูล "ลีนุตพงษ์" ทั้ง 2 ขั้ว แบ่งสมบัติกันลงตัว เซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทในเครือมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา "เสี่ยเชียร ลีนุตพงษ์" นำทีมขอซื้อหุ้นทั้งหมดจากอีกฝ่าย "วิฑิต" ยุติบทบาทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เตรียมนำมืออาชีพเข้ามานั่งบริหารแทนหวังยกระดับสู่อินเตอร์ พร้อมเจรจาขยายธุรกิจเพิ่ม เล็งดึงรถจากจีนเข้ามาผลิตและจำหน่าย

แหล่งข่าวระดับบริหารจากกลุ่มยนตรกิจกรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์โฟล์กสวาเกน ออดี้ ซีตรอง เปอโยต์ เกีย สโกด้า และเซียท เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ทางผู้ถือหุ้นกลุ่มยนตรกิจกรุ๊ปซึ่งประกอบด้วยบรรดาพี่น้องในตระกูล "ลีนุตพงษ์" จำนวน 18 คน ได้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัทในเครือระหว่างกันอย่างเป็นทางการ ในมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว

โดยผู้ถือหุ้นที่เป็นฝ่ายซื้อกิจการนำทีมโดยนายวิเชียร ลีนุตพงษ์, นายสรวิชญ์ ลีนุตพงษ์ และนายถาวร ลีนุตพงษ์ ส่วนผู้ถือหุ้นที่ขายกิจการมีหลายคนด้วยกัน อาทิ นายวิฑิต ลีนุตพงษ์, นายพงษ์เทพ ลีนุตพงษ์, นายวิโรจน์ ลีนุตพงษ์, นายพสุพงษ์ ลีนุตพงษ์ เป็นต้น

สำหรับกิจการในกลุ่มยนตรกิจทั้งหมดประกอบด้วยบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ทั้ง 7 ยี่ห้อ ได้แก่ โฟล์กสวาเกน ออดี้ ซีตรอง เปอโยต์ เกีย สโกด้า และเซียท บริษัทผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพรจิโอ โรงงานประกอบรถยนต์คือบริษัท วายเอ็มซี แอสเซมบลีย์ จำกัด โรงงานทำแม่พิมพ์บริษัทโอกิฮารา ไทยแลนด์ จำกัด โรงงานปั๊มตัวถังรถยนต์บริษัทยนตรกิจ อินดัสตรีย์ จำกัด โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์บริษัทเอทีพี อินดัสทรีย์ จำกัด และยังมีบริษัทย่อยอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ได้มีการคำนวณมูลค่าหุ้นของบริษัทในเครือยนตรกิจกรุ๊ปทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งในการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ทางผู้ถือหุ้นฝ่ายซื้อกิจการได้ตกลงซื้อหุ้นทั้งหมดมาเป็นของฝ่ายตน โดยคิดเป็นมูลค่าในการซื้อขายประมาณ 5,000 ล้านบาท

"ที่ผ่านมาพี่น้องในตระกูลลีนุตพงษ์ทั้ง 18 คน ที่ถือหุ้นไขว้กันอยู่ในยนตรกิจกรุ๊ป ต่างแบ่งกันบริหารงานของบริษัทในเครืออย่างชัดเจน แต่ด้วยความที่นโยบายบางอย่างไม่ตรงกัน ทำให้การทำงานบางส่วนไม่ค่อยราบรื่นนัก จึงได้มีการเจรจาให้เกิดดิวนี้ขึ้น เพื่อตัดปัญหาความไม่ลงรอยกัน และให้การทำงานของยนตรกิจกรุ๊ปเป็นไปในทิศทางเดียวกัน" แหล่งข่าวกล่าว

