เมื่อตอนหัวค่ำ (18/6/55) ขณะที่ผมกำลังไล่เก็บงานที่พอกเอาไว้ เพื่อว่าอาทิตย์นี้จะมีวันว่างไปลั้นล้ากับเพื่อนแถวคลองถม เพื่อนอีกคนก็โทรมาให้ช่วยไปลาก 405 ให้ที รถดับอยู่บนทางยกระดับพระราม9 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปรามคำแหง ก็สอบถามอยู่ 2-3 ประโยคแล้วรีบจบบทสนทนา เนื่องจากกลัวเพื่อนจะรู้ว่าเราไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่
สาเหตุที่ผมไม่ค่อยจะเต็มใจกับการลากรถเลย ก็เพราะเมื่อ 10กว่าปีก่อน ยุคที่ทั้งก๊วนยังคบหาอยู่กับ 405 ใหม่ๆ สมัยนั้นก็ขับไปซ่อมไปจริงๆ เคยไปลากกับเพื่อนอยู่ครั้งนึง งานนั้นกันชนหลังคันที่ลากเขา โดนเชือกมันสะบัดซะแตกเสียหายแยอะอยู่ ก็กันชน 405 มันแข็งกรอบอร่อย แค่โดนนิดหน่อยก็แตกเป็นข้าวเกรียบมโนราห์ งานนั้นค่าซ่อมแพงกว่าเรียกรถลากซะอีก มันก็เลยหลอนๆอยู่เหมือนกัน
ตอนที่ไปถึงก็ได้พูดคุยและลองพยายามจะติดเครื่องแต่ก็ไม่สำเร็จ จะเปลี่ยนโมดูลก็ดันไม่มีไขควงทอกซ์ซะนี่ แถมรถก็วิ่งกันฉิ่ว ยืนคิดอะไรไม่ออกเพราะห่างเหินกับ 405 มานานแล้ว (ซ่อมจนนิ่งมาหลายปี) ต่างคนต่างเครียดสิ เลยเอาสายลากมาพ่วงเลยแล้วกัน อยู่นานมันอันตราย ตอนต่อสายลากดอกแรกเลย 405 ห่วงมันอยู่ฝั่งคนนั่ง 306 อยู่ฝั่งคนขับ มันก็พ่วงเฉียงๆได้อยู่ แต่ระยะมันสั้นขึ้นอีกนิด ซึ่งคิดว่าไม่มีนัยยะสำคัญอะไร มันอาจเป็นมาตราฐานที่ถูกต้องที่ฝรั่งเขาทำการบ้านมาแล้ว ใครๆเขาก็ลากกันได้ ตัวเองคงไม่ต่ำกว่ามาตราฐานเท่าไหร่หรอกน่า
เพื่อนเขาก็ตั้งใจจะลากไปอู่ช่างแว่น ซึ่งก็ต้องมุ่งหน้าไปมอเตอร์เวย์ก่อน ผมเลยขออยู่คันหลังแล้วกัน มีอะไรก็เหยียบเบรคลูกเดียว ฮ่าฮ่า พอเข้ามานั่งที่คนขับแล้วรู้สึกว่า ระยะมันใกล้จัง มองป้ายทะเบียนเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง พอเริ่มลากลงจากทางยกระดับ มันก็ส่งสัญญาณแล้วครับ 405 ที่เครื่องดับอะไรต่ออะไรมันก็หนัก เริ่มงานไม่กี่สิบเมตรมันก็กะจะเจิ่มท้ายรถผมเข้าให้แล้ว ผมเหยียบเบรคแล้วแต่มันตื้อๆไม่ยอมหยุดดั่งใจ แต่มันก็รอดมาได้ไงไม่รู้ พอทางราบผมก็ลองใช้เท้าเลียเบรคซะหน่อย แต่มันก็กะน้ำหนักไม่ถูก เพราะแป้นเบรคแข็งมาก แถมรถมันช้ามาก ร่างกายไม่รับรู้ใดๆเลยว่ารถมันช้าลงแค่ไหน แต่รถมันกะฉึกกะฉัก สายลากมันก็หย่อนบ้างตึงบ้าง ก็ยิ่งงอกปัญหาเข้าไปอีก ก็เลยโทรคุยกับเพื่อน เพื่อก็บอกให้ปล่อยไหล เขาก็จะรักษาความเร็วเอง ก็ลากมาเรื่อยๆพอเข้าที่เข้าทาง พอสมองว่างก็เลยก็รู้สึกว่า รถเพื่อนแป้นเบรคทำไมมันสูงจังนิ ส้นเท้าก็ไม่ถึงพื้น และการที่ตัวเองลอยเท้าคาไว้ที่แป้นเบรคมันเมื่อยๆ ก็เลยเอาลง (ก็เพื่อนไม่ยอมให้ผมเลียเบรค แต่ผมกลัวไม่ทันก็เลยลอยๆแตะๆแถวแป้นเบรค สักพักมันก็เมื่อยอ่ะดิ)
