ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2024 เวลา 13:37:09

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  ซองเทียติดแก๊สไฟไหม้วอดทั้งคัน อยุธยา
0 สมาชิก และ 25 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ซองเทียติดแก๊สไฟไหม้วอดทั้งคัน อยุธยา  (อ่าน 3737 ครั้ง)
kla_2000
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337


« เมื่อ: วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2011 เวลา 17:28:34 »


รถเก๋ง สีเขียว ทะเบียน กง 7206 พระนครศรีอยุธยา ถูกเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน บริเวณถนนสายเอเซีย ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันฉีดน้ำ สกัดเพลิง พร้อมทั้งกันรถ และคน ไม่ให้ผ่านจุดดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าถังแก๊สแอลพีจี ที่เป็นเชื้อเพลิงติดอยู่ท้ายรถ จะเกิดระเบิดขึ้น ทำให้รถบริเวณนั้นติดเป็นทางยาว ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงควบคุมเพลิงได้ สอบสวนทราบว่าเป็นรถของ บริษัทอยุธยา อีควิปเมนท์ จำกัด โดยมีหญิงคนหนึ่ง เป็นคนขับ ขณะกลับมาจากจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ด้านข้างอาคารศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อถึงที่เกิดเหตุ รถดับและพยายามสตาร์ท แต่ไม่ติด ขณะที่มีควันออกมาจากฝากระโปรงรถ และเกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งนับเป็นรายที่สองแล้ว ที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันบริเวณนี้

http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=141955

ตรวจสอบรถกันหน่อยนะครับ ใครที่ติดมานานแล้วตรวจสอบท่อยางแก๊สด้วยก็ดี หรือเปลี่ยนใหม่ไปเลยก็ดีนะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
เต้ มหาชัย
ตั้งสติ ก่อนสตาสร์ (เมาไม่หลับ)
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,633



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2011 เวลา 17:58:01 »


ตัวผมเองก็เกือบเป็นข่าวไฟใหม้รถ ตอนที่คอลโซลไหม้ ทำอะไรไม่ถูกครับ น้ำก็ไม่มี ควันก็มากและแสบตา ได้แต่ยืนมองและตั้งสติ ถ้าไม่ได้ถังดับเพลิงจากรถตู้ที่ผ่านมาประสบเหตุคงไหม้ทั้งคัน  สถานการณ์ตอนนั้นเหล่าใจสุดๆ ดูแลระบบรถให้ดีนะครับ สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ (ถังดับเพลิงควรมีติดรถนะครับ)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

เสียงท่อมันเข้าหู อารมณ์นักสู้มันเข้าสิง
vopang
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 834


« ตอบ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2011 เวลา 19:53:28 »


ต้องบำรุงรักษาก่อนที่มันจะเป็น และควรเตรียมน้ำถ้งดับเพลิงติดรถบ้างครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Maxz-EBC Brakes
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,720



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2011 เวลา 21:10:50 »


เมื่อวานนี้ รถผม ก็ ควันท่วมคอพวงมาลัย ตอนหักพวงมาลัย กลื่นตลบอบอวลเลย


นึกว่า งานเข้า แน่ๆ ...........  ตัดสินใจ ดับเครื่อง   ถอดขั้วแบต   รื้อฝาครอบคอพวงมาลัยดู  ปรากฏว่า .........


เจ้าตัว Steering Wheel ( ขอเรียกมัน ตามที่ฝรั่งเรียก เพราะผมไม่รู้ ภาษาไทย เรียกว่า อะไร........ นึกภาพง่ายๆ ว่า มันเป็นตัวต่อสัญญาณ ระหว่าง สายไฟคอนโซล กะ  Airbag ที่วงพวงมาลัย และก็เป็น ตัวเตะก้านไฟเลี้ยวด้วยในตัว )

สายไฟมันช๊อตกันเอง ..........   ร้อนจัง ร้อนจัง   


ดีที่เป็นที่บ้าน  ไม่งั้นเรียบร้อย  ต้องไปหาอะไหล่อีกแล้ว โหไม่นะ โหไม่นะ


พวกขั้วต่อสายไฟ Socket ต่างๆ หัวย้ำสายไฟจุดต่อต่างๆ  ควรตรวจเช็คให้ดีครับ   รถอายุเยอะแล้ว บางจุด ผ่านการรื้อประกอบบ่อยๆ เกิดความเสียหายเยอะ พาลให้ระบบไฟมีปัญหาได้ 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวแทนจำหน่าย
ผ้าเบรค จานเบรค EBC จากอังกฤษ
กรอง K&N แท้
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น Amsoil / Liqui Moly
กรองน้ำมันเครื่อง WIX
ติดต่อ Max (Authorised Dealer)
อื่นๆ -> Moty's Oil / Brembo OEM



