รถยอดนิยม(ของโจร)
จากข้อมูลสถิติอันดับรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมช่วงปี 2552 ของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ พบว่า
ประเภทรถยนต์นั่ง
อันดับ 1 โตโยต้า วีออส เป็นที่นิยมของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะรูปทรงกะทัดรัด อะไหล่หาง่าย สีที่หายมากคือ บรอนซ์ เงิน บรอนซ์เทา ดำ
อันดับ 2 ฮอนด้า แจ๊ซ ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นสตรีการระวังจึงน้อย สีที่หายส่วนใหญ่คือขาว
อันดับ 3 โตโยต้า ยาริส เพราะมีผู้ใช้มาก เน้นสีแดง
อันดับ 4 ฮอนด้า ซีวิค เพราะเป็นรถมีระดับในประเทศเพื่อนบ้าน สีดำ สีขาว สีบรอนซ์เทา
ประเภทรถกระบะ
อันดับ 1 โตโยต้า วีโก้ ทุกรุ่น ทุกสี โดยเฉพาะ รุ่นแค็บ ขับสองธรรมดา จะหายทุกวัน วันละหลายคัน
อันดับ 2 อีซูซุ ดีแมคซ์ ทุกรุ่น แต่รุ่นที่หายยอดนิยมเป็นไฮแลนเดอร์ ยกสูง
ประเภทรถตู้
ยี่ห้อโตโยต้า นิวไฮเอซ เวนจูรี่ สีขาว
ส่วนโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่เป็นข่าว พบว่าถูกโจรกรรม ขึ้นอยู่กับจำนวนใบสั่งจากต่างประเทศเป็นหลัก
สถานที่รถหายส่วนใหญ่จะอยู่ริมถนนใหญ่ หน้าบ้านที่เป็นตึกแถวที่อยู่ริมถนนใหญ่ หรืออยู่ในซอยไม่ลึกมากรวมไปถึงตามหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป ตลาดนัด หรือสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ตลาดน้ำทุกที่ทุกจังหวัด และห้างสรรพสินค้า
สำหรับสถิติการโจรกรรมรถ ของกองบัญชาการตำรวจ นครบาล ปี 2552 พบว่ามีการแจ้งรถยนต์หาย 540 คัน จับกุมได้คืน 31 คัน รถกระบะหาย 648 คัน จับกุมได้คืน 17 คัน รถจักรยานยนต์หาย 6,505 คัน จับกุมได้คืน 344 คัน รถตู้หาย 17 คัน รถประเภทอื่นๆ หาย 9 คัน
แจ้งความอันดับ 1 คือ ยี่ห้อโตโยต้า 414 คัน ลำดับที่ 2 ยี่ห้ออีซูซุ 329 คัน ลำดับที่ 3 ยี่ห้อฮอนด้า 166 คัน
รถจักรยานยนต์หายเป็นอันดับ 1 คือ ยี่ห้อฮอนด้า 3,278 คัน ลำดับที่ 2 ยี่ห้อยามาฮ่า 2,787 คัน ลำดับที่ 3 ยี่ห้อซูซูกิ 82 คัน
ล่าสุดสถิติข้อมูลการโจรกรรมรถ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2553 พบว่า รถยนต์หาย 74 คัน จับกุมได้คืน 4 คัน รถปิกอัพหาย 120 คัน จับกุมได้คืนจำนวน 2 คัน รถจักรยานยนต์หาย 1,342 คัน จับกุมได้คืน 79 คัน ส่วนรถตู้หาย 4 คัน ยังไม่สามารถจับคืนได้
พื้นที่ที่หายมากที่สุดคือ บก.น.4 ส่วนรถจักรยานยนต์หายมากที่ สน.โชคชัยส่วนบก.น.9 ที่ สน.บางขุนเทียน หายเฉลี่ยเดือนละ 30 คันแต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติรถหายของปี 2553 พบว่าน้อยกว่าปี 2552 ในช่วงเดียวกันแยกเป็นรถยนต์หายน้อยกว่า 80 คัน รถกระบะหายน้อยกว่า 29 คัน รถตู้หายน้อยกว่า 2 คัน และรถจักรยานยนต์ หายน้อยกว่า 439 คัน
เส้นทางหลังจากที่รถถูกโจรกรรม ส่วนใหญ่จะส่งออกไปตามชายแดนทั้งคัน เพื่อขายให้กับลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน บางส่วนจะถูกถอดชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อนำไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า
รถกระบะและรถเก๋งที่ขโมยจะขายในประเทศเพื่อนบ้านในราคาคันละประมาณ 200,000 บาท ส่วนรถจักรยานยนต์จะได้คันละ 8,000-10,000 บาท
สำหรับผู้กระทำผิดในคดีลักรถ จะต้องรับผิดข้อหาลักทรัพย์ หากเป็นการลักทรัพย์ตอนกลางคืนมีโทษจำคุก 5 ปี ในเวลากลางวัน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้เขียน
