อยากให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน เจ้าฟ้าหญิงฯ ทรงเปิดใจในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย

[ภณ(PON)]

Tweet

เจ้าฟ้าหญิงฯ ทรงเปิดใจในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย


เจ้าฟ้าหญิงฯ พระราชทานสัมภาษณ์ รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย

 
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=sb562WW-8wg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=sb562WW-8wg</a>


คลิป พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย 1/4



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=2UEdlWh--Rg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=2UEdlWh--Rg</a>

คลิป พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย 2/4




<a href="http://www.youtube.com/watch?v=dcX3-uMjF6M" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=dcX3-uMjF6M</a>


คลิป พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย 3/4



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=OIukmi2bcJ8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=OIukmi2bcJ8</a>

คลิป พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย 4/4



 



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โดย คุณ thinkJaden2


          เจ้าฟ้าหญิงฯ พระราชทานสัมภาษณ์รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ตรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ทรงห่วงความสามัคคีของคนไทยมากที่สุด

         เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพระวโรกาสพิเศษ ให้ "วู้ดดี้" วุฒิธร มิลินทจินดา ได้สัมภาษณ์บันทึกเทปรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ณ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งเทปดังกล่าวได้ออกอากาศไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา

          ทั้งนี้ เจ้าฟ้าหญิงฯ ได้ตรัสถึงสาเหตุที่มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รายการวู้ดดี้เกิดมาคุยสัมภาษณ์พิเศษ เพราะทรงอยากให้ผู้ชมรายการได้รู้จักตัวตนของพระองค์อย่างแท้จริง ไม่อยากให้ฟังข่าวลือที่เป็นข่าวบิดเบือน หรือพูด ๆ กันไปปากต่อปาก

           เจ้าฟ้าหญิงฯ มีพระดำรัสว่า พระองค์เป็นเด็กวัด อยู่ในกุฏิเล็ก ๆ นอนกับพื้น ที่วัดป่าบ้านตาดมา 15 ปี ทรงสนใจเรื่องธรรมะ ปรารถนาจะศึกษาพระธรรมให้สำเร็จอย่างน้อยขั้นต้น คือ พระโสดาบัน แต่ทรงเชื่อว่า คงยังไม่สามารถบรรลุนิพพานได้ในชาติภพนี้ เพราะยังมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติในทางโลกอีกมากมาย

           พร้อมกันนี้ เจ้าฟ้าหญิงฯ ยังตรัสถึงคำสอนของหลวงตามหาบัวที่ยึดมั่นในพระหฤทัยเสมอมาว่า คนเราสำคัญที่ใจ เพราะคนเรามีใจเป็นประธาน หากจิตใจดีแล้ว ทุกอย่างจะดีตามไปด้วย เพราะฉะนั้น หากมีสิ่งใดที่กระทบจิตใจ ถูกนินทากล่าวร้าย ขั้นแรกก็ต้องพิจารณาว่า สิ่งนั้นเป็นความจริงหรือไม่ หากเป็นความจริงก็ต้องพิจารณาตัวเอง ปรับปรุงแก้ไขตัวเองก่อนจะไปพิจารณาคนอื่น แต่หากสิ่งที่คนพูดกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่ตรงกับความเป็นจริง ก็ต้องปล่อยวางสิ่งนั้นทันที รวมทั้งต้องให้อภัย เพราะการแบกของหนัก ๆ อยู่ มันหนัก ต้องปล่อยวางให้เร็วจะได้สบาย หลวงตามหาบัวเคยสอนไว้ว่า การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ทำยาก แต่ก็ต้องค่อย ๆ ทำ ถึงเวลาปล่อยก็ต้องปล่อย และการนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้นิ่งสงบจะสามารถช่วยให้ปล่อยวางได้

         "หลวงตามหาบัวยังสอนอีกว่า อดีตที่เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เราแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นเรื่องในอดีตต้องปล่อยวางไปเช่นกัน ส่วนเรื่องอนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่าไปจินตนาการเพราะจะทำให้ฟุ้งซ่าน ดังนั้นควรอยู่และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วอนาคตจะดีเอง"

          เจ้าฟ้าหญิงฯ ตรัสอีกว่า ทรงเรียกหลวงตามหาบัวว่า "ท่านพ่อ" และหลังจากที่หลวงตามหาบัวละสังขารไป ทรงรู้สึกว้าเหว่อยู่บ้าง แต่ไม่ทรงกรรแสง เพราะหลวงตามหาบัวเคยสั่งไว้ ไม่ให้ร้องไห้ และสอนด้วยว่า หากทูลกระหม่อมเก็บ "พ่อ" ไว้ในใจ "พ่อ" ก็จะอยู่กับทูลกระหม่อมตลอดไป