ก่อนหน้านี้กลุ่มยนตรกิจได้มีการแบ่งเค้กการบริหารงานกันมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยในส่วนของบริษัทที่ทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทั้ง 7 ยี่ห้อ ได้จัดแบ่งเป็นกลุ่มเอ และกลุ่มบี โดยกลุ่มเอประกอบด้วยโฟล์กสวาเกน ออดี้ และเซียท มีนายวิเชียร ลีนุตพงษ์ และนายสรวิชญ์ ลีนุตพงษ์ เป็นผู้นำในการบริหารงาน กลุ่มบีประกอบด้วย เปอโยต์ ซีตรอง สโกด้า และเกีย มีนายวิฑิต ลีนุตพงษ์ นายวิโรจน์ ลีนุตพงษ์ และนายพสุพงษ์ ลีนุตพงษ์ เป็นผู้นำในการบริหารงาน

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการทำตลาดรถยนต์ของทั้ง 2 กลุ่ม ไม่ได้มีการประสานงานกันมากนัก ต่างฝ่ายต่างดูแลงานที่ตนรับผิดชอบ แม้ว่าทุกบริษัทจะอยู่ภายใต้เครือยนตรกิจกรุ๊ปก็ตาม ดังนั้นการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้น่าจะเป็นการยุติปัญหาสำหรับพี่น้องทั้ง 2 สาย

"กลุ่มยนตรกิจก่อตั้งขึ้นโดยนายอรรถพร ลีนุตพงษ์ และนายอรรถพงษ์ ลีนุตพงษ์ ซึ่งเป็นพี่น้องกัน หลังจากที่นายอรรถพรเสียชีวิตลง ได้มีการปรับโครงสร้างผู้บริหารกันใหม่ โดยมีลูกชายของทั้ง 2 คน เข้ามานั่งเป็นกรรมการบริหารในบอร์ด ซึ่งประกอบด้วยนายสรวิชญ์และนายวิฑิต ซึ่งเป็นลูกชายคนละแม่ของนายอรรถพร รวมทั้งนายพงษ์เทพและนายพลกฤต ซึ่งเป็นลูกชายคนละแม่ของนายอรรถพงษ์ ซึ่งดิวการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ ทางพี่น้องทั้งหมดได้เจรจาตกลงกันในรายละเอียดและมีการเซ็นสัญญากันไปเรียบร้อยแล้ว"

นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ทางกลุ่มยนตรกิจกรุ๊ปได้มีการปรับลดขนาดองค์กรลงครั้งหนึ่งแล้ว โดยเน้นการลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับสถาน การณ์เศรษฐกิจ ซึ่งบางหน่วยงานมีขนาดองค์กรที่ใหญ่กว่างานที่รับชอบ ทำให้ทางกลุ่มต้องปรับขนาดขององค์กรแต่ละหน่วยให้เหมาะสมกับสภาพงานที่รับผิดชอบจริง

ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารเจ้าหนี้ของกลุ่มยนตรกิจได้แนะนำให้ทางกลุ่มลดขนาดองค์กรลง เพื่อให้เกิดการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และสามารถทำกำไรได้

ทางคณะผู้บริหารจึงได้มีการพิจารณาและกำหนดเป็นนโยบายออกมา โดยให้แต่ละหน่วยงานหาแนวทางในการลดต้นทุนของตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการลดจำนวนพนักงานลง ทั้งแบบที่สมัครใจและให้เกษียณก่อนกำหนด โดยบริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนให้ตามข้อกำหนดของกฎหมาย

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับอนาคตของกลุ่มยนตรกิจนั้น คงจะดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่ายรถยนต์ที่มีอยู่ต่อไป โดยนโยบายหลักจะเน้นให้ผู้บริหารมืออาชีพเข้ามานั่งบริหารงานในบริษัทในเครือทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาการบริหารของยนตรกิจเป็นรูปแบบครอบครัว ประกอบกับการ แข่งขันในตลาดรถยุโรปที่ยนตรกิจครอบครองไว้จำนวนมาก มักถูกคู่แข่งที่สำคัญจากค่ายญี่ปุ่นทำให้สูญเสียตลาดไปค่อนข้างเยอะ จำเป็นต้องหามืออาชีพเข้ามาดูแล

นอกจากนั้นยังมีโครงการที่จะขยายธุรกิจด้านยานยนต์ออกไปมากขึ้น ทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ หรือแม้แต่การนำรถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทย

"ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ชื่อยนตรกิจจะคงไว้หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมากว่า 50 ปี แม้ชื่อนี้จะมีส่วนทำกิจการเจริญรุ่งเรือง แต่ในแง่มุมของการทำตลาดรถยนต์ก็มีเสียหายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะปัญหาเรื่องบริการหลังการขาย ดังนั้นอนาคตอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนให้ดีขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ทางยนตรกิจกำลังเจรจากับคู่ค้ารายใหม่หลายโครงการ อาทิ การร่วมทุนกับบริษัทรถยนต์จากประเทศจีน ในการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปจีนและจำหน่ายในประเทศไทยด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด และยังมีโครงการนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ ในประเทศ ซึ่งมีบริษัทรถยนต์ที่ยังไม่ได้เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยเข้ามาติดต่อเจรจาหลายรายแล้ว ทั้งนี้โครงการใหม่ทั้งหมด ยังไม่ได้มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพียงแต่มีการเจรจากันในขั้นต้น และบางโครงการกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้น


ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

     http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0102020450&sectionid=0201


     ตำนานอันยิ่งใหญ่ของตระกูล "ลีนุตพงษ์"

ในบรรดาเจ้าสัวรถยนต์บ้านเรา ค่าย "ยนตรกิจ" ของตระกูล "ลีนุตพงษ์" ถือเป็นอีกค่ายหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ "วิริยะพันธ์" "พรประภา" "พรรณเชษฐ์" หรือ "จึงสงวนพรสุข"

ยนตรกิจเคยได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อรถยนต์ยุโรปอย่างเต็มตัว เพราะเป็นกลุ่มบริษัทของคนไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของค่ายยุโรปถึง 10 ยี่ห้อ ได้แก่ บีเอ็มฯ ออดี้ เปอโยต์ ซีตรอง เบนท์ลีย์ โรลสรอยซ์ เซียท สโกด้า โฟล์กสวาเกน และเกีย จากเกาหลี

ก้าวย่างความสำเร็จของยนตรกิจ เริ่มจากปี 2492 "อรรถพร และอรรถพงษ์" สองพี่น้องตระกูลลีนุตพงษ์ เริ่มธุรกิจค้าเศษเหล็กและอะไหล่ในย่านเซียงกง มีร้านชื่อ "ลี้เล็ง" ก่อนที่จะขยายกิจการมาขายยานพาหนะเหลือใช้ของทหารจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนำซากรถมาปรับปรุงใหม่จนขายดิบขายดี

ถัดมาปี 2504 บริษัท เอเซียมอเตอร์ (บางกอก) จำกัด ของสองพี่น้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู

โดยมีการสั่งซื้อรถยนต์จากดีลเลอร์ในสิงคโปร์อีกทอดหนึ่ง ขายบีเอ็มฯ จนเจริญรุ่งเรือง ในไม่ช้าก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายขายบีเอ็มฯแต่เพียงผู้เดียว

ปี 2508 ยังได้รับการแต่งตั้งเพิ่มเติมให้ขายรถยนต์แลนเซีย จากอิตาลี หลังจากนั้นก็มีโอกาสเป็นตัวแทนจำหน่ายรถอีกหลายยี่ห้อ ทั้งเปอโยต์ และซีตรอง ฟอร์ด

ต่อมาในปี 2516 รัฐบาลได้กำหนดพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับรถยนต์นำเข้า 80% และรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ 33% ทำให้ยนตรกิจตัดสินใจตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้นเองในประเทศ โดยก่อตั้งโรงงาน "วายเอ็มซี" หลังจากนั้นอีกสองปี การเจรจาเพื่อนำรถบีเอ็มฯมาผลิตในประเทศก็เป็นผลสำเร็จ โดยโรงงานแห่งนี้ได้ประกอบรถบีเอ็มฯรุ่น ซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 ยุคนั้นถือเป็นยุคเฟื่องฟูของยนตรกิจ

