:(โทษทีครับไม่ได้อ่านตรงข้อ3 ผมมีบทความคัดมาจาก one 2 car ท่านที่เครื่องเคยฮีท ลองอ่านดูครับ
:'(อันนี้เอาเรื่องที่คุณเล่ามา เอามาขยายความเล่าสู่กันฟังคร่าวๆนะครับว่า การที่มีอากาศอยู่ในระบบถ้าไม่มากนักก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะมันจะยังทำงานได้ดีอยู่ แต่ถ้ามีมากๆต้องไม่ลืมว่าแรงดันของไอน้ำจากการต้มน้ำนั้นมันเคลื่อนรถไฟหลายๆโบกี้ได้เพราะแรงดันมันมหาศาลยิ่งอยู่ในระบบปิดแรงดันมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งหมายถึงมันจะบล็อคน้ำไว้ที่จุดใดจุดหนึ่งเช่นปั๊มน้ำ เมื่อไม่มีน้ำหมุนวนระบายความร้อนในระบบเครื่องก็จะร้อนขึ้นพอถึง 100 เซนเซียลน้ำก็เดือดและกลายเป็นไอไปเสริมฟองอากาศเดิมที่มีอยู่แล้วให้ขยายตัวมากขึ้นและวาล์วน้ำที่เปิดแล้วก็จะส่งฟองอากาศทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้นๆมารวมตัวกันที่จุดเดียวกันกลายเป็นช่องว่างที่แรงดันสูงขึ้นเรื่อยๆแม้พัดลมจะทำงานก็ไม่มีประโยชน์เพราะน้ำร้อนจริงๆไม่ได้ถูกส่งไปที่หม้อน้ำ เมื่อฟองอากาศขยายตัวมากขึ้นก็จะไปดันของเหลวออกทิ้งไปน้ำก็แห้งลงเรื่อยๆฟองอากาศก็จะมากขึ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนระบายไม่ทันก็จะเริ่มหาทางออกใหม่ตามประเก็นต่างๆเครื่องก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆจนน็อคดับไปเอง แต่ถ้าดับช้าหรือรีบเติมน้ำเย็นๆเข้าไปหรือเป็นบ่อยๆเหตุการณ์ที่ตามมาคือปลอกสูบจะขยายตัวมารัดลูกสูบจนลูกสูบไหม้ ฝาสูบก็จะโก่งขยายตัวดันนัทล็อคฝาสูบขึ้นมาตามร่องกันคลาย ทีนี้ไอร้อนจากห้องจุดระเบิดก็จะดันออกมาถึงทางเดินของน้ำทำให้น้ำร้อนขึ้นกว่าเดิมและไปดันน้ำไหลออกจากระบบได้เร็วขึ้นและมากขึ้นไปอีกเมื่อดับเครื่องหรือเครื่องเย็นน้ำก็จะไหลเข้าสู่ห้องเสื้อสูบที่แม้จะมีโอริงกันด้านล่างแล้วแต่เมื่อมันโก่งขึ้นมาก็จะเกิดช่องว่างและน้ำจะไหลลงสู่อ่างน้ำมันเครื่อง คร่าวๆแค่นี้นะครับน่าจะพอเข้าใจบ้างอย่าถือว่าซ้ำเติมกันเลยนะครับแต่น่าจะถือว่าเผื่อจะเป็นอุทาหรธ์ไปยังท่านอื่นๆดีกว่านะครับ ส่วนเรื่องพัดลมนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่ามันเริ่มไม่ดีอยู่แล้วพอมาเจองานหนักที่ต้องทำงานตลอดเวลาระบบควบคุมก็เลยพังไปหรืออาจจะเกิดจากขั้วสกปรกแล้วบังเอิญมาเสียตอนนี้พอดีก็เลยเสริมเรื่องความร้อนเข้าไปใหญ่
