ตั้งแต่ใช้โฟกัสมาแสนกว่าโลฯ ยอมรับว่าไม่ปัญหาใช้ดี ถือว่าทนมือทนเท้า ช่วงหลังนี่จะมีเสียบ้างเล็กๆน้อย
ล่าสุดสายเกียร์ด้านนอกหลุดเข้าเกียร์ไม่ได้ พลาสติกที่เป็นตัวล๊อคมันกรอบ แตก เอาสวมเข้าไปแล้วหาลวดมัดก็ใช้ได้
หมูมาก แต่สำหรับแฟนผมถือว่าเรื่องใหญ่ เพราะเขาซ่อมรถเองไม่เป็น เลยมีความคิดที่จะเปลี่ยนรถ ระหว่างคัมรี่กับโฟกัสดีเซล
ซึ่งผมเคยลองมาแล้วติดใจมาก ก็เลยเชียร์เจ้ากัสดีเซล ประกอบกับยางกันโคลงและยางแท่นเครื่องเจ้ากัสได้เวลาเปลื่ยน
ก็เลยเอาเข้าศูนย์แล้วถือโอกาศไปลองโฟกัสดีเซลซะเลย
คนใช้เปอร์โยต์ : น้อง...อยากลองคันเนี้ย (ชี้ไปที่ TDCi สีดำคันเดียวในศูนย์) เซลส์ : ไม่มีให้ลองครับ
คนใช้เปอร์โยต์ : เฮ้ย...พูดเป็นเล่น รถคันเป็นล้าน ไม่ใช่คันยี่สิบบาท ซื้อไปไม่ถูกใจทำไงเซลส์ : โห..พี่ รถมันค่อนข้างสูง...น่ะ ไฮเทคโนโลยี คนซื้อใช้ก็มีพวกวิศวกร พวกคนมีความรู้นะ
เซลส์ผู้หญิงอีกคนนึง : ซื้อไปลองสิพี่ ล้านนิดๆเอง
คนใช้เปอร์โยต์ : นอกจากเครื่องดีเซลกับไอ้เกียร์เพาเวอร์ชิฟแล้วเนี่ย มีอะไรต่างจากตัวเบนซิน 2.0มั่ง (ชักเริ่มเซ็งอารมณ์แล้ว)
เซลส์ : ต่างกันแค่เครื่องกับเกียร์ครับ นอกนั้นก็เหมือนกันทุกอย่าง รุ่นนี้ช่วงล่างระบบ........(บรรยายสรรพคุณ)
คนใช้เปอร์โยต์ : ถ้าเหมือนตัวเบนซิน 2.0 บอกได้เลย....ก็งั้นๆแหละ นอกจากค่าซ่อมแล้วเนี่ย สมรรถนะไม่ได้เหนือกว่ารถฝรั่งเศษเก่าๆ ที่ผมใช้อยู่ประจำเลย เซลส์ : รถฝรั่งเศษ รถอะไร แล้วพี่รู้ได้ไงว่าไม่เหนือกว่ารถพี่
คนใช้เปอร์โยต์ : ผมใช้เปอร์โยต์ 405 แล้วที่รู้ว่าไม่เหนือกว่าเปอร์โยต์เพราะผมใช้โฟกัส 2.0 อีกคันเป็นรถสำรอง โน่น..จอดรอซ่อมอยู่ข้างหลังโน่นแนะ ที่ผมขอลองเพราะแฟนอยากเปลื่ยนรถ ไม่ให้ลองก็ไม่เป็นไรบทสนทนาก็จบลงเพียงเท่านี้ ผมก็เดินมาบอกแฟนว่าเขาไม่ให้ลองนะ เขาขายเฉพาะลูกค้าที่มีความรู้หาข้อมูลเอาเองในเนท
แล้วกำตังค์มาซื้อ แฟนเลยบอกว่าซื้อยากซื้อเย็นนักก็อย่าซื้อมันเลย วันหลังค่อยไปดูยี่ห้อที่มันซื้อง่ายๆก็แล้วกัน เอวังด้วยประการฉะนี้
*** ยางแท่นเครื่อง ยางกันโคลงหลัง ยางหุ้มเพลาขับทั้งชุด รวมค่าแรง เกือบเก้าพันบาท เพิ่งเปลื่ยนครั้งแรกในรอบแสนโล ทนใช้ได้
คงจะตามราคา
เล่าสู่กันฟังขำๆครับ