Facebook : EBC Brakes Authorised Dealer-Nonthaburi หรือ พิมพ์ว่า @MaxEBCBRAKES ครับ

รายละเอียด จิ้มตรงนี้ ->>> http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php/topic,36
Lucifer
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529


« ตอบ #4 เมื่อ: วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2011 เวลา 21:19:16 »


ตัวผมเองก็เกือบเป็นข่าวไฟใหม้รถ ตอนที่คอลโซลไหม้ ทำอะไรไม่ถูกครับ น้ำก็ไม่มี ควันก็มากและแสบตา ได้แต่ยืนมองและตั้งสติ ถ้าไม่ได้ถังดับเพลิงจากรถตู้ที่ผ่านมาประสบเหตุคงไหม้ทั้งคัน  สถานการณ์ตอนนั้นเหล่าใจสุดๆ ดูแลระบบรถให้ดีนะครับ สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ (ถังดับเพลิงควรมีติดรถนะครับ)
ของคุณเต้ไฟฟ้าช็อตใต้คอนโซลเหรอครับ ถามเป็นความรู้เพระาผมแปลงคอนโซล sri ใส่ กลัวเหมือนกัน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
WAT_7229
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,049



« ตอบ #5 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 09:20:16 »


อาการนี้ผมว่าสายไฟ  ค่อนข้างชัวร์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
guntuner
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,777



« ตอบ #6 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:03:55 »


 ถูกต้องแล้วครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
madmax
If you want pace. Prepare for war.
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,230



« ตอบ #7 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:16:52 »


โธ่.......แม่ซองเทียแสนสวย   ไม่นะ ไม่นะ 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

If you want peace. Prepare for war.
P205
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,684


« ตอบ #8 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:17:02 »


 โหไม่นะ เจ้าตัวจ้อยของผมโดนไป 2 ครั้ง ครั้งแรกขับรถเป็นใหม่ๆๆไฟช๊อตเข้ามาที่ชุดไฟเลี่ยวแตรเลย ไปบิ๊ก C มาพอดีซื้อน้ำกลั่นมาพอดี พอได้กลิ่นมีควันก็เปิดกระโปงเมียเลย  Aah เอ๋ยกระโปงรถไปเอาน้ำกลั่นมาราด รถต้องลากอย่างเดียว  เลยต้องติดน้ำไว้ท้ายรถเป็นประจำหรือน้ำกลั่นด้วย ครั้งที่สองก็ได้กลิ่นใหม้ควันขึ้นรีบจอดข้างทางมาคนเดียวเมียไม่มา เลยเปิดกระโปงถูกรถ คราวนี้ไฟรุกเลยก็มีน้ำท้ายรถนั้นแหละช่วยได้อีก สีที่กระโปงด้านบนปุดๆๆเลย อือๆๆ เคยได้รางวัลที่ดับเพลิงจากคุณภณเมื่อไปงานชุมนุมกันที่แถวถนนจรัลมาหลายปีแลก็ไม่ได้เอาติดมาเก็บวางไว้เฉยเลย ตอนนี้เลยต้องเอาติดมาด้วยไม่ไว้ใจอีกแย้ว กันไว้ดีแก้  แย่แล้วแก้ไม่ทัน ครั้งที่ 2 นี้มีเรื่องแปลกๆพอไฟดับแล้วผมก็มองไปเห็นคลองน้ำจึงเดินไปเอาน้ำใส่ขวด ดันไปเห็นปลาช่อน 2 ตัวถูกจับใส่กระชังขังไว้ ผมมองซ้ายขวาไม่เห็นเจ้าของผมเลยปล่อยมันไปสาเลย พอขึ้นมาบนถนนก็เห็นฅนกำลังหยกเบ็ดอยู้ใกล้นั่นเองแต่มันมีต้นอ้อบังมุมอยู่จึงมองไม่เห็นกัน ผมเลยทำเฉยๆๆปล่อยปลาของเขาไปแล้ว ว๊าก ยืนรอรถมาลาก เจ้าของปลามันคงงงว่าปลามันหายไปใหน แต่ไม่กล้ามาถามเรา เพราะเรายืนอยู่กับรถเจ้าตัวจ้อยของเรา เขาก็ขี่แมงกะไชไปเลย ก็นึกหัวเราะคนเดียว 555 555 555 อ้อปลามันไม่ถึงคราวตาย รถต้องมาเกิดตรงนี้พอดี ก็หมดค่าเดินสายไฟและค่าลากรถพันกว่าบาท ก็สบายใจไปอย่างด้วยที่ได้ช่วยชีวิต 2 ชีวิตอย่างมีความสุข   มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังสานุกๆๆๆ......ฉะน้าน.......ทุกๆๆๆท่านอย่าประมาทนะครับ โชคดี โชคดี โชคดี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
madmax
If you want pace. Prepare for war.
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,230



