ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอังคารที่ 24 กันยายน 2024 เวลา 10:32:08

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  จริงไหม 406 EA9 ตาน้ำหลังเครื่องผุจนเป็นสาเหตุให้ก้านสูบคด
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: จริงไหม 406 EA9 ตาน้ำหลังเครื่องผุจนเป็นสาเหตุให้ก้านสูบคด  (อ่าน 3360 ครั้ง)
Thawatpra
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,373



เว็บไซต์
« เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 12:55:16 »


พอดีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเอานู๋เขียวไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องปั๊มเพาเวอร์

เห็น 406 EA9 จอดที่อู่ช่างลอย.....คิดในใจ....ช่างลอยเขาพัฒนาแล้วเนะซ่อม 406 EA9 ได้ด้วย

แต่เดินไปดูห้องเครื่อง..... 555 555 555......ช่างลอยจับเปลี่ยน 3S ซะอย่างนั้น...รถคันนี้วิ่งมา 1แสน สี่ กม.เองครับ

ถามไป...ถามมา.....ได้ความว่า  " 406 EA9 ตาน้ำหลังเครื่องผุจนเป็นสาเหตุให้ก้านสูบคด"

ลูกค้าเอา 406 EA9 มาให้ แก้ไข...ไม่เปลี่ยนก้าน....ก็ยกเครื่องใหม....4~5 คันแล้วครับ

จริงเท็จประการใด....วานผู้รู้แนะนำด้วยครับ


* 406.JPG (81.69 KB, 464x300 - ดู 1295 ครั้ง.)

* 406_3S.JPG (88.15 KB, 400x300 - ดู 1285 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

NOK405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,290



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 13:24:50 »


จริงครับ เข้าจะเข้าเครื่อง ผมโดนมากับตัวเองแล้ว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
NOK405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,290



« ตอบ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 13:44:04 »


ตาน้ำที่ว่านั้นมันจะอยู่ข้างในเสื้อวาร์วน้ำอีกทีนึงต้องถอดเสื้อวาร์วน้ำออกมาตรวจสอบ ค่าตาน้ำไม่ถึง 100 มั้ง แต่ทำให้เครื่องเราทั้งเครื่องพังได้เลย เนื่องจากมันรั่วจะมีน้ำไหลย้อนกลับไปที่ท่อไอดี ด้วยท่อที่เป็นสแตนเลสถัก ลักษณะอาการที่เป็นคือมีอาการน้ำหม้อน้ำหาย วิ่งแล้วสะดุดดับไปเลยพยายามสตาทเหมือนจะติดแต่ก็ไม่ติด ไล่ทุกอย่างดูที่สงสัย ไม่มีไรผิดปรกติ นอกจากน้ำหายเติมไป 1.5 ลิตร ถอดฝาครอบลิ้นปีกผีเสื้อดู พลิกดูน้ำเต็มท่อไอดีเลยดูดเข้าเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนวิธีการซ่อมคือจับเปลี่ยนช๊อตบ๊อค
   ท่านอื่นที่ได้รถมาใหม่หรือใช้มานานแล้วตรวจสอบตาน้ำนี้บ้างก็ดีนะครับ ไม่ใช่ห่วงแต่สายพานราวลิ้น ตัวนี้ก็ตัวร้ายเลยขอเตือน เปลี่ยนโดยใช้ตาน้ำทองเหลืองเป็นดีทีสุด
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Horn
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 630


« ตอบ #3 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 17:53:59 »


ตาน้ำที่ว่านั้นมันจะอยู่ข้างในเสื้อวาร์วน้ำอีกทีนึงต้องถอดเสื้อวาร์วน้ำออกมาตรวจสอบ ค่าตาน้ำไม่ถึง 100 มั้ง แต่ทำให้เครื่องเราทั้งเครื่องพังได้เลย เนื่องจากมันรั่วจะมีน้ำไหลย้อนกลับไปที่ท่อไอดี ด้วยท่อที่เป็นสแตนเลสถัก ลักษณะอาการที่เป็นคือมีอาการน้ำหม้อน้ำหาย วิ่งแล้วสะดุดดับไปเลยพยายามสตาทเหมือนจะติดแต่ก็ไม่ติด ไล่ทุกอย่างดูที่สงสัย ไม่มีไรผิดปรกติ นอกจากน้ำหายเติมไป 1.5 ลิตร ถอดฝาครอบลิ้นปีกผีเสื้อดู พลิกดูน้ำเต็มท่อไอดีเลยดูดเข้าเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนวิธีการซ่อมคือจับเปลี่ยนช๊อตบ๊อค
   ท่านอื่นที่ได้รถมาใหม่หรือใช้มานานแล้วตรวจสอบตาน้ำนี้บ้างก็ดีนะครับ ไม่ใช่ห่วงแต่สายพานราวลิ้น ตัวนี้ก็ตัวร้ายเลยขอเตือน เปลี่ยนโดยใช้ตาน้ำทองเหลืองเป็นดีทีสุด