          จากนั้น "วู้ดดี้" ได้ถามเจ้าฟ้าหญิงฯ ว่า คนทั่วไปมักพูดกันว่าเกิดเป็นเจ้าเป็นนายสบายมีทุกอย่างเพียบพร้อม ทรงรู้สึกอย่างไรกับประโยคนี้ ก่อนที่เจ้าฟ้าหญิงฯ จะทรงมีพระดำรัสตอบว่า รู้สึกตลกดี เพราะตั้งแต่สมัยเด็กพระองค์ถูกปลูกฝังมาโดยตลอดว่า เกิดเป็นเจ้าต้องรับใช้ประชาชน และทรงงาน ออกเยี่ยมราษฎร ดูแลประชาชนตามหน่วยแพทย์ต่าง ๆ ตั้งแต่อายุ 14 ปี งานคือสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนการเรียนไปเรียนเอาตอนกลางคืน ทำเช่นนี้ตั้งแต่เด็กจนเรียนจบปริญญาเอก ทรงยอมรับว่า เหนื่อย แต่ก็เข้าใจว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนี้ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเข้าใจพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีมากขึ้น ว่า เกิดเป็นเจ้าต้องให้ความสุขกับราษฎร ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ราษฎร เช่น ชาวบ้านไม่มีน้ำกินน้ำใช้ พระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เสด็จฯ ไปดูสถานที่ เพื่อจะสร้างเขื่อนให้

           เจ้าฟ้าหญิงฯ ตรัสว่า ทุกวันนี้ที่พระองค์มาทำงานกับมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ซึ่งต้องเดินทางไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านในท้องถิ่นทุรกันดารในแต่ละแห่ง คราใดที่พระองค์กลับมา และได้เสด็จไปเยี่ยมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช พระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระราชดำรัสถามเสมอว่า ราษฎรเป็นอย่างไร เจ็บป่วยมากหรือไม่ ปัญหาของหมู่บ้านนั้น ตำบลนั้นคืออะไร ทรงถามทุกครั้ง แม้ว่าท่านจะมีพระชนมายุ 83 พรรษาแล้ว แต่ก็ยังทรงงานอยู่ตลอดเวลา

          "เมื่อสมัยก่อน ท่านทรงงานตรากตรำมาก เสด็จฯ ไปเยี่ยมหมู่บ้านชาวเขาที่เชียงใหม่ ที่ไม่มีถนน ไม่มีทาง ท่านต้องเดินข้ามเขา 7-8 ลูก เพื่อไปหาชาวบ้าน แต่เด็ก ๆ สมัยนี้ สักอายุ 20 แทบจะไม่ทราบแล้วว่า พระเจ้าอยู่หัว พระราชินี เคยทรงงานอะไรมาบ้าง อย่างที่เห็นในเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เปิดในโรงภาพยนตร์ ก่อนภาพยนตร์จะฉาย ก็น้อยเกินไป ไม่ได้ต้องการจะโปรโมทหรืออะไร แต่ต้องการให้ทูลกระหม่อมพ่อ และสมเด็จแม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ ตอนนี้อยากขอ แต่ไม่กล้าขอ อยากได้เวลาจากรายการทีวีสัก 10 นาทีหลังข่าว ฉายหนังพระราชกรณียกิจสั้น ๆ ทุกวัน ว่าทั้งสองพระองค์ทรงทำอะไรบ้าง อยากให้คนไม่ลืม สงสารท่านเถอะ เพราะท่านทำมาเต็มที่ ทุ่มเทพระทัยเต็มที่ เอาใจใส่ประชาชนมาโดยตลอด ทุกวันนี้แม้แต่ท่านอยู่ในโรงพยาบาลก็ยังทรงงานทุกวัน ดูโครงการต่าง ๆ จนบรรทมดึกมาก ส่วนสมเด็จแม่ ก็ทรงติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด เช่น เรื่องน้ำท่วม ท่านก็รับสั่งด้วยพระองค์เองให้คนนำถุงยังชีพไปให้ ใครบาดเจ็บ เดือดร้อน เป็นโรคอะไร ก็ทรงให้ความช่วยเหลือโดยที่บางเรื่องไม่ได้บอกใคร หากไม่ใช่เป็นลูกท่านก็คงไม่รู้"