« ตอบ #9 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:28:21 »


ครั้งที่ 2 นี้มีเรื่องแปลกๆพอไฟดับแล้วผมก็มองไปเห็นคลองน้ำจึงเดินไปเอาน้ำใส่ขวด ดันไปเห็นปลาช่อน 2 ตัวถูกจับใส่กระชังขังไว้ ผมมองซ้ายขวาไม่เห็นเจ้าของผมเลยปล่อยมันไปสาเลย พอขึ้นมาบนถนนก็เห็นฅนกำลังหยกเบ็ดอยู้ใกล้นั่นเองแต่มันมีต้นอ้อบังมุมอยู่จึงมองไม่เห็นกัน ผมเลยทำเฉยๆๆปล่อยปลาของเขาไปแล้ว ว๊าก ยืนรอรถมาลาก เจ้าของปลามันคงงงว่าปลามันหายไปใหน แต่ไม่กล้ามาถามเรา เพราะเรายืนอยู่กับรถเจ้าตัวจ้อยของเรา เขาก็ขี่แมงกะไชไปเลย ก็นึกหัวเราะคนเดียว อ้อปลามันไม่ถึงคราวตาย รถต้องมาเกิดตรงนี้พอดี ก็หมดค่าเดินสายไฟและค่าลากรถพันกว่าบาท ก็สบายใจไปอย่างด้วยที่ได้ช่วยชีวิต 2 ชีวิตอย่างมีความสุข   มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังสานุกๆๆๆ......ฉะน้าน.......ทุกๆๆๆท่านอย่าประมาทนะครับ โชคดี โชคดี โชคดี

เดชะบุญของอ้ายช่อนมันจริง  ฮ่าๆๆๆ  พันกว่าบาทคิดซะว่าเป็นค่าไถ่ชีวิตมันก็แล้วกันครับพี่
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

If you want peace. Prepare for war.
khongnat
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


« ตอบ #10 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 14:27:54 »


ปลามันไม่ถึงคราวครับพี่   แล้วพี่ก็ได้บุญด้วยนะคร้าบบบ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jakasem
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 159


« ตอบ #11 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 00:33:38 »


ต้องระวังและคอยดูแลสายไฟให้ดีนะครับ
ผมก็เคยไล่สายไฟเองช็อตเองดับเองควันโขมงเลยฮิฮิ...... 555
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
P205
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,684


« ตอบ #12 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 08:10:55 »


 love love love อะไร ขอประทานโทษนะครับ มีวิธีดูสายไฟรถยนต์อย่างไรบ้าง  ผมฅนหนึ่งละที่ชอบดูแลบำรุงรักษาเบื้องต้นและมีความรู้เรื่องระบบไฟฟ้าบ้างเล็กน้อย สายไฟรถยนต์นั้นมันยุ่งยากไปหมด บางเส้นช่างเขาจับมารวมกันแล้วพันด้วยสายเทปยาวเป็นว่า มุดไปทางโนน ทางนี้ ดูแล้วเวียนหัวเพราะมันไม่ใช้มีสัก10 เส้นหรือ20 เส้น อะไร มันมีมากมาย ดูแล้วงงเต็กเลย โอยยยยย  และดูไม่ออกว่าเส้นใหนสำคัญต้องดูแลเป็นพิเศษ จึงขอความรู้เพิ่มเติมต่อผู้ท่านมีความรู้ครับ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ สวัสดีครับ  :ยินดี อุอุอุ::มอบดอกไม้: โชคดี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
banganlbk01
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235



« ตอบ #13 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 09:21:55 »