ตาน้ำที่ว่า ขนาดประมาณเท่าไรครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
NOK405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,290



« ตอบ #4 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 20:35:31 »


ตาน้ำที่ว่านั้นมันจะอยู่ข้างในเสื้อวาร์วน้ำอีกทีนึงต้องถอดเสื้อวาร์วน้ำออกมาตรวจสอบ ค่าตาน้ำไม่ถึง 100 มั้ง แต่ทำให้เครื่องเราทั้งเครื่องพังได้เลย เนื่องจากมันรั่วจะมีน้ำไหลย้อนกลับไปที่ท่อไอดี ด้วยท่อที่เป็นสแตนเลสถัก ลักษณะอาการที่เป็นคือมีอาการน้ำหม้อน้ำหาย วิ่งแล้วสะดุดดับไปเลยพยายามสตาทเหมือนจะติดแต่ก็ไม่ติด ไล่ทุกอย่างดูที่สงสัย ไม่มีไรผิดปรกติ นอกจากน้ำหายเติมไป 1.5 ลิตร ถอดฝาครอบลิ้นปีกผีเสื้อดู พลิกดูน้ำเต็มท่อไอดีเลยดูดเข้าเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนวิธีการซ่อมคือจับเปลี่ยนช๊อตบ๊อค
   ท่านอื่นที่ได้รถมาใหม่หรือใช้มานานแล้วตรวจสอบตาน้ำนี้บ้างก็ดีนะครับ ไม่ใช่ห่วงแต่สายพานราวลิ้น ตัวนี้ก็ตัวร้ายเลยขอเตือน เปลี่ยนโดยใช้ตาน้ำทองเหลืองเป็นดีทีสุด

ตาน้ำที่ว่า ขนาดประมาณเท่าไรครับ
ขนาดประมาณเหรียญบาท ครับ รู้สึกว่า 20 มิล
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jatupum
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,702



« ตอบ #5 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 21:45:38 »


ตาน้ำที่ว่านั้นมันจะอยู่ข้างในเสื้อวาร์วน้ำอีกทีนึงต้องถอดเสื้อวาร์วน้ำออกมาตรวจสอบ ค่าตาน้ำไม่ถึง 100 มั้ง แต่ทำให้เครื่องเราทั้งเครื่องพังได้เลย เนื่องจากมันรั่วจะมีน้ำไหลย้อนกลับไปที่ท่อไอดี ด้วยท่อที่เป็นสแตนเลสถัก ลักษณะอาการที่เป็นคือมีอาการน้ำหม้อน้ำหาย วิ่งแล้วสะดุดดับไปเลยพยายามสตาทเหมือนจะติดแต่ก็ไม่ติด ไล่ทุกอย่างดูที่สงสัย ไม่มีไรผิดปรกติ นอกจากน้ำหายเติมไป 1.5 ลิตร ถอดฝาครอบลิ้นปีกผีเสื้อดู พลิกดูน้ำเต็มท่อไอดีเลยดูดเข้าเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนวิธีการซ่อมคือจับเปลี่ยนช๊อตบ๊อค
   ท่านอื่นที่ได้รถมาใหม่หรือใช้มานานแล้วตรวจสอบตาน้ำนี้บ้างก็ดีนะครับ ไม่ใช่ห่วงแต่สายพานราวลิ้น ตัวนี้ก็ตัวร้ายเลยขอเตือน เปลี่ยนโดยใช้ตาน้ำทองเหลืองเป็นดีทีสุด

ตาน้ำที่ว่า ขนาดประมาณเท่าไรครับ
ขนาดประมาณเหรียญบาท ครับ รู้สึกว่า 20 มิล
เฮีย   จิรโรจน์ แนะนำว่าให้ไปซื้อแบบทองเหลือง20มิล มาใส่ครับ


* IMG_4311.JPG (83.49 KB, 600x450 - ดู 1163 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
EVA
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« ตอบ #6 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 22:32:02 »


อยากทราบว่า D9 ใช้กี่ตัวครับ หาซี้อได้ที่ไหนบ้าง

เวลาถ่อดเปลื่ยนยากไม่ แล้วต้องเปลื่ยนพร้อมอะไรบ้าง เช่น ปะเกน โอลิง ซิล

พอดีอยากรองทำเองบาง


แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jatupum
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,702



« ตอบ #7 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2013 เวลา 22:37:04 »


ใช้ตัวเดียวครับ
ถอดเยอะครับ ว่าจะถอดอยู่แล้วก็ยังไม่แน่ใจเรื่องไอ้เจ้าเสื้อวาล์วน้ำนี่แหละว่าถอดแล้วจะต้องมีการเปลี่ยนอะไรหรือเปล่าก็เลยเอาไว้ก่อน
ยังไงผู้ที่เคยถอดเองมาตอบเรื่องเสื้อวาล์วน้ำด้วยแล้วกันครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
NOK405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,290



« ตอบ #8 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2013 เวลา 05:52:56 »


อยากทราบว่า D9 ใช้กี่ตัวครับ หาซี้อได้ที่ไหนบ้าง

เวลาถ่อดเปลื่ยนยากไม่ แล้วต้องเปลื่ยนพร้อมอะไรบ้าง เช่น ปะเกน โอลิง ซิล

พอดีอยากรองทำเองบาง



ใช้ตัวเดียว ตอนถอดน่าจะยากตรงท่อน้ำหลังเครื่องครับ แล้วตัวนี้น่าจะผุด้วย ตามอายุงาน ท่อแปบยาวประมาณศอกนึง มีราคาแพงพอสมควร(2 พันกว่า ) ควรเปลี่ยนไปด้วยเลย
 สิ่งที่ควรเปลี่ยนไปด้วยเลยมี
  1. ตาน้ำ 20 มิล ทองเหลือง
  2. วาร์วน้ำ(แล้วแต่สภาพ)
  3. ท่อน้ำหลังเครื่อง (แล้วแต่สภาพ)
 ประเก็นใช้ประเก็นกาวธรรมดา
    ยินดีบอกเล่าประสบการ์ณแบบนี้ให้กับทุกท่าน เพื่อที่ทุกท่านจะได้ไม่ต้องมีประสบการ์ณแบบผม
  
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
จิรโรจน์
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,051


« ตอบ #9 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2013 เวลา 08:03:02 »


ผมเคยให้ข้อมูลที่ว่า ให้เปลี่ยนตาน้ำใต้เสื้อวาล์วน้ำ เป็นแบบทองเหลือง เพื่อป้องกันเครื่องยนต์พัง จากการผุของตาน้ำอันนี้ สักสามสี่ปีมาแล้วมั้ง สืบเนื่องมาจาก ผมได้ข้อมูลนี้ มาจากพวกช่างในศูนย์สุรวงค์ ที่เล่าให้ฟังว่า มันพังยังไง รถของผมเอง ซื้อตั้งแต่ป้ายแดงปี2001
ดูแลระบบน้ำหล่อเย็นเป็นปกติ เมื่อตอน160000กม. ครบรอบเปลี่ยนสายพานราวลิ้น ก็เปิดเสื้อวาล์วน้ำออกมาเพื่อจะเปลี่ยนตาน้ำตัวนี้
โชคดีมาก ที่เห็นมันผุซะจนเกือบจะทะลุอยู่แล้ว ปกติของตาน้ำในเครื่องยนต์ ทุกตัวจะหันเอาด้านนูนเข้าหาช่องน้ำ จะมีก็ไอ้ตัวนี้เพียงตัวเดียว ที่ดันต้องเอาด้านหลุมเว้า เผชิญกับน้ำแทน จึงทำให้มันผุได้ง่ายกว่า และอีกข้อคือ ตัวอื่นๆ ถ้ามันผุจนรั่ว น้ำหล่อเย็นจะไหลออกมาข้างนอกได้ อย่างมากก็แค่น้ำแห้ง แต่ไอ้ตัวนี้ น้ำที่ไหลออก มันดันไหลย้อนเข้าไปอยู่ในท่อร่วมไอดี เพราะมันไม่มีทางให้ไหลออกข้างนอกได้ น้ำที่ขังอยู่ในท่อไอดี จะถูกดูดเข้าห้องเผาไหม้ ถ้าปริมาณไม่มาก ก็จะพบว่า มันจะเกิดก็บกพร่องในการเผาไหม้ให้สังเกตได้
แต่ถ้ามีมาก แล้วถูกดูดเข้าไปเยอะ ลูกสูบจะอัดเอาน้ำทั้งก้อน ทำให้ก้านสูบงอได้ครับ เพราะน้ำ เป็นของเหลว มันไม่ยอมยุบตัวเวลาถูกอัด