ในปี 2519 รัฐบาลห้ามนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป ส่งผลดีต่อโรงงานวายเอ็มซี ซึ่งได้ประกอบรถยนต์เปอโยต์รุ่น 504 และเป็นรุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก

ความพยายามของสองพี่น้องตระกูล "ลีนุตพงษ์" ไม่หยุดยั้งเพียงเท่านั้น เขาพยายามติดต่อฝรั่งเศส เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซีตรอง และก็ไม่เกินความสามารถ นอกจากจะได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว ในปี 2524 โรงงานวายเอ็มซียังได้ทำหน้าที่ผลิตรถยนต์ซีตรองขึ้นอีกหนึ่งรุ่น

ปี 2527 ยนตรกิจก่อตั้ง ยนตรกิจอินดัสตรี้ จำกัด ผลิตชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ และรถสกูตเตอร์ ส่งทั้งของโรงงานตัวเอง และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อื่นๆ ด้วย

ถัดมาปี 2529 โฟล์กสวาเกน ก็วางใจให้ยนตร กิจเป็นตัวแทนจำหน่าย ช่วงนั้นแม้แต่น้ำมันเครื่อง "ยูโนแคล" ก็มองเห็นความโดดเด่นของยนตรกิจ

ปี 2531 ยนตรกิจตั้งบริษัทเอแอนด์เอ ออโตพาร์ท รับผิดชอบด้านการนำเข้า และอะไหล่รถยนต์ทุกยี่ห้อของยนตรกิจ

นอกเหนือจากขายรถใหม่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่โดยนำรถยนต์เก่ามาแลก หรือลูกค้าที่สนใจรถยนต์มือสองที่เชื่อถือได้ ยนตรกิจจึงได้จัดตั้ง บริษัท ยนตรกิจ แอ๊พพรูฟคาร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการซื้อ-ขาย รถยนต์เก่า ในปี 2540

ปี 2541 กระแสตกต่ำทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น ยนตรกิจยุติบทบาทการขายบีเอ็มฯ โดยบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเอง ช่วงนั้นกระแสการคืบคลานเข้ามาของบรืษัทแม่ไม่ว่าจะเป็นเบนซ์ บีเอ็มฯ วอลโว่ มีให้เห็นชัดเจนขึ้น

ยุคนั้นถือเป็นยุคตกต่ำของอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่ด้วยความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในตลาดรถยนต์ ยนตรกิจก็สามารถประคับประคองตัวเองฝ่าฟันวิกฤตครั้งนั้นมาได้สำเร็จ จนมาถึงยุคเปลี่ยนถ่ายจากเจเนอเรชั่นแรกสู่เจเนอเรชั่นที่สอง และสาม

กระแสความแตกแยกในระยะหลังเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาต่อเนื่องว่า พี่น้องหลายคนในตระกูลอยากเลิกและแบ่งสมบัติกันไปเลย แต่ก็ยังไม่ สามารถหาคนมาสืบทอดหรือดำเนินการใดๆ ต่อได้

ยิ่งตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง ยนตรกิจยิ่งเหมือนตกอยู่ท่ามกลางความสับสนในทิศทางของธุรกิจ ยังไม่สามารถปรับตัวหรือจัดสรรโครงสร้างการดำเนินธุรกิจได้ชัดเจนว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่าน แต่ละฝ่ายตัดสินใจ โดยฝ่ายหนึ่งที่ไม่สนใจทำตลาดรถยนต์ประกาศตัวทิ้งกิจการขายหุ้นทั้งหมดออก มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ปล่อยให้อีกฝ่ายที่ยังมีใจรักรับหน้าที่ทำต่อ

แถมกลุ่มที่รับช่วงต่อยังมีแนวคิดจะเอามืออาชีพเข้ามาเสริมศักยภาพที่มีอยู่ให้ดูโดดเด่นกว่าที่เป็นอยู่

