ขั้ตอนการเติมน้ำยา...คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเพื่อนๆ ที่ช่วยกันโหวต
- แล้วก็ไม่บอกด้วยว่า จะเอาแบบ ใช้น้ำยาชนิดไหน จะใช้ R 12 หรือใช้ R 134 a . กันล่ะ . มีการทำที่ ต่างกันเล็กน้อย . . นะ จะบอกให้
- เอารูป ด้วยไม๊ล่ะ . แฮ่ๆ ลงรูปไม่ได้น่ะ
- เอาแบบที่ ไม่มีน้ำยาอยู่เลย หรือ เติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปล่ะ
1 ) . . . แว๊กฯ . ระบบน้ำยา(ท่อน้ำยา) ให้เป็นสูญญากาศ . การแว๊กฯ ให้ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ควรจะให้เกิน ครึ่ง ชม.ขึ้นไป เพื่อให้ระบบฯ เป็นสูญญากาศจริงๆ . . .
2 ) . . . แต่ถ้าเป็นการเติมน้ำยาเพิ่ม . ก็ไม่จำเป็นต้อง แว๊กฯ แค่ไล่ลม(ตอนที่ไล่ลม ต้องประณีตมากๆ) . แล้วก็เติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปได้เลย
3 ) . . ไล่ลมออกจากสายอ่อนให้ดี(ใช้น้ำยาในถังไล่) แล้วปล่อยน้ำยาเข้าไปในระบบฯ อย่างช้าๆ . จนกระทั่งน้ำยาไม่เข้าแล้ว
4 ) . . ติดเครื่องยนต์
4.1 ) . . สำหรับน้ำยา R 12 : เร่งเครื่องที่ 2,000 รอบ/นาที
4.2 ) . . สำหรับน้ำยา R 134 a : เร่งเครื่องที่ 1,500 รอบ/นาที
4.3 ) . . เร่งพัดลมให้แรงสุด . . เร่งความเย็นให้เย็นสุด . . เปิดประตูรถออกทั้งหมดทุกด้าน
5 ) . . เติมน้ำยาเข้าไป อย่างช้าๆ . จนกระทั่งได้ความดันตามต้องการ
5.1 ) . . น้ำยา R 12 : ด้าน LOW . 21 - 28 ปอนด์/ตร.น. . ด้าน HIGH . 206 - 213 ปอนด์/ตร.น.
5.2 ) . . น้ำยา R 134a : ด้าน LOW 21 - 36 ปอนด์/ตร.น. . ด้าน HIGH . 199 - 228 ปอนด์/ตร.น.
6 ) . . . เ ร่งเครื่อง ดูให้ความดันที่ท่อด้าน LOW ต่ำที่สุด . แล้วปลดขั้วสายออก . ซึ่งความดันจะต่ำกว่า ตอนที่ดับเครื่องยนต์แล้ว > > น้ำยาจะได้ไม่พุ่งออกมามาก
7 ) . . . ดับเครื่องยนต์ คอยพักหนึ่ง รอให้ความดันท่อ HIGH ลดลงให้ต่ำสุดเสียก่อน . แล้วจึงปลดสายออก . ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับข้อ 6
8 ) . . . เเต่ถ้า ไม่มีเกจ.วัดความดันของน้ำยา . ก็สามารถเดาๆเอาได้ . ด้วยการมองที่ " ช่องตาแมว " . . จะต้องใส " ไม่มีฟอง " หรือ มีฟองแต่เพียงเล็กน้อย เท่านั้น
- จบแล้ว จ้า