ยังมีตาน้ำ ที่อยู่ที่ฝาสูบด้านบน ติดๆกับช่องหัวเทียน ที่เคยเจอว่ามันผุ แต่มักเกิดจาก การที่ปล่อยให้มีฝุ่นและความชื้นไปสะสมอยู่ในนั้นนานๆ และอีกตัวที่เคยเจอ คือ ตัวที่อยู่ตรงเฟืองราวลิ้น อันนี้ถอดยากหน่อย

การถอดเปลี่ยนตาน้ำใต้เสื้อวาล์วน้ำตัวนี้ ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก โดยถอดเอาเสื้อวาล์วน้ำออกมาก่อน ก็จะเห็นตาน้ำตัวนี้ได้แล้ว
ก็แค่เอาไขควงแบน หรือเหล็กส่ง ตีเข้าไปที่ขอบของมัน โดยตีเพียงด้านเดียว เพื่อให้มันพลิกตั้ง จะได้เอาคีมจับตรงขอบของมันแล้วดึงออกมาได้ แล้วก็เอาตัวใหม่ใส่เข้าไปแทน โดยต้องตีให้ตรงๆเข้าไป
ที่บอกว่าไม่ยากนัก แต่เวลาทำจริงๆ อาจจะเจอกับอุปสรรคบ้าง เช่น ตัวเสื้อวาล์วน้ำ มันเอาออกไม่ได้ เพราะติดเสา ก็ต้องคลายเอาเสาออกซะก่อน โดยการใช้น้อตตัวเมียอัดซ้อนกันสองตัว เพื่อให้แทนหัวน้อต จะได้จับมันคลายออกมาได้ และตรงที่ปลายท่อน้ำ อาจจะแน่นมาก ค่อยๆบิดแล้วดึง ระวังโอริงด้วย ถ้าให้ดี ก็ทำตอนเปลี่ยนสายพานราวลิ้น เปลี่ยนทั้งปั๊มน้ำ ท่อน้ำ และตาน้ำตัวนี้ไปพร้อมๆกันทีเดียว จะได้ระวังของเสียหายได้น้อยลง เพราะถึงมันจะเสีย เราก็เตรียมของใหม่ไว้เปลี่ยนอยู่แล้ว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ID Line:   manmingmitr
codebz
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25


« ตอบ #10 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2013 เวลา 02:33:47 »


อยากทราบว่า D9 ใช้กี่ตัวครับ หาซี้อได้ที่ไหนบ้าง

เวลาถ่อดเปลื่ยนยากไม่ แล้วต้องเปลื่ยนพร้อมอะไรบ้าง เช่น ปะเกน โอลิง ซิล

พอดีอยากรองทำเองบาง



ใช้ตัวเดียว ตอนถอดน่าจะยากตรงท่อน้ำหลังเครื่องครับ แล้วตัวนี้น่าจะผุด้วย ตามอายุงาน ท่อแปบยาวประมาณศอกนึง มีราคาแพงพอสมควร(2 พันกว่า ) ควรเปลี่ยนไปด้วยเลย
 สิ่งที่ควรเปลี่ยนไปด้วยเลยมี
  1. ตาน้ำ 20 มิล ทองเหลือง
  2. วาร์วน้ำ(แล้วแต่สภาพ)
  3. ท่อน้ำหลังเครื่อง (แล้วแต่สภาพ)
 ประเก็นใช้ประเก็นกาวธรรมดา
    ยินดีบอกเล่าประสบการ์ณแบบนี้ให้กับทุกท่าน เพื่อที่ทุกท่านจะได้ไม่ต้องมีประสบการ์ณแบบผม
 
ทั้งหมดระมาณเท่าไหร่คับผม
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!