ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2025 เวลา 18:12:46

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  มีปัญหา /สอบถาม /ให้คำแนะนำ รถยนต์ peugeot แต่ละรุ่น
| |-+  40X
| | |-+  ไดชาร์ต 405GR Manual
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ไดชาร์ต 405GR Manual  (อ่าน 1746 ครั้ง)
sc405
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 61


« เมื่อ: วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2006 เวลา 16:07:05 »


รบกวนถามท่านสมาชิกเรื่องไดชาร์ตครับ
1. จะรู้ได้อย่างไรว่ามันใกล้จะเสียแล้วครับ เปลี่ยนใหม่เมื่อปี 2000 ที่ศูนย์สุรวงศ์  6 ปีแล้วมันใกล้จะเสียหรือยังครับ
2. หากจะซื้อของมือสองญี่ปุ่นจะใช้รุ่นไหนครับ ที่ไม่ต้องแปลงจับใส่ได้เลย
3. ของเดิม 65Amp หากจะเปลี่ยนควรเปลี่ยนให้ใหญ่ไปเลยใช่หรือเปล่าครับ เอาขนาด 80 หรือ 90 Amp จะมีผลดีอย่างไรครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ต้อม
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 746



« ตอบ #1 เมื่อ: วันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2006 เวลา 09:02:50 »


ตอบได้ดังนี้
1.สังเกตุจากเวลาเปิดระบบที่ใช้ไฟทั้งหมดแอร์วิทยุไฟหน้าฯลฯ จะทำงานไม่สม่ำเสมอ เช่นเวลาเปิดไฟสูงเสียงพัดลมแอร์จะเบาลง หรือวิทยุจะสะดุด
2.ของมิตซูฯครับ ร้านไดแปลงขาได้ ไม่มีปัญหา ที่ใส่ได้เลยคงจะไม่มีหรอกครับ เพราะเครื่องแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะทำตัวยึดไม่เหมือนกัน
3.ถ้าระบบใจรถยังเป็นเดิมๆ ไม่ได้มีการติดเครื่องเสียงหรืออย่างอื่นที่ต้องการกระแสไฟที่มากขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดไดให้ใหญ่ขึ้น ถ้าไดใหญ่เกินไปก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวนะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
pichate
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2006 เวลา 16:04:18 »


ยกมา
 
ถ้าระบบในรถยังเป็นเดิมๆ ไม่ได้มีการติดเครื่องเสียงหรืออย่างอื่นที่ต้องการกระแสไฟที่มากขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดไดให้ใหญ่ขึ้น ถ้าไดใหญ่เกินไปก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวนะครับ Huh

อันนี้ช่างขอตอบนะครับ การจ่ายกระแสไฟในระบบรถยนต์จะเป็นหน้าที่ของ " ไดชาร์จ " โดยจ่ายให้ระบบไฟฟ้าต่างๆและชาร์จแบตฯ ด้วย  โดยในตัวไดชาร์จมีการควบคุมแรงดันไม่ให้เกินกว่าแบตฯและระบบไฟจะรับได้ ( ไม่เกิน 14.3 - 14.7 โวลด์ ) ไม่ว่าคุณจะใสไดชาร์จ ขนาดใหญ่เท่าใด ถ้าตัวไดชาร์จยังทำงานปรกติ ยืนยันว่าจะไม่มีการเสียหายเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้ารถยนต์แน่นอน การใส่ไดชาร์จที่ใหญ่ขึ้นก็เหมือนคุณเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น กำลังมากขึ้น ความร้อนลดลง อายุการใช้งานยาวนานขึ้น ข้อเสียคงมีบางเช่น กินกำลังเครื่องเพื่มขึ้นแต่นิดหน่อยเท่านั้น  Wink ส่วนแบตฯ เสื่อมเร็วนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ขาดการเติมน้ำกลั่น ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ทำให้แบตฯ ไม่ได้การชาร์จกระแสไฟอย่างเติมที่ แบบว่า รับน้อยจ่ายมาก ที่ว่ามากคือตอนสตาร์ท แบตฯต้องจ่ายกระแสไฟสูงมาก แต่ได้รับการชาร์จน้อย และภายในรถยนต์ต้องจ่ายไฟให้กับระบบกันขโมย วิทยุรถยนต์ นาฬิกา รีโมตประตู และอื่นๆอีก ถ้าต้องการให้แบตฯไม่เสื่อมต้องมีการชาร์จไฟให้เติมเสมอ ถ้าไม่ติดเครื่องต้องมีเครื่องชาร์จไฟให้กับแบตฯ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ต้อม
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 746



