เป็นคำตอบที่ดีทุกคน แต่ไม่มั่นใจว่า คุณข้างบนนี่จะสื่ออะไร อ่านแล้วงงๆ นะครับ
สำหรับอาร์ต อาร์ตว่าปัจจัยของการมีรถ มันมากกว่ามีเงินมากมายนักนะครับ
บางคนมีเงินก็ไม่อยากมีรถ บางคนมีรถแต่ก็ไม่มีเงิน ( สุดท้ายก็โดนยึด ) ส่วนบางคนพ่อรวยจะมีรถกี่คันก็ได้แต่ไม่ได้หามาเอง
สำหรับผมแล้ว รถเป็นสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ( ประมาณ ป.3 ก็ชอบรถแล้ว จำได้ว่าคันแรกที่โดนใจสุดๆ คือลัมโบกินี่ คูทาช ซึ่งเท่ห์มากๆ )
นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ใฝ่ฝันที่จะมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่แบบตอนนั้นยังไม่มีเงินไง เด็กอยู่ เลยได้แค่รถจักรยาน ก็ดีคับปั่นเอาได้ฟิต
พอโตขึ้นมาจนเข้ามหาลัยได้ คุณพ่อก็เป็นห่วงเรื่องสวัสดิภาพการเดินทางก็เลยให้รถมาใช้ ก็เลยเริ่มเล่นรถตั้งแต่ตอนนั้น แต่สิ่งที่ตามมาก็คือการรับผิดชอบในรถคันนั้น ซึ่งมันมากเกินกว่าที่คุณอาจจะคิดออกไม่ว่าจะเป็นพวกของเหลวที่ต้องเปลี่ยนตามระยะ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ ฯลฯ อันนี้สิ้นเปลืองไปทั้งสิ้น ไหนจะเป็นพวกอะไหล่เครื่องอีกเกียร์อีก ช่วงล่าง ภายใน ระบบสายไฟ นี่คือคำตอบของรถมือสองที่มันต้องมีสักวันที่เสีย ถ้าคุณยังไม่มีเงินมากพอ มันจะเป็นภาระให้คุณต่อไปน่ะครับ อีกอย่างการผ่อนไฟแนนท์
อันนี้ก็ตัวดี ที่เป็นเรื่องของดอกเบี้ยที่อาจจะบานปลาย ทำให้คุณเน่าเอาได้เช่นกัน บ้านผมไม่เคยซื้อรถเงินผ่อน ซื้อสดทุกคัน เหตุผลคือ ถ้าผ่อนไปเสียดอกมากๆ ดอกส่วนนี้เอาไปซ่อมบำรุงรถได้ทั้งคัน ( แต่รถที่ใช้เกือบทุกคันมือสองนะคับ มีรถแม่กับรถน้องสาวที่ใช้ตั้งแต่ปลายแดง )
ดังนั้น คุณอย่าคิดแค่เงินเดือนและตังค์ค่าผ่อนรถน่ะครับ ไม่ได้ คุณต้องมองเรื่องการซ่อมบำรุงเพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้ด้วย
อาร์ตอยากให้บริหารเงินดังนี้ ถ้าสมมติว่ามีเงินเดือน 10,000 บาท เลขกลมๆ
10% เอาไปเป็นเงินฝากออมทรัพย์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเงินฝากระยะสั้น ( 12,000 ต่อปี )
10% เอาไปฝากกับระบบเงินฝากระยะยาว ที่อาร์ตใช้คือ ฝากกับประกันชีวิต ที่เป็นระบบออมทรัพย์ ( เหตุผลมันเป็นการป้องกันค่าเงินบาทที่ด้อยค่าลงในอนาคต ) ( 12,000 ต่อปี )
30% เป็นใช้จ่ายในการเดินทาง บางคนอาจจะมากน้อยต่างกัน แต่ผมตีเป็นราคาน้ำมันเพื่อเติมเปอโยต์ ( รถผมใช้น้ำมันเดือนละ 5,000 )
คิดเป็นเงินก็ตกประมาณ ( 3,000 ต่อเดือน ตก 36,000 ต่อปี ) ถ้าคิดแบบรถผม ค่าน้ำมันตกประมาณ 60,000 บาทต่อปี ? เห็นตัวเลขนี่น่ากลัวป่าวหล่ะ
? มันซื้อ เปอโยต์ 405GR ได้อีก 1 คันนะครับ.......
50% เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ว่าจะกิน จะอยู่ ก็ใช้ส่วนนี้ ตกประมาณ 5,000 บาท ต่อเดือน ( 60,000 บาท ต่อปี )
พอเห็นภาพมั๊ยครับว่า ถ้าคุณใช้รถ และใช้น้ำมัน คุณไม่สามารถอยู่ได้ด้วยเงินเดือนขนาดนี้แน่ๆ เพราะนี่ผมไม่ได้รวมค่าผ่อนรถนะ
ผมคิดแค่ค่าใช้จ่ายปกติ น่าจะแบบอนาถาระดับหนึ่ง ( กำลังเผชิญอยู่ 5 5 5 )
ดังนั้น การมีรถสักคัน เหมือนแบกภาระเยอะมากคับ ที่บ้านผมมีรถทั้งหมด 5 คัน ผมเลยยิ่งรู้เลยว่าปีๆ นึงผมต้องดูแลรักษารถแต่ละคันมากน้อยขนาดไหน ซึ่งมากพอที่จะไปซื้อ 405Sri ได้ 1 - 1.5 คันต่อปีเลยนะคับ เยอะมากๆ
นี่ไม่รวมแต่งรถนะ จะว่าไปผมก็หมดไปกับรถเยอะมาก ก็เพราะโมเพิ่ม แต่งเพิ่มนี่แหละ ตอนนี้เลยเริ่มเพลาๆ แล้ว
คงสังเกตุว่าระยะหลัง ( หลังจากเรื่องเบรก ) ผมไม่เคยถามเรื่องการโมรถอีกเลย เพราะตอนนี้หยุดการแต่งรถแล้วครับ หยุดแบบเด็ดขาดไปเลย
ทั้งๆ ที่ยังพอมีศักยภาพในการโมรถได้เรื่อยๆ นะ 5 5 5 แต่พอแล้วครับ ตอนนี้เข้าไปดูแลโรงงานให้คุณแม่นี่ ปวดหัว และงานยุ่งจนไม่มีเวลาไปอู่เลยครับ ไหนจะออกไปพบลูกค้า ไหนจะมีสัมนา อบรม ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ จะไปอู่วันอาทิตย์ ปิดอีก.... ป่านนี้ช่างที่อู่คงบ่นคิดถึงกันน่าดูแล้ว อิอิอิ
กล่าวมายืดยาว ผมว่าคนที่จะมีรถ และแบกรับภาระได้ ควรมีเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท หรือถ้าต่ำกว่า เช่น 15,000 บาท ก็ต้องไม่มีภาระอื่นๆ ที่เป็นลักษณะจ่ายประจำทุกเดือนแหละคับ ( ฟิกซ์ คอร์ส )