         เจ้าฟ้าหญิงฯ ตรัสด้วยว่า ทั้งสองพระองค์เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องความสามัคคีกลมเกลียวกันในชาติไทย หากคนไทยแตกแยกกัน ศัตรูจะทำลายได้ง่ายมาก ดังนั้นคนไทยต้องเข้มแข็ง มีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน สามัคคีกัน ชาติจึงจะเจริญได้

         "ข้าพเจ้าไม่อยากพูดถึงเรื่องการเมือง เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยว ไม่รู้จักนักการเมือง แต่รู้ว่า ในบ้านเมืองไม่ควรมีการแบ่งก๊ก แบ่งเหล่า คือจะทำอะไร มีอะไรก็ควรพูดจากัน อย่าใช้ความรุนแรง อีกทั้งเหตุการณ์วุ่นวายที่มีการเผาบ้านเผาเมืองกันเมื่อปีที่แล้ว นำความทุกข์มาสู่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหลือเกิน ครั้งนั้น พระเจ้าอยู่หัว จากที่ทรงหัดเดินได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินข่าว ทรงทรุด เป็นไข้ ต้องนอนให้น้ำเกลือ ส่วนสมเด็จพระราชินีก็เสียพระทัยมากเหมือนกัน ท่านรับสั่งว่า คราวที่เราถูกเผากรุงนั้นคือสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาต่อพม่า แต่คราวนี้สะเทือนใจยิ่งกว่า เพราะคนไทยเผาเมืองไทยเอง"

        ต่อจากนั้น เจ้าฟ้าหญิงฯ ได้มีพระดำรัสถึงอาการประชวรที่พระอุรุ (ต้นขา) ของพระองค์ที่ทำให้ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นด้วยว่า ตอนนี้กระดูกติดดีแล้ว แต่ยังเดินลำบาก เพราะไม่ได้เดินมา 3 เดือน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีเสด็จฯ มาเยี่ยมด้วยพระองค์เอง ทำให้พระองค์คิดว่า ต้องรีบหายไว ๆ เพื่อจะได้มาถวายงานดังเดิม

[yoyoo]

Tweet

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ดีมากๆ

[WAT_7229]

Tweet

ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

พระราชกรณียกิจ ของพระเจ้าอยู่หัว 10 นาทีหลังข่าว ฉายทุกวันผมว่าคงต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะหมด

พระองค์รวมถึงเชื้อพระวงค์เพียงไม่กี่พระองค์ทรงงานเพื่อราษฎร 60 กว่าล้านคน  คงเป็นภาระอันยิ่งใหญ่และหนักอึ้งอยู่

[jamesdrum]