==ช่างเดินสายไฟที่ราคาไม่แรงสมาชิกท่านใดทราบกรุณาช้วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ จะได้เป็นประโยชแด่สมาชิกท่านอื่นนะครับ ใครพอรู้จัก นัดช่างและรวมพลท่านใดจะเช็ค จะเดินใหม่บางจุด ใครมีความคิดเห็นชี้แนะหน่อยครับ(ผมก็เรามันกลัวใหม้เหมือนกัน เรามัน405กลัวเหมือนกันครับ)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jamesdrum
Cowboy from Hell
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,802



« ตอบ #14 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 14:33:57 »


 ...405 GR ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ด้วยคนครับ...!!!
   ...ผมเคยวัดดวง(ซ่อม,เช็ค)ระบบไฟด้วยตัวเอง(ช่างประจำแกกลับตจว.) ...เรื่องของเรื่องคือ ผมไปลุยน้ำ ลุยแบบไม่เห็นว่ามันเป็นแอ่งใหญ่(กลางคืน) ตูมเดียว...!!! ทำท่าจะดับแต่ผมก็พยายามเลี้ยงรอบไว้ไม่ให้ดับ เบิ้ลเครื่องเป็นระยะๆ ก็รอดมาถึงบ้าน...ยังไม่ดับเครื่อง กะให้ความร้อนภายในห้องเครื่องมันทำให้แห้ง(เดินเบาปกติแล้ว ไม่หอบ ไม่สะดุ้ง) แต่กดคันเร่งสะดุ้งทันที(แต่ก็ไม่ดับ) ซักพักผมดับเครื่อง กะว่าเช้าๆจะลุยถอดปลั๊กไฟต่างๆ ไล่สายไฟต่างๆเท่าที่ทำได้...!!!(พลาสติกซุ้ัมล้อของผมไม่มีด้วยครับ โดนอู่ประกันคู่กรณีถอดแล้วไม่ใส่กลับ พอซัดน้ำเลยเข้าเต็มๆ)
   ...ผมก็คิดเอง แล้วลองทำ...อย่างแรกผมถอดขั้วแบตฯก่อน(ผมว่าจำเป็นนะ) ...ถอดสายหัวเทียน+จานจ่าย,ถอดแผงพัดลมคู่หน้า,รีเลย์ต่างๆที่เห็น,หัวรถไฟ(ฟิวส์พัดลม),ปลั๊กไฟต่างๆในห้องเครื่อง,ถอดกราวน์ขัดให้เอี่ยม...!!!(ผมรื้อซะกองเต็มพื้นเหมือนมือสมัครเล่นเลย 555)...จากนั้นฉีดน้ำยาล้างหน้าคอนแทค...มาร์คสายไฟแต่ละเส้นไว้ ถ่ายรูปก่อนถอด(กันลืมว่าอันไหนเป็นอันไหน เพราะผมขี้ลืม)...เสร็จสรรพแล้ว มั่นใจแล้วก็เสียบกลับเข้าที่ เช็คให้แน่ใจ ใส่ขั้วแบตฯ...สตาร์ทแล้วเช็ค เปิด-ปิดไฟหน้า สูง-ต่ำ,ไฟเลี้ยว,แตร...ฯลฯ  ...อ้อ...!!! แผงฟิวส์ใต้พวงมาลัย เช็คไปพร้อมๆกับคู่มือที่มีด้วยครับ...!!! จบไปค่อนวันแบบสบายใจ(มั๊ง)...แต่ผมก็ไม่ลืมดูสายไฟว่ามีถลอกปอกเปิกหรือขาดบ้างรึป่าว???...ไม่งั๊นสายแตะกัน ช็อตกันหล่ะงานเข้าละครับ...!!!
   ปล.นี่ว่าจะทำแบบที่ฝอยอีกรอบ เพราะที่ทำมันก็หลายปีแล้วครับ...!!! หนุกล่ะผม งานนี้ 5555555555
                                                                                                                                   ขอบคุณครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

' ' ร ถ ส ว ย . . . ด้ ว ย มื อ เ ร า . . . ' '   ' ' เ เ ด ง เ เ ก้ ว . . . ศิ ล ป ะ ข อ ง ก า ร ใ ช้ ร ถ เ ก่ า . . . ! ! !' '
WAT_7229
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,049



« ตอบ #15 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 15:03:42 »