« ตอบ #3 เมื่อ: วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2006 เวลา 19:54:38 »


อ้างถึง
ถ้าต้องการให้แบตฯไม่เสื่อมต้องมีการชาร์จไฟให้เติมเสมอ ถ้าไม่ติดเครื่องต้องมีเครื่องชาร์จไฟให้กับแบตฯ


แล้วอายุของแบตมันจะนานขึ้นอีกมากไหมครับ ถ้าเราจอดรถไว้ 1 อาทิตย์แล้วเราเอาตัวชาร์ทเสียบได้เลยหรือต้องถอดแบตออกจากรถครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
sc405
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 61


« ตอบ #4 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2006 เวลา 09:08:05 »


แล้ว 405GR ถ้าแบตมีขนาด 75 Amp แต่ไดชาร์ตมีขนาด 65 Amp จะมีผลอย่างไรครับ มันไม่เหมาะกันหรือเปล่า?
หากเปลี่ยนไดชาร์ตให้ใหญ่ขึ้นให้ใกล้ๆ กับขนาดของแบต ก็น่าจะดีกว่าใช่เปล่าครับ? รถผมระบบไฟฟ้าเดิมๆ ไม่ติดเครื่องเสียงมากครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
sc405
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 61


« ตอบ #5 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2006 เวลา 13:13:13 »


ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
โต้ง
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 199



« ตอบ #6 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2006 เวลา 10:49:06 »


ก็ขอความรู้ด้วยครับ......จากการสังเกตุเอง 
* * * ถ่านชาร์ทยี่ห้อเดียวกัน  1.2 V 800 mA  กับ  1200 mA    ใฃ้เครื่องชาร์ท 1200 mA ก็จะใช้เวลาไม่เท่ากัน   และถ่าน 800 mA จะร้อนมาก  และใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง 800 mA เสียเร็วกว่า
* * * กับใช้เครื่องชาร์ท 800 mA ถ่าน 800 mA จะไม่ร้อนแค่อุ่นๆ แบบ 1200 mA นิ่งๆเลย และที่เห็นชัดเจนเลย ถ่าน 800 mA อายุการใช้งาน...นานกว่า  ใช้เครื่องชาร์ท ที่แอมป์ สูงกว่าแบตเตอรรี่....
...ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลามากเกินไป   ..ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ ...ขอบคุณล่วงหน้าครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

Liquid Petroleum Gas POWER "THE END OF THE EARTH"
puna
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11


« ตอบ #7 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2006 เวลา 02:28:43 »


ผมขอแสดงความคิดเห็นแบบสมเหตุสมผลเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในรถยนต์(ไม่ว่ายี่ห้อใดๆ) ดังนี้ครับ
         *  ไดชาร์ทยิ่งค่าแอมป์มากเท่าใด เป็นปฎิภาคโดยตรงกับ
        - ถ้าแบตเตอรี่ใหม่มากๆ(เก็บไฟได้100%) จะตัดเร็วเท่านั้น (ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้อุปกรณ์ที่กินไฟมากๆในรถของท่านตอนที่ขับอยู่) ก็จะไม่เปลืองแรงเครื่องยนต์และประสิทธิภาพด้านการชดเชยกระแสไฟจากการใช้งานสมบูรณ์ที่สุด) มีผลกับการใช้เชื้อเพลิงมากตามแรงของเครื่องยนต์
