*** ผมเองไม่รู้จนวันนี้นะครับว่าถูกช่างมั่วมา ตอนช่างกำลังซ่อมผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขณะที่เกิดขึ้นเมื่อไปพังงา แล้วช่างก็เอ่ยประโยคนั้นขึ้นมา
ผมคิดในใจว่าเออถ้าจะจริง และคิดว่าตอนไปพังงา ถ้ายางอุดท่อน้ำเป็นของใหม่ ฝาหม้อน้ำแตกแทน
** ในการเดินทางไกลผมใช้ความเร็วเฉลี่ยในช่วง 120-130 กม./ชม (ขับช้าเหม่อ สมาธิอยู่2ข้างทางแทนทางข้างหน้า เกิดอุบัติเหตุ2ครั้งที่ประมาณ80กม./ชม) พักที่ประมาณกลางเส้นทาง ถ้าไปคนเดียวก็ กาแฟ1กระป๋อง บุหรี่1-2มวน ก็เดินทางต่อ (ถ้าลูกเมียไปด้วยก็จะกินข้าวทำให้นานกว่านั้น) ระหว่างการขับรถ ถ้าถามว่าบ้านเมื่อกี้สวยนะ รถคันที่สวนมาสีตลาดนะ ละก็ ผมไม่รู้เรื่องเพราะส่วนใหญ่ สมาธิอยู่ที่เส้นทางข้างหน้ามากกว่า พออีกสัก20กม. จะถึงที่หมายก็จะปิดแอร์ เปิดกระจก(มีคนบอกว่าก่อนดับเครื่องสัก2-3นาทีให้ปิดแอร์ก่อน..จำไม่ได้ว่าถนอมเครื่อง หรืแอร์ แต่ก็ทำประจำ) ขับที่ความเร็ว 80-100 เป็นการคลายเครียด
** ตอนไปพังงาพักไหว้กรมหลวง กินข้าว ขับต่อแล้วเกิดเหตุที่ก่อนถึงที่หมายประมาณ20กม. ...ไปเชียงใหม่ แวะกินข้าวที่ทางแยก อ.ขาณุ (กำแพงเพชร) แล้วเกิดเหตุก่อนถึงที่หมายสัก15 กม. ก่อนเกิดเหตุทั้ง2ครั้งก็ทำแบบที่เคยทำคือ ปิดแอร์, ขับช้า ดังนั้นเมื่อฟังช่างบอก
ผมคิดในใจว่าเออถ้าจะจริง เพราะช่วงขับมา รถมีความเร็ว ระบบปั๊มน้ำส่งน้ำฟันฝ่าตะกรัน ทั้งหลายไปได้ แต่ความร้อนย่อมสูงกว่าระบบที่สมบูรณ์ +ลมปะทะหม้อน้ำ +พัดลมแอร์ทำงาน ทำให้คุมความร้อนได้ พอขับช้า, ปิดแอร์ อุณหภูมิน่าจะสูงพอทำให้แรงดันในหม้อน้ำก่อเหตุดังกล่าวได้
** เรื่องคนไม่รู้ กับช่าง สมัยคุมช่าง มีลูกค้าโทรมาต่อว่า ว่าลูกน้องทำงานค้างไว้2วัน ไม่มาทำต่อ ผมถามว่าช่างบอกไหมว่าอะไรเสีย เขาตอบว่าช่างบอกว่า อาเซนอนเสีย ผมถามต่อว่า กัฟเวอร์เนอร์ ใช่ไหม เขายืนยันว่าอาเซนอน ...เมื่อถามช่างมันรับว่า กลางคืนดูบอลล์หลายคู่ คู่สุดท้าย อาร์เซนอลล์ แข่งแล้วแพ้ด้วย มันทำงานแล้วง่วง จะไปหาที่นอน นึกไม่ออกว่าจะอธิบายอาการเสียให้ลูกค้าเข้าใจอย่างไร จึงบอกว่า อาเซนอนเสีย (ลูกค้าเชื่อลูกน้องผม เหมือนผมเชื่อช่างหม้อน้ำ..ไหมเนี่ยะ)
** ขอบคุณในความเห็นครับ