...405 GR ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ด้วยคนครับ...!!!
   ...ผมเคยวัดดวง(ซ่อม,เช็ค)ระบบไฟด้วยตัวเอง(ช่างประจำแกกลับตจว.) ...เรื่องของเรื่องคือ ผมไปลุยน้ำ ลุยแบบไม่เห็นว่ามันเป็นแอ่งใหญ่(กลางคืน) ตูมเดียว...!!! ทำท่าจะดับแต่ผมก็พยายามเลี้ยงรอบไว้ไม่ให้ดับ เบิ้ลเครื่องเป็นระยะๆ ก็รอดมาถึงบ้าน...ยังไม่ดับเครื่อง กะให้ความร้อนภายในห้องเครื่องมันทำให้แห้ง(เดินเบาปกติแล้ว ไม่หอบ ไม่สะดุ้ง) แต่กดคันเร่งสะดุ้งทันที(แต่ก็ไม่ดับ) ซักพักผมดับเครื่อง กะว่าเช้าๆจะลุยถอดปลั๊กไฟต่างๆ ไล่สายไฟต่างๆเท่าที่ทำได้...!!!(พลาสติกซุ้ัมล้อของผมไม่มีด้วยครับ โดนอู่ประกันคู่กรณีถอดแล้วไม่ใส่กลับ พอซัดน้ำเลยเข้าเต็มๆ)
   ...ผมก็คิดเอง แล้วลองทำ...อย่างแรกผมถอดขั้วแบตฯก่อน(ผมว่าจำเป็นนะ) ...ถอดสายหัวเทียน+จานจ่าย,ถอดแผงพัดลมคู่หน้า,รีเลย์ต่างๆที่เห็น,หัวรถไฟ(ฟิวส์พัดลม),ปลั๊กไฟต่างๆในห้องเครื่อง,ถอดกราวน์ขัดให้เอี่ยม...!!!(ผมรื้อซะกองเต็มพื้นเหมือนมือสมัครเล่นเลย 555)...จากนั้นฉีดน้ำยาล้างหน้าคอนแทค...มาร์คสายไฟแต่ละเส้นไว้ ถ่ายรูปก่อนถอด(กันลืมว่าอันไหนเป็นอันไหน เพราะผมขี้ลืม)...เสร็จสรรพแล้ว มั่นใจแล้วก็เสียบกลับเข้าที่ เช็คให้แน่ใจ ใส่ขั้วแบตฯ...สตาร์ทแล้วเช็ค เปิด-ปิดไฟหน้า สูง-ต่ำ,ไฟเลี้ยว,แตร...ฯลฯ  ...อ้อ...!!! แผงฟิวส์ใต้พวงมาลัย เช็คไปพร้อมๆกับคู่มือที่มีด้วยครับ...!!! จบไปค่อนวันแบบสบายใจ(มั๊ง)...แต่ผมก็ไม่ลืมดูสายไฟว่ามีถลอกปอกเปิกหรือขาดบ้างรึป่าว???...ไม่งั๊นสายแตะกัน ช็อตกันหล่ะงานเข้าละครับ...!!!
   ปล.นี่ว่าจะทำแบบที่ฝอยอีกรอบ เพราะที่ทำมันก็หลายปีแล้วครับ...!!! หนุกล่ะผม งานนี้ 5555555555
                                                                                                                                   ขอบคุณครับ

ใช่ซี๊  ก็แดงแก้วเอาไว้จอดแล้วก็ทำของเล่นมั่ง  ซ่อมเองมั่ง  ไม่ได้มีไว้ขับ  เวลาไปทำงานก็นั่งรถเมล์ไปทำงานนิ  ว่าแล้ว เดี๋ยวเอาขาวอุบลไปจอดให้ทำอย่างที่ว่าให้หน่อนนะ  เอาแบบรื้อสายไฟออกมาไล่เปลี่ยนสายไฟใหม่ทีละเส้นแล้วค่อยประกอบกลับ แบบที่ว่าอ่ะ  อ้อแล้วอย่าลืมถ่ายรูปกับทำมาร์คไว้ด้วยนะกันลืม อ่ะ  ตอนนี้เค้ามีรถสำรองแล้ว  จอดทำได้แล้ว ก็ทำให้หน่อยแระกันนะ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jamesdrum
Cowboy from Hell
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,802



« ตอบ #16 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 15:11:04 »




