ผมคนนึงที่ติดแก๊สให้กับเครื่อง xu9j4 แล้ว
รถผมเป็น gri ปัจจุบันรถวิ่งไปแล้ว 265,000 กม. แต่เปลี่ยนเครื่องเป็น xu9j4(เกียร์เดิม) มาแล้วประมาณ 6ปี ( ตั้งแต่175,000 กม.) เครื่องปัจจุบันวิ่งไปประมาณ 90,000กม. อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ประมาณ10.5-11 กม./ลิตร ที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. (วิ่ง130-140 กินต่างกันไม่มาก)
พอเบนซินขึ้นราคา แต่ดีเซลไม่ขึ้น ผมแทบไม่ได้ขับเปอโยต์เลย ใช้สัปดาห์ ละวันสองวัน เพื่อไม่ให้แบตหมดไฟ ก่อนติดแก๊สหนึ่งปีใช้ไปไม่ถึงหมื่นโล ใช้แต่ไทเกอร์ขับสี่ ที่กินน้ำมันกว่าแต่น้ำมันถูกกว่า (เดือนนึงผมใช้รถประมาณ 2500กม. (ต่างจังหวัด))
พอดีเซล ขึ้นราคาตามมา ทีนี้ไม่ไหวแล้ว จ่ายค่าน้ำมันเดือนละ 7-8000 บาท ก็หาข้อมูลเรื่องติดแก๊ส ก็มีบางท่านแถวนี้ติดกันเอง โทรไปที่ nr บอกว่ารับติด ก็เลยขึ้นไปติดเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 49 ใช้เวลาสองวัน (เจอรถคุณฤทธิ์ด้วย) วันแรกไม่เสร็จเพราะต้องทำฝาครอบหม้อกรองอลูมิเนียมติดวาริเอเบิ้ลมิกเซอร์ที่ติดกับแอร์โฟลว์ใหม่ พอทำเสร็จฝากระโปรงรถปิดไม่ได้ เพราะติดกับข้อต่อแก๊สเข้าวาริ เลยต้องกลับไปแก้ทำมุมกันใหม่ (ใครไปทำที่หลังสบายแล้ว มีตัวอย่างแล้ว)
อุปกรณ์ที่ได้คือถังแก๊สธรรมดาของสหมิตร หม้อต้มของฮานา วาริของฮันซุง สวิตซ์ของ atx4
ตอนนี้วิ่งได้หมื่นสี่พันกม.แล้วครับ
ปัญหาที่มีก็คือ
ตัวตัดต่อแก๊สที่หม้อต้มเจ๊งไปสองตัวแล้วครับ ของเพื่อนที่ใช้เซฟิโรก็เป็นเหมือนกัน สงสัยคงทนร้อนไม่ไหว
เบาดับ(ขับมาแล้วเหยียบคลัชยาว ๆ หรือเข้าเกียร์ว่างก่อนถึงบ้าน)มีเป็นบางครั้ง
มีครั้งนึงสตาร์ทไม่ติดทั้งแก๊สทั้งน้ำมัน ปรากฎว่าไฟที่ตัว atx4 ไม่ทำงาน ติดรีเลย์เพิ่ม ก็ไม่มีปัญหา
ผมเอาสปอยเลอร์หลังออกแล้วครับ เพราะท้ายมันกวาด ๆ ตอนเข้าโค้ง เพราะถังแก๊สมันไม่ได้ติดกับหลังแผงเบาะมันมีแอมป์ขั้นอยู่น้ำหนักเลยถ่วงไปทางท้ายรถมาก ตอนแก๊สเต็มถังกับใกล้หมดถังความรู้สึกตอนขับต่างกันพอควร ถอดออกแล้วก็ดีขึ้น (นน.ถัง 24 กก.ถ้าแก๊สเต็มหนัก ประมาณ 50 กก.)