1. เมื่อมีน้ำเข้าไปในน้ำมันเครื่องแรงดันก็จะต่ำลงการล่อลื่นก็เสียไปซึ่งจะส่งผลต่อระบบตั้งวาล์วอัตโนมัติโดยตรงผลคือระยะของวาล์วผิดไปเกิดการกระแทกและแขกของวาล์ว วาล์วสึก-รั่ว เครื่องติดยาก-กำลังตก-เดินไม่เรียบ นี่ยังไม่รวมถึงประกับราวลิ้น-เพลาข้อเหวี่ยงนะครับ
2. สีของน้ำมันเครื่องที่เปลี่ยนไปขนาดที่สังเกตุเห็นชัดเจนขนาดนั้นอาจจะมีน้ำปนอยู่กับน้ำมันเครื่องมากกว่า 30%ไปแล้วครับ และตอนนี้ฝาหม้อน้ำก็กลับไปเยี่ยมญาติด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องน้ำแห้งนั้นอธิบายไปแล้วนะครับและโอกาสที่ประเก็นฝาสูบร้าวกับฝาสูบโก่งนั้นสูงมากกว่า 90%ครับ ถ้าฟังจากที่คุณเล่ามาก็ใช่เลยแหละ
3. อันนี้ผมก็ไม่เห็นอาการรถจริงๆนะครับว่ามันสาหัสขนาดไหนเอาเป็นว่าที่หลักๆเลยก็ไสขัดปรับหน้าฝาสูบ-เปลี่ยนประเก็นฝาสูบ-เปลี่ยนแหวนลูกสูบ-เปลี่ยนวาล์วน้ำ-เปลี่ยนปั๊มน้ำ-เปลี่ยนหม้อน้ำ-เปลี่ยนท่อน้ำทั้งหมด-เปลี่ยนโอริงกันน้ำรั่วลงอ่างน้ำมันเครื่อง ส่วนตัวอื่นๆก็ตามสภาพว่าชำรุดเสียหายหรือเปล่าแต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ควรเปลี่ยนเช่นเหรียญชิมของตัวปรับตั้งวาล์ว-ลูกสูบพร้อมปลอก(ถ้าลูกสูบไหม้)-วาล์ว(ถ้าคดหรือแต่งผิวหน้าสัมผัสไม่ได้)-สายพานไทม์มิ่ง(ถ้าเปลี่ยนมานานแล้ว)-ลูกรอกสายพาน-นัทขันฝาสูบ(ใช้ของแท้เท่านั้น)หรืออาจจะรวมไปถึงปั๊มน้ำมันเครื่อง-ชุดเพลาราวลิ้นและประกับ(ถ้าเสียหาย) ถ้าจะทำทั้งหมดที่บอกไปนั้นงบค่อนข้างสูงครับราว 3.5-5 หมื่น แต่ถ้าลูกสูบไม่ไหม้-วาล์วไม่คด-ชุดเพลาไม่เสียหายก็น่าจะอยู่ราวๆ 2-2.5หมื่น มนก็เลยมีทางเลือกเพิ่มเข้ามาคือการเปลี่ยนเครื่องหรือว่าจะซ่อมมันดีตรงนี้อยากให้ไปคุยกับอู่ที่ไว้ใจให้ประเมินสถานการณ์ให้ดีกว่านะครับเพราะถ้ามันสาหัสจริงๆการซ่อมอาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่เพราะอาจจะต้องใช้งบสูงถึง 5หมื่นก็น่าจะเลือกการวางเครื่องใหม่ดีกว่าหรือไปซื้อเครื่องรุ่นเดียวกันมือสองมาอีกตัวถอดอะไหล่ก็จะคุ้มกว่าซึ่งมันคือทางเลือกสุดท้ายที่ก้ำกึ่งแล้วเพราะยังไงผมก็ไม่เห็นอาการจริงๆคงประเมินให้ไม่ได้ครับเพราะเท่าที่คุณเล่ามามันค่อนข้างเอาเรื่องทีเดียวนะครับ เอาเป็นว่าคุณลองจดรายการที่ผมบอกไว้แล้วลองโทรฯสอบถามราคาทั้งแท้-เทียบ-ใหม่-เก่าดูที่ 0-2221-2736 หรือ 0-2214-1839 หรือ 0-2929-1075 แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีดีกว่านะครับว่าจะเอายังไงหรือถ้ายังอยากคุยกับผมอีกก็ยินดีเสมอครับ
ป.ล.เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ
666