ใช่ซี๊  ก็แดงแก้วเอาไว้จอดแล้วก็ทำของเล่นมั่ง  ซ่อมเองมั่ง  ไม่ได้มีไว้ขับ  เวลาไปทำงานก็นั่งรถเมล์ไปทำงานนิ  ว่าแล้ว เดี๋ยวเอาขาวอุบลไปจอดให้ทำอย่างที่ว่าให้หน่อนนะ  เอาแบบรื้อสายไฟออกมาไล่เปลี่ยนสายไฟใหม่ทีละเส้นแล้วค่อยประกอบกลับ แบบที่ว่าอ่ะ  อ้อแล้วอย่าลืมถ่ายรูปกับทำมาร์คไว้ด้วยนะกันลืม อ่ะ  ตอนนี้เขามีรถสำรองแล้ว  จอดทำได้แล้ว ก็ทำให้หน่อยแระกันนะ
[/quote]

 ...แหมๆๆ เสียงสูงเชียว...!!! หยั่งผมไม่ได้เรียกว่าซ่อมค๊าบพี่ เขาเรียก"แอบทำตอนช่างไม่อยู่"...555555555555555
   ปล.ขอแก้ตัว เอ๊ย...!!! ตอนนี้เอามาขับบ่อยขึ้นค๊าบพี่(แต่ใกล้ๆบ้าน น้องกลัวหลงไปหาดพัทยานานา...หลงทีไร ไปตั้ังหลักที่นี่ทู๊กที...!!!)... โอยยยยย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

' ' ร ถ ส ว ย . . . ด้ ว ย มื อ เ ร า . . . ' '   ' ' เ เ ด ง เ เ ก้ ว . . . ศิ ล ป ะ ข อ ง ก า ร ใ ช้ ร ถ เ ก่ า . . . ! ! !' '
WAT_7229
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,049



« ตอบ #17 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 15:44:05 »


love love love อะไร ขอประทานโทษนะครับ มีวิธีดูสายไฟรถยนต์อย่างไรบ้าง  ผมฅนหนึ่งละที่ชอบดูแลบำรุงรักษาเบื้องต้นและมีความรู้เรื่องระบบไฟฟ้าบ้างเล็กน้อย สายไฟรถยนต์นั้นมันยุ่งยากไปหมด บางเส้นช่างเขาจับมารวมกันแล้วพันด้วยสายเทปยาวเป็นว่า มุดไปทางโนน ทางนี้ ดูแล้วเวียนหัวเพราะมันไม่ใช้มีสัก10 เส้นหรือ20 เส้น อะไร มันมีมากมาย ดูแล้วงงเต็กเลย โอยยยยย  และดูไม่ออกว่าเส้นใหนสำคัญต้องดูแลเป็นพิเศษ จึงขอความรู้เพิ่มเติมต่อผู้ท่านมีความรู้ครับ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ สวัสดีครับ  :ยินดี อุอุอุ::มอบดอกไม้: โชคดี

เส้นที่สำคัญอันดับแรกเลยคือทุกเส้นที่ออกจากขั้วบวกของแบต ครับ  ช่วงก่อนเข้าฟิวส์  และที่สำคัญสุดชีวิตคือเส้นที่จากขั้วบวกแบตไปเข้าไดชาร์ และไดสตาร์ทครับ  เพราะไอ้สองเส้นนี้แหละที่ทำให้ รถสวีเดน ยี่ห้อดัง ไหม้ ให้ผมเห็นคาตาแบบวอดทั้งคันมาแล้ว  เหตุเพราะช่างดันเอาสายไฟสองเส้นนี้ไปรวบรวมกับสายไฟเส้นอื่นๆ แล้ว ที่ตัวถังรถก็มีเหล็กรัดสายไว้ให้ก็จัดสายไฟ(เพื่อความเป็นระเบียบและสวยงาม)   แต่อาจลืมคิดไปว่าสายไฟพอเก่าพอร้อนแล้วเกิดโดนเหล็กรัดอยู่สีไปสีมาก็ถลอก แล้วรัดวงจร  ผมก็คือไหม้ โดยไม่ตัดเพราะสายสองเส้นนี้ไม่ได้ผ่านฟิวส์

อีกทางหนึ่งคือ หมั่นเช็คฟิวส์และปลั๊ก ขั้วไฟต่างๆหากเก่ากรอบ แตก รีบเปลี่ยนเลยครับ และหากเป็นไปได้สายไฟบวกทุกเส้นที่ถูกนำไปต่อใช้ไฟต้องต่อผ่านฟิวส์  ส่วนจะเป็นเบอร์อะไรนั้นคงต้องดูที่อุปกรณ์ที่นำไปใช้ด้วยว่ากินไฟมากน้อยเท่าไหร่ ผมจะไม่ใช้คำว่าหลีกเลี่ยง แต่จะใช้คำว่าห้ามใช้ฟิวส์ที่ขนาดแอมป์ใหญ่เกินไป
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jamesdrum
Cowboy from Hell
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,802



« ตอบ #18 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 15:49:48 »


love love love อะไร ขอประทานโทษนะครับ มีวิธีดูสายไฟรถยนต์อย่างไรบ้าง  ผมฅนหนึ่งละที่ชอบดูแลบำรุงรักษาเบื้องต้นและมีความรู้เรื่องระบบไฟฟ้าบ้างเล็กน้อย สายไฟรถยนต์นั้นมันยุ่งยากไปหมด บางเส้นช่างเขาจับมารวมกันแล้วพันด้วยสายเทปยาวเป็นว่า มุดไปทางโนน ทางนี้ ดูแล้วเวียนหัวเพราะมันไม่ใช้มีสัก10 เส้นหรือ20 เส้น อะไร มันมีมากมาย ดูแล้วงงเต็กเลย โอยยยยย  และดูไม่ออกว่าเส้นใหนสำคัญต้องดูแลเป็นพิเศษ จึงขอความรู้เพิ่มเติมต่อผู้ท่านมีความรู้ครับ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ สวัสดีครับ  :ยินดี อุอุอุ::มอบดอกไม้: โชคดี

เส้นที่สำคัญอันดับแรกเลยคือทุกเส้นที่ออกจากขั้วบวกของแบต ครับ  ช่วงก่อนเข้าฟิวส์  และที่สำคัญสุดชีวิตคือเส้นที่จากขั้วบวกแบตไปเข้าไดชาร์ และไดสตาร์ทครับ  เพราะไอ้สองเส้นนี้แหละที่ทำให้ รถสวีเดน ยี่ห้อดัง ไหม้ ให้ผมเห็นคาตาแบบวอดทั้งคันมาแล้ว  เหตุเพราะช่างดันเอาสายไฟสองเส้นนี้ไปรวบรวมกับสายไฟเส้นอื่นๆ แล้ว ที่ตัวถังรถก็มีเหล็กรัดสายไว้ให้ก็จัดสายไฟ(เพื่อความเป็นระเบียบและสวยงาม)   แต่อาจลืมคิดไปว่าสายไฟพอเก่าพอร้อนแล้วเกิดโดนเหล็กรัดอยู่สีไปสีมาก็ถลอก แล้วรัดวงจร  ผมก็คือไหม้ โดยไม่ตัดเพราะสายสองเส้นนี้ไม่ได้ผ่านฟิวส์

อีกทางหนึ่งคือ หมั่นเช็คฟิวส์และปลั๊ก ขั้วไฟต่างๆหากเก่ากรอบ แตก รีบเปลี่ยนเลยครับ และหากเป็นไปได้สายไฟบวกทุกเส้นที่ถูกนำไปต่อใช้ไฟต้องต่อผ่านฟิวส์  ส่วนจะเป็นเบอร์อะไรนั้นคงต้องดูที่อุปกรณ์ที่นำไปใช้ด้วยว่ากินไฟมากน้อยเท่าไหร่ ผมจะไม่ใช้คำว่าหลีกเลี่ยง แต่จะใช้คำว่าห้ามใช้ฟิวส์ที่ขนาดแอมป์ใหญ่เกินไป


 ...โหพี่วัฒน์ ถ้าตอบตั้งแต่แรก น้องก็ไม่ต้องมาฝอยให้ได้อาย...!!! เนี๊ยะ...ความรู้ล้วนๆเรยยย........... :นอนตายดีกว่า:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

' ' ร ถ ส ว ย . . . ด้ ว ย มื อ เ ร า . . . ' '   ' ' เ เ ด ง เ เ ก้ ว . . . ศิ ล ป ะ ข อ ง ก า ร ใ ช้ ร ถ เ ก่ า . . . ! ! !' '
supreme
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 839



« ตอบ #19 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 20:12:21 »