ก็ลากมาเรื่อยๆ มีเสียวอีกครั้ง ตอนนั้นกวาดตาไปข้างทางซ้ายมือเห็นว่ามีรถกำลังออกจากถนนข้างทาง 306 คันหน้าเลยชะลอรถให้เขาผ่านไปก่อน แต่แว็ปเดียว 405 มันจะถึงท้ายรถผมอีกครั้ง เหยียบเบรคปุ๊บ แต่รถมันยังไหลได้อีกวุ๊ย แต่ก็รอดมาได้ด้วยเบรคมือ ดึงซะล้อตายเลย ตอนนั้นก็คิดว่า ครั้งต่อไปรอดแน่ มีเบรคอันที่ 2 มาช่วยแล้ว เย้ๆๆ แต่ก็อีกแหละ เบรคมือนี่ไม่เคยตั้งเลยมั้ง เบาหวิวเลยวุ้ย ถ้าต้องไปค้างบนสะพานชันๆ มันจะตายหมู่รึเปล่าอ่ะ จิตใจฟุ้งซ่านขึ้นมาอีกแหละ
ก็ลากมาเรื่อยๆแบบลมโชย ข้ามสะพานเล็กๆหรือไงเนี่ยแหละ 306 ที่มีเครื่องยนต์คอยรักษาความเร็วให้คงที่ กับ 405 ที่มีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นตอนขาลงเนิน ทั้งๆที่ผมก็จับจ้องอยู่กับท้ายรถตัวเองอยู่แล้ว แว็ปเดียวมันจะถึงกันชนรถผมอยู่แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น ผมรู้ทันทีว่าต้องกระทืบเบรคสุดแรงเกิดก่อนที่รถจะชนกัน งานนี้ต่อให้ต้องได้ใบเหลืองจากรถข้างหลัง ก็ต้องยอม ดีกว่าปล่อย 405 เข้าโกลรถตัวเอง ผมลุ้นจนตัวบิดเหยียด จากความตื่นเต้น และแรงขาขวาที่สูบฉีดพลังเต็มที่ มีผลข้างเคียงเป็นเวกเตอร์กับร่างกายบิดขยับหมุนทวนเข็มนาฬิกาไป 15.5องศา
วืด!! ครับ เหยียบสุดแรงแต่รถก็ยังไหลอยู่ จะไม่ไหลได้ไง ก็เพ่เล่นกระตรืบแป้นคลัทช์ซะสุดแรงเกิด ตอนนั้นรู้เลยว่าไม่ทันแน่แล้ว ผมร้องเฮ้ย!!!ในใจ เพราะเห็นรถตัวเองใกล้เข้ามาแบบสโลโมชั่น เหมือนไอ้มดแดงคาบูโตะตอนคล๊อกอัพ แต่ตัวผมแข็งทื่อ คงเป็นเพราะสัญญาณจากสมองเดินทางไปที่กล้ามเนื้อขาไม่ทัน โอ๊ย..รถจะชนอยู่แล้ว แกมั่ว... ตู้ม!! แล้วรถผมมันก็กระเด้งออกไปหน่อยนึง งานกร่อยทันที เบรคมือตัวช่วยที่ 2 ก็ลืมอีก เพื่อนคงสงสารผม ก็เลยเปลี่ยนแผนเอารถไปจอดทิ้งในปั้มแทน ผมลงมาดูรถ โชคดีที่ไม่มีกันชนใครแตก แต่มีขัดสีแน่นอน ตอนที่ชนใหม่ๆนี่ไม่รู้เลยว่าเกิดขึ้นได้ไง บอกเพื่อนแค่ว่าเบรคไม่อยู่ง่ะ เบรคแข็งมาก แต่พอมาลำดับเรื่องแล้ว ก็ตามนี้แหละครับ แต่ก็นึกๆแล้วก็เซ็งตัวเองมากจริงๆ รอบ 10ปีนี้ไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย แต่ครั้งนี้ตัวเองดันเอารถเพื่อนชนรถตัวเอง เสีย 2 เด้งเลย แต่ก็โชคดีที่เขาไม่เอาเรื่องอะไร
ก็เล่าให้ฟัง บางทีตัวเองอาจจะหายเซ็งบ้าง แต่ถ้าลองอ่านดีๆ ผมว่า คุณจะพบข้อผิดพลาดของเรื่องนี้หลายแห่ง และคงมีประโยชน์บ้างสำหรับ คนที่ต้องไปลากรถเป็นครั้งแรก