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า "มืออาชีพ" ที่กำลังจะเข้ามาจะทำหน้าที่ได้อย่างมืออาชีพได้แค่ไหน จะหลุดพ้นจากระบบกงสี หรือการบริหารงานแบบครอบครัวใหญ่ ที่หยั่งรากฝังลึกได้มากน้อยแค่ไหน

แต่ถ้าทำได้จริง "ยนตรกิจ" ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ก็น่าจะกลับมายิ่งใหญ่เทียบรัศมียักษ์ต่างชาติได้ไม่ยาก


แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
pong_rungsit
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 62



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 05 เมษายน 2007 เวลา 21:37:25 »


ได้ความรู้เพิ่มมาอีกเยอะเลย ขอบคุณครับ Afro
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
mi90
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #2 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 05 เมษายน 2007 เวลา 22:20:36 »


ตกลงกลุ่มบริหารเปอโย ขายให้กลุ่ม เอ แล้วใช่ไหมครับแสดงว่าเปอโยต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการตลาดการบริการใหม่หรือเปล่า เข้าใจถูหรือเป่าน้อ ....................
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
happies
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 76



« ตอบ #3 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 06 เมษายน 2007 เวลา 00:49:53 »


หวังว่าจะทำให้ดี ปรับปรุงการบริการใหม่ด้วยใจ ไม่ใช่ว่าจะมานั่งคิดว่า 5,000 ล้าน ที่จ่ายไปทำยังไงจะคืนทุนเร็วหนอ
หวังว่าต่อจากนี้การบริการของศูนย์แต่ละศูนย์ถ้าได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน ไม่ใช่อะไรๆก็ที่สุรวงศ์
หวังว่าจะมีแนวความคิดขยายโชว์รูมที่เป็นแบบรวมทุกยี่ห้อของยนตรกิจไว้ในศูนย์เดียวกัน เพราะคิดว่าเปิดหลายยี่ห้อมันเปลืองโดยใช่เหตุ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ความรัก ความชอบ เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครถูกผิด เพราะทางชิวิตต้องเลือกเอง
wut405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,978



« ตอบ #4 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 06 เมษายน 2007 เวลา 07:18:39 »


ต้องผ่าตัด การบริหารครั้งใหญ่ด้วย และพวกที่ไม่มีคุณภาพ ที่คอยแต่ ชงกาแฟ แล้วได้เลื่อนตำแหน่ง

เอาไปไกลๆเลยครับ คนแบบนี้ ใน ยนตรกิจ มีเยอาะ วันๆไม่ทำงาน เอาแต่คอยประจบเจ้านาย และหาทาง

เล่นงานคนอื่น ที่ทำงานเกินหน้าเกินตาตัวเอง องค์กรถึงได้เจริญ ฮวบๆแบบนี้ไงครับ พนักงานพวกนี้

ผู้บริหารชุดใหม่ ต้องจัดการและหา มืออาชีพจริงๆ เขามาทำงาน ไม่เช่นนั้นแล้ว มันก้ไม่ต่างกับ

เหล้าเก่าในขวดใหม่ แล้วรถในค่าย ยนตรกิจ ก็อยู่ในวังวนแบบเดิมๆ ต่อไป ตามเดิมครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

กำลังไหนจะ เท่า กำลังใจ
กำลังใจ สำคัญที่สุด
vopang
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 834


« ตอบ #5 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2007 เวลา 21:29:07 »


แล้วผมตั้งตาดูครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ภณ(PON)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
Administrator
เซียนสิงห์
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,041



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2007 เวลา 23:00:33 »


ทราบข่าวนานแล้วครับ แต่ยังไม่มีโอกสแจ้งให้สมาชิกรับทราบนะครับ
เห็นเกี่ยวเนื่องกัน ก็ขอเพิ่มข่าวเพื่อให้เพื่อนสมาชิกทราบครับ

ทาง Peugeot สุรวงศ์อาจเตรียมการย้ายไปที่หัวหมากแทนนะครับ (หัวหมากเพิ่งปิดปรับปรุงไป)
เห็นว่าเดือน 6 นี้
ที่ตั้ง Peugeot สุรวงศ์ ขายที่ดินและตึกไปแล้วครับ

ส่วนที่รองเมืองเห็นว่ากำลังจะมีเปลี่ยนแปลงเช่นกันครับผม
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รูปงาน Meeting ครบ 10 ปี
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=22111.0

คิดถึง Mi16 จังเลยอือๆ
โชคดีโชคร้ายไม่มี....แตกต่างเพียงมุมมองในสถานการณ์

มีปัญหาเรื่องรถก็โทรคุยกันได้ ช่วยบอกชื่อท่าน รุ่นรถก่อนถาม
และเคารพสิทธิส่วนบุคคลผมด้วยครับ เบอร์ 084-556-8หกหกหก
วิดีโอของชมรมนะครับ : http://www.youtube.com/vlovepeugeot
สนใจสมัครนักเขียน : http://www.allwhatever.com
MO306
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 325



« ตอบ #7 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2007 เวลา 10:50:02 »


ว้า ที่เดิมใกล้บ้านดีซะด้วย Sad
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
old-big
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 580



« ตอบ #8 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2007 เวลา 11:10:22 »


ถ้ายกทั้งศูนยืสุริวงศืมาที่หัวหมาก ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะผมได้ประโยชน์สูงสุด ใกล้ทั้งบ้านและที่ทำงาน

หวังว่าจะเป้นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและมีประโยชน์กับฐานลูกค้าใหญ่ เพราะชุดที่ทำงานแล้วๆมาไม่เห็นแก่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ เซอร์วิสในศูนย์ที่สุริวงศ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนจริง ทั้งตรงเค้าเตอร์และข้างบน แต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะมีมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทำตอนขายรถแพงๆ

อีกอย่างเรื่องการซ่อมถ้าลูกค้ารายไหนยินดี เสี่ยงซ่อมคุยกันรู้เรื่อง ก็น่าจะมีการหยวนและคุยกัน แต่รายไหนพูดยากก็เน้นเปลี่ยนอะไหล่ใหม่เอาชัวร์ไม่ว่ากัน 
แบบนี้จะเมนเทรนลูกค้าได้ดีกว่า โลกมันไม่แคบแล้วความรู้ข้อมูลหาได้ทั่วโลก จะปิดหูปิดตาโขกสับไม่ได้แล้ว






แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
intra
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 386


« ตอบ #9 เมื่อ: วันอังคารที่ 17 เมษายน 2007 เวลา 22:50:44 »


ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่สำคัญ ธุรกิจใดๆซักวันนึงย่อมต้องมีความเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปลี่ยนไปให้ดีกว่าที่เป็นอยู่  สุรวงศ์ อาจจะเป็น ตำนานของคนที่ใช้ เปอโยต์ แต่ที่ใหม่ ก็เป็น สาขา ของเปอโยต์ จึงไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก เท่ากับการดูแลลูกค้าหลังการขาย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อลูกค้าไว้ใจ ที่จะให้บริษัทดูแลงานหลังการขาย สิ่งที่ดีกับบริษัทและลูกค้า ก็คงจะได้เห็นกันในเร็วๆนี้ ขอเพียงแต่ให้มีความตั้งใจที่จะดูแลลูกค้า ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #10 เมื่อ: วันอังคารที่ 17 เมษายน 2007 เวลา 23:13:17 »


อ้างถึง
ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่สำคัญ ธุรกิจใดๆซักวันนึงย่อมต้องมีความเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปลี่ยนไปให้ดีกว่าที่เป็นอยู่  สุรวงศ์ อาจจะเป็น ตำนานของคนที่ใช้ เปอโยต์ แต่ที่ใหม่ ก็เป็น สาขา ของเปอโยต์ จึงไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก เท่ากับการดูแลลูกค้าหลังการขาย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อลูกค้าไว้ใจ ที่จะให้บริษัทดูแลงานหลังการขาย สิ่งที่ดีกับบริษัทและลูกค้า ก็คงจะได้เห็นกันในเร็วๆนี้ ขอเพียงแต่ให้มีความตั้งใจที่จะดูแลลูกค้า ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

สาธุ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!