ที่ผมเคยเจอคือ

พวกขั้วต่อต่างๆ เช่น พวกซ๊อกเก็ตฟิวส์ รีเลย์ หางปลา มันจะหลวม สกปรก ทำให้ไฟเดินไม่ดี บางทีก็ร้อนจนละลาย ก็แก้ไขโดย ถอดมาฉีดสเปรย์ให้มันสะอาด แล้วเอาคีมบีบๆ เวลาใส่มันจะได้แน่นขึ้น

พวกสายไฟลองจับๆดูว่ามันแข็งผิดปกติไหม พวกสายไฟเก่าในห้องเครื่อง พอโดนความร้อนฉนวนมันจะแข็ง กรอบ พอมันบิดไปมาก็แตก ก็อาจเดินสายใหม่ แล้วใส่ปลอกไส้ไก่หรือฉนวนผ้าตามต้องการ  ถ้าไปที่อู่เขามักตัดสายใกล้ๆคอนเน็กเตอร์ แล้วบัดกรีใส่ท่อหดแทนเส้นเดิม  ส่วนเส้นเก่าบางทีก็ปล่อยไว้อย่างเดิม บางทีก็ตัดทิ้ง  เรื่องบัดกรีนี่ จริงๆแล้วมันดีตอนแรกๆครับ แต่ระยะยาวแล้วมันสู้แบบใส่ปลอกแล้วหนีบให้แน่นติดกันไม่ได้  เพราะตะกั่วนานๆไปมันจะแตก ยิ่งมีแรงมากระทำ เช่น ดึง สั่น ร้อน ก็ยิ่งแตกเร็ว และสายไฟที่ใช้กับรถยนต์จะกำหนดเป็น 105 องศาเซลเซียสครับ มันจะมีฉนวนหนากว่าปกติ

พวกรีเลย์เก่า หน้าคอนแทคมันมักสกปรก ทำให้ไฟเดินไม่ดี แล้วตัวมันร้อนมากผิดปกติ คือไม่ได้ร้อนเพราะขดลวดในตัวมันอย่างเดียว แต่ร้อนเพราะหน้าคอนแทคสกปรกอีกด้วย ผมเคยเจอถึงขนาดว่าละลายต้องทิ้งเลยก็มี  ตัวที่สกปรกนี้ถ้าไม่เปลี่ยนใหม่ก็ต้องชำแหละเพื่อทำความสะอาด เป็นได้ก็เอามิเตอร์วัดด้วยยิ่งดี แต่หน้าคอนแทคเวลามันสึกถึงทำไปมันก็ใช้ได้ไม่นาน แต่นานแค่ไหนก็แล้วแต่ปัจจัย ตอบเป็นตัวเลขไม่ได้ 

เปอร์โย 405gr  ที่ใช้คาร์บูเรเตอร์ ฝาชอบโกร่ง เลยมักจะมีน้ำมันรั่วซึม และตัวมันเองก็ใช้นมหนูไฟฟ้าด้วย ก็อันตรายพอสมควร  ตัวพัดลมก็ใช้กระแสไฟมาก กล่องฟิวส์ (หัวรถไฟ) ก็ไม่มิดชิดรับฝุ่นและน้ำทำให้หน้าคอนแทคของฟิวส์ไม่ดี  ในห้องโดยสาร แผงรีเลย์ก็ไม่มีอะไรมาล็อกรีเลย์เลย ขับรถไปกระโดดสะพานหน่อยเดียว รีเลย์ก็หลวมแล้ว 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักพอ รู้จักให้ รู้จักวาง
P205
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,684


« ตอบ #20 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2011 เวลา 21:00:00 »


 :โอ้ววววววววววว: :ยินดี อุอุอุ: ขอบพระคุณมากได้ความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะเลย ผมคิดว่าการบัดกรีสายไฟ นึกว่าจะดีกว่าหนีบ อ๋อมันอย่างนี้นี่ผมเคยเห็นช่างทำเอาสายไฟสองข้างมามัดๆๆแล้วเอาเทปพันสายไฟมาพันไว้ผมก็คิดว่ามันไม่เรียบร้อย แล้วบางจุดที่หนีบไว้แล้วมันขยับไปขยับมาขาดจึงเอาตะกั่วบัดกรีคิดว่าดีสาอีก :เอิ๊กๆๆๆ: ถ้ามีอะไรชี้แนะอีกก็บอกน๊ะครับ เคล็ดไม่ลับเล็กๆๆน้อยอาจมองข้ามได้ ขอขอบคุณอีกครั้งครับครับ :หวัดดีค่ะ: :มอบดอกไม้:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!