อีกอย่างคือขับรถแก๊สแล้วมักจะระแวง ถ้าได้กลิ่นแก๊ส ว่ามันจะรั่วตรงไหนหรือเปล่าหนอ
ว่ากันเรื่องอัตราเร่ง แน่นอนว่าสู้น้ำมันไม่ได้แน่ แต่ก็ไม่ได้ห่างอะไรกันมากมาย สำหรับผมยอมรับได้ ก็เลือกที่จะประหยัดเงินแล้วนี่ มันมักจะไม่ได้มาพร้อมกันหรอกเรื่องประหยัดกับแรงขึ้น (ของคนอื่นอาจจะไม่ใช่)
เคยเหยียบ 170-180 ก็ไปได้แต่ไม่กล้าไปต่อแล้ว กลัวตาย กลัวเจ็บหนักแต่ไม่ตายด้วย นึกถึงคนที่อยู่ข้างหลัง ยิ่งเห็นรถที่เกิดอุบัติเหตุแล้วยิ่งเสียว
ตอนนี้ขับรถแบบใจเย็น ๆ แล้ว เมื่อก่อนไม่ค่อยจะยอมให้ใครแซง ตอนนี้ใครจะแซงก็เชิญ ยิ่งเห็นกระบะใหม่ ๆ ฟอร์จูนเนอร์ตามหลังมา หลบให้เขาไปเลย คิดว่าถึงที่หมายช้ากว่าสิบ ยี่สิบนาทีก็ไม่เป็นไร แต่ประเภทที่มาจี้ มาจ่อก้น มาปาดนี่ต้องเจอกันบ้าง
ว่ากันเรื่องการกินแก๊ส เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9.8-10.2 กม./ลิตร ที่ความเร็วประมาณ 90-110 กม./ชม. เร็วกว่านี้ก็กินกว่ากันไม่มาก (เช่นเดียวกับน้ำมัน) เคยกินมากสุดที่ 7.8 กม./ลิตร ไม่รู้ว่าไปเจอปั๊มโกงมิเตอร์หรือเปล่า เติมทีนึงห้าร้อยบาทวิ่งได้ห้าร้อยกม. (แก๊สลิตรละ 9.85 บาท)
เมื่อกลางเดือนที่แล้วไปเที่ยวเหนือ ใช้เส้นทางจากจันท์ แกลง บ้านบึง มอเตอร์เวย์ ยุทยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท(แก๊สลิตรละ 10.45 บาท) คอนหวัน พิจิตร พิษโลก อุตรดิตถ์(ลิตรละ11.50) แพร่ พระธาตุช่อแฮ พะเยา วัดร่องขุ่น เชียงราย (ลิตรละ 9 บาทถ้วน) พระธาตุดอยตุง พระตำหนักดอยตุง แม่สาย หอฝิ่น สามเหลี่ยมทองคำ น้ำตกขุนกรณ์ เชียงใหม่ (ลิตรละ 10.50) ดอยสุเทพ ราชพฤกษ์ บ่อสร้าง ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร คอนหวันแล้วกลับลงมาทางเส้นทางเก่า
ไปกันสามคน ขาขึ้นน้ำหนกคนรวมของประมาณ 200กก. ใช้ความเร็วแค่90-100-110 กม./ชม.ส่วนขากลับจากบ่อสร้าง วิ่ง 110-120-130 ขึ้น140-150 เป็นบางครั้ง รวมวิ่งประมาณ 2,570 กม. วิ่งน้ำมันประมาณ 200 กม. ใช้แก๊สไป 240ลิตร หมดเงินไป 2,390บาท
ตั้งแต่ติดแก๊สมาวิ่งไปแล้ว 14,500กม. หมดค่าแก๊สไป 13,741 บาท 1,408ลิตร จ่ายค่าน้ำมันไปประมาณ 2,300 บาท
อีกไม่เท่าไรก็คืนทุนแล้ว เครื่องยังดีอยู่ เก็บส่วนต่างค่าแก๊สกับน้ำมัน(ถ้าเก็บได้)ไว้ซ่อมนู่น ซ่อมนี่ไปเรื่อย ๆ
ความเห็นของผมนะครับ ถ้าจะติดแก๊สเพื่ อประหยัดเงินค่าเชื้อเพลิงก็ติดได้ครับ แต่ถ้าจะติดเพื่อประหยัดแล้วเอาแรงด้วย แบบนี้หายากหน่อยครับ
ถ้าเดือนนึงใช้รถไม่มากนัก เอาเงินค่าติดแก๊สไปเติมน้ำมันได้เกือบพันลิตรเชียวครับ
ปล. เวปมาสเตอร์ครับ เป็นไปได้ไหมที่จะส่งบัตรสมาชิกมาทางไปรษณีย์ เป็นพกง.ก็ได้ (ค่าส่งนะครับ ค่าบัตรไม่เกี่ยว ผมจ่ายค่าบัตรไปตั้งนานแล้ววววววว) ตอนนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปใจกลางกทม.เท่าร เดือนนึงไปกทม.แถวชานเมืองแค่ครั้งสองครั้งเอง ไม่สะดวกไปรับเองครับ ขอบคุณครับ
ถึงคุณธรรมครับ
406 ล้อสิบแปดคันนั้นสวยเจงๆ อยากเป็นเจ้าของมาก แต่ว่าไม่มีตังค์ครับ เอาไว้เก็บเงินได้พอควร(ไม่รู้เมื่อไร) คงได้ใช้บริการครับ