การไปครั้งนี้ทำเอาผมบรรลุธรรมหลายข้อเลยเชียวครับ ขออภัยถ้าพิมพ์ผิด ทั้งนี้ผมเพิ่งเริ่มศึกษาธรรมะปลายปี 2548 ผมต้องการแชร์ข้อมูลให้เพื่อนครับ
19-24 กันยายน 2549
กำหนดการอบรม อานาปานสติ
โดยพระอาจารย์ มิตซูโอ คเวสโก วันที่ 19 เวลา 19.00น. ทำวัตรเย็น สมาทานศีล 8 และรับโอวาทจากท่านอาจารย์
วันที่ 20-23
04.00 น. ระฆังปลุก
04.30 น. ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ
06.00 น. ออกกำลังกาย
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า
08.15 น. นั่งสมาธิ
09.00 น. เดินจงกรม
09.45 น. นั่งสมาธิ
10.30 น. ถวายภัตตาหารและรับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. นั่งสมาธิ
13.45 น. เดินจงกรม
14.30 น. นั่งสมาธิ
15.15 น. ถามปัญหาธรรม
16.00 น. น้ำปานะและทำกิจส่วนตัว
18.15 น. เดินจงกรม
19.00-21.30 ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และฟังธรรม
วันที่ 24 04.00-09.00 น. เหมือนกิจกรรมปกติ
09.45 น. ขอขมา สมาทานศีล 5 รับโอวาท
10.30 น. ถวายภัตตาหารและรับประทานอาหารกลางวัน
12.00 น. จบการอบรม
ผมขับรถไปปากช่อง วันที่ 19 ไปถึงก็เกือบ 3 โมงเย็น ชื่อผมคือคนที่ ร้อยกว่าๆ จำไม่ได้ว่า 105 หรือ 109 ครับ คนมาศึกษากันเยอะนะครับ

ทำวัตรเย็นวันแรกคือวันที่ 19 เล่นเอาผมปวดไปเหมือนกันครับงานนี้ เพราะไม่ค่อยได้นั่งท่าเทพบุตร ส่วนนั่งพับเพียบ กับนั่งขัดสมาธิพอไหวครับ

ทำวัตรเช้าวัดที่ 20 ผมไปเกือบไม่ทันครับ อุอุอุอุ ปกติผมตื่น หกโมง ผมให้ตื่น ตี 4 ร่างกายเลยไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไรนัก ก็เกือบนะครับ

นั่งสมาธิ เดินจงกรม คือสิ่งที่ทำตลอดทั้งวัน วันแรกๆ ไม่มีปัญหาครับ แต่วันที่ 3 ที่ครับ อาการออกเลยครับ
ขาแข็ง ปวดขา ปวดเข่า และอื่นๆๆ อีกเพียบ อันนี้ไม่รวมถึงว่าง่วงนะครับ ที่ออกอาการสุดๆๆ ตอนแรกผมก็นึกว่าผมเป็นคนเดียวครับ คนที่มาอบรมท่านอื่น วันแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่วันหลังๆ เป็นเหมือนกันทุกคนครับ

(อาจเพราะยาแก้แพ้ ที่ทานด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่พอไม่ทานยาก็ พอไหว)
การไปครั้งนี้ได้อ่านหนังสือธรรมะจบไป หลายเล่ม (เย้ๆๆ ปกติอ่านไม่ค่อยจบ อ่านครึ่งๆ กลางๆ

)
ได้ธรรมะมา 3 ข้อครับ
ข้อแรกคือขันติ ครับ หนังสือ มีขันติ คือ ให้พรแก่ตัวเอง ของอาจาย์มิตซูโอะขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ขันติเป็นคุณธรรมอันเป็นเหตุให้เราไปสู่พระนิพานได้
ขันติหมายถึงการรักษาภาวะปกติของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งที่น่าพอใจ และไม่น่าพอใจ
ไม่ใช่ความเข้าใจว่าขันติคืออดทนนะครับ
ข้อสอง คือเรื่องกรรม จากปัญจอภิณหปัจจเวกขณะผมเอาแต่วรรคที่ผมทำวัตรแล้วเข้าใจธรรม
กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ, กัมมะปะฏิสาระโณ,เรามีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล, มีกรรมเป็นแดนเกิด, มีกรรมเป็นผู้ติดตาม,มีกรรมเป็นที่พึ่งมีอาศัย,
ยัง กัมมัง กะริสสามิ กัลละยาณัง วา ปาปะกัง วา, ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ,เราทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจะเป็นทายาท, คือว่าจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป
เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง,เราทั้งหลายควรพิจารณาอย่างนี้ ทุกๆวันเทอญ.
และข้อสามคือ เรื่องสังขารไม่เที่ยง จาก สังเวคปริกิตตนปาฐะ และบทพิจารณาสังขารผมเอาแต่วรรคที่ผมทำวัตรแล้วเข้าใจธรรม
รูปัง อะนิจจัง,รูปไม่เที่ยง
เวทะนา อะนิจจา,เวทนาไม่เที่ยง
สัญญา อะนิจจา,สัญญาไม่เที่ยง
สังขารา อะนิจจา,สังขารไม่เที่ยง
วิญญานัง อะนิจจัง,วิญญาณไม่เที่ยง
รูปัง อะนัตตา,รูปไม่ใช่ตัวตน
เวทะนา อะนัตตา,เวทนาไม่ใช่ตัวตน
สัญญา อะนัตตา,สัญญาไม่ใช่ตัวตน
สังขารา อะนัตตา,สังขารไม่ใช่ตัวตน
วิญญาณัง อะนัตตา,
วิญญาณไม่ใช่ตัวตน
สัพเพ สังขารา อะนิจจา,สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง
ถือศีล 8 ก็ไม่มีปัญหาครับ ทั้งนี้เพราะผมพยายามจะถือทุกวันพระอยู่แล้ว (ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ) แต่ 5 วันถือศีล 8 ก็ทำให้น้ำหนักลดไปตั้ง 3 โล เชียว
สรุปการไปครั้งนี้คุ้มค่ามากๆๆ และยิ่งกลับมา ก็ทำให้ประจักษ์ถึงธรรมะของพระพุทธเจ้ามากขึ้น ต่อไปก็เหลือแต่ความเพียรของผมแล้วว่าจะทำได้ต่อเนื่องแค่ไหน
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าผมจะมาอวดรู้
บางท่านอาจจะรู้อยู่แล้ว
บางท่านอาจจะรู้และลืมไปแล้ว
บางท่านอาจะไม่รู้ และไม่ได้อ่าน
เราแค่แบ่งปั่นกัน