Tweet

...ขอให้อาการพระประชวรทรงหายไวๆครับ
   ...ผมอยากเล่าความประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
      ...ครอบครัวผมและญาติๆผมรับราชการเกือบทุกคน(พ่อผมอดีตข้าราชสำนักฯ น้องชายปัจจุบันเป็นช่างภาพในพระราชสำนักฯ และน้าอยู่สวนจิตรฯ,อาอยู่หมวดยานพาหนะ) ...ชีวิตผมเลยผูกพันในรั้ว ในวังตั้งแต่เด็กๆ ขับรถเป็นก็รถยนต์หลวง(ร.ย.ล)  ...พ่อผม ก่อนเกษียณก็ทำหน้าที่ถวายพาน(เจิมหน้าผากคู่บ่าว-สาว)หน้าพระที่นั่งเวลามีสมรสพระราชทาน ซึ่งพ่อผมได้รับใช้เกือบทุกพระองค์...
      ...พ่อผมเล่าว่า ครั้งนึงขณะกำลังยืนถือพานต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงตรัสถามพ่อผมสั้นๆว่า"เมื่อยมั๊ย???"
      ...ผม...ครั้งนึงมีร้านอาหารต่างๆมาออกร้าน(ตำหนักสวนกุหลาบ) และร้านเพื่อนผม(เป็นพยาบาลในสำนักพระราชวัง แล้วชวนผมไปช่วยขาย)เป็นร้านขายลูกชิ้นปิ้ง และเป็นร้านสุดท้าย...!!! ...ผมก็กำลังปิ้งลูกชิ้นและง่วนอยู่กับการขายซึ่งขายดีมาก...!!!
  ...ซักพักใหญ่ๆ ร้านข้างๆที่ติดกันตะโกนเบาๆว่า"สมเด็จพระเทพฯ ท่านกำลังเดินมา"...ใจเต้นรัวเลยครับ ทำอะไรไม่ถูก...เพื่อนผมบอก"เจมส์ จำไว้นะ ถ้าพระเทพฯเสด็จมาหน้าร้าน ให้โค้งคำนับ ไม่ต้องกลัว พระองค์ใจดีมาก"...ผม หูอื้อ ฟังอะไรๆไม่ออกแล้ว มันตื่นเต้นที่สุดในชีวิตครับ...!!!
  ...พระเทพฯทรงมาถึงหน้าร้านผมกับเพื่อน พระองค์ทรงหยุดและยืนหน้าร้าน(ระยะใกล้มากๆเมตรกว่าๆ)...ผมแทบจะเป็นลม ไม่กล้าแม้แต่จะมองพระองค์ท่าน...แล้วความเปิ่น+ความตื่นเต้น ผมยกมือไหว้ตัวงี๊คู้เลยครับ ที่เพื่อนสั่งไว้ลืมหมด...!!! แต่ผมไม่วายแอบมองพระองค์ท่าน เห็นพระองค์ทรงยิ้มแล้วตรัส ผมยังจำติดหูเลย"ขายลูกชิ้นปิ้งหรือ???...ขายดีมั๊ย???...ขอซื้อซักชุด แบบไหนก็ได้"...พอพระองค์เดินผ่านไป เพื่อนและคนที่ออกร้านหัวเราะกันใหญ่ที่ผมยกมือไหว้...!!! พอนึกได้ สติกลับมา ผมรีบถามเพื่อนว่าผมจะมีความผิดมั๊ย???...ลืมโค้งคำนับดันไปยกมือไหว้เฉยเลย...!!! เพื่อนผมบอก"ไม่เป็นไร ท่านใจดีมากๆ"
    ...ถึงผมจะบ้าๆบอๆ ตีสแค่ไหน???...ผมก็ท่องในใจเสมอๆว่า "ขอเป็นข้าพระบาท...ทุกชาติไป"
                                                                                                                                    ขอบคุณครับ

[WAT_7229]

Tweet

แฟน(ภรรยา)ผมเคยทำงานที่สถาบันวิจัยมหิดล  ซึ้งองค์พระเทพท่านก็ทรงเสด็จไปทรงงานที่นั่นประจำ แทบทุกอาทิตย์ บ่อยครั้งที่พระองค์จะบอกให้เจ้าหน้าที่จัดอาหารอิสาน ประเภทส้มตำ ถวาย  แล้วพอถึงเวลาที่จะเสวย พระองค์มักจะตรัสกับบรรดาเจ้าหน้าที่ที่คอยถวายการต้อนรับ     อย่างเป็นกันเองว่า " มารับด้วยกันสิ"  ยังความปลาบปลื้มแก่เหล่าเจ้าหน้าที่อย่างหาที่สุดมิได้

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

[jamesdrum]

Tweet

...ผมขออนุญาติเล่าความประทับใจเกี่ยวกับดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้งครับ...
   ...ปี'46 ถ้าผมจำไม่ผิด...!!! เพื่อนผมที่เป็นพยาบาลสำนักพระราชวัง อยู่ๆชวนผม"ไปหัวหินมั๊ย???..."...ผมว่างก็เลยขับแดงแก้วไปรับเขาที่บ้าน แล้วขับไปส่งที่พระราชวังไกลกังวล... เขาบอกผมว่าคืนนี้พระองค์ท่านจะทรงดนตรี(ปกติพระองค์ท่านจะทรงดนตรีเวลาประมาณตีสี่ ทุกวันเสาร์ถ้าผมจำไม่ผิด) เพื่อนผมบอกว่าตอนนี้ ถ้าพระองค์ท่านทรงดนตรีกับวงของท่าน จะต้องมีนางพยาบาลจัดเป็นชุดมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด(ในห้องทรงดนตรีเลยครับ) ...ผมก็บอก"ผมขอเข้าไปด้วยได้มั๊ย???..."เพื่อนผมบอกห้ามเด็ดขาด...แต่ทิ้งท้ายว่า"เจมส์ ไปหาที่พักแถวๆชะอำนะ และอย่าปิดมือถือเด็ดขาด"...!!!
   ...ผมมาเปิดเกสต์เฮ้าส์ เรื่อยๆเปื่อยๆจนหลับไป ประมาณตีสี่กว่าๆมือถือดัง ผมก็งัวเงียรับสาย "ฮัลโหล ฮัลโหล...เพื่อนผมคนนี้ไม่พูด แต่ผมได้ยินเสียงดนตรีบรรเลง(เพลงแจ๊ส) ชัดครับ...!!! ชัดมาก ร่วมๆสาม-สี่นาทีที่ได้ยิน หัวใจผมพองโต ซาบซึ้ง ตื่นเต้น น้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว...!!! ...เสียงแซกโซโฟนกับเครื่องดนตรีชิ้นต่างๆ เหมือนเสียงจากสวรรค์ที่ผมไม่คิดว่าชีวิตนักดนตรีกิ๊กก๊อกอย่างผมจะมีบุญได้ยินได้ฟัง ถึงแม้จะไม่ได้เห็นก็ตาม...!!! พระองค์ท่านทรงดนตรี และเสียงๆนั้น ผมกำลังได้ยินอยู่...!!!
   ...เที่ยงๆผมมารับเขาที่เดิม เพื่อนผมบอกว่า"เจมส์ อ้อเสี่ยงมากๆเลยนะ...!!!" เพื่อนผมคนนี้ก็เป็นนักร้องด้วย ร้องเพลงฝรั่งแนวๆวง Carpenter และร้องลูกกรุง(ร้องเพราะมากๆ รางวัลเต็มบ้านเลย) และช่วงนั้นเขาร้องประจำหลายที่+รับงานนอกสถานที่ด้วย ผมเลยเหมือนคนขับรถประจำ เลยสนิทกัน(เขาสนิทกับแม่ผมอยู่ก่อนแล้ว ผมก็เลยเรียกแม่อ้อซะเลย)
   ...ครับ...ผมไม่แปลกใจเลยที่ฝรั่งเรียกพระองค์ท่านว่า "KING OF THE KING"...ผมรักในหลวงครับ...!!!

[Sailom306]

Tweet

สมัยผมเรียนประถม ในหลวง และพระราชินีเสด็จเยี่ยมที่โรงเรียน ทุกคนเฝ้ารอรับเสด็จอย่างไม่กลัวแดด หรือฝนครับ พวกเราช่วยกันรักษาความรู้สึกแบบนี้ด้วยกันนะครับ

[pita514]

Tweet

ขอรองบาทราชวงศ์พงศ์จักรี.....จวบชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย.....ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.....

[WAT_7229]

Tweet

ครั้งที่พ่อยังเปิดร้านถ่านรูปที่โคราช (คนโคราชคงรู้จักร้าน เมเยอร์ นั่นแหละเดิมเป็นร้านของพ่อแล้วพอแต่งงานก็ยกให้อา)  พ่อมักจะถูกผู้ว่าราชการตามไปถ่ายรูปงานของจังหวัดเสมอ มีครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมพสกนิกรที่โคราชและเช่นเดิม พ่อถูกตามให้ไปถ่ายภาพรับเสด็จ  วันนั้นประชาชนที่ไปเฝ้ารับเสด็จเยอะมาก  พ่อเองคงกลัวว่าหากยืนถ่ายคงจะบังประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จ  จึงลุกขึ้นเฉพาะตอนถ่ายแล้วนั่งลง ทำให้พ่อต้องผลุดลุกผลุดนั่ง  ในขณะนั้นพระองค์ได้มองมาทางพ่อพร้อมกับได้ตรัสบางประการกับท่านผู้ว่าฯ  พ่อเห็นดังนั้นก็กลัวว่าคงทำอะไรผิดแน่ๆ หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับ  พ่อได้ไปถามผู้ว่าฯว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงตรัสว่าอะไรหรือ  ผู้ว่าฯตอบว่า พระองค์ทรงถามว่า ช่างภาพคนนั้นเป็นใคร  ซึ่งผู่ว่าฯก็ตอบไปว่าเป็นช่างภาพที่ทางจังหวัดจัดมา  พระองค์ก็ทรงตรัสต่อไปว่า "กิริยามรรยาทดีนะ"  พ่อได้ยินเท่านั้นถึงกับยืนน้ำตาซึม ด้วยที่ว่าเพียงช่างภาพคนหนึ่งคนท่ามกลางประชาชนนับพัน ที่คอยเฝ้ารับเสด็จ แต่พระองค์ก็ยังทรงมองเห็น

ขอทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

[คุณชาย405]

Tweet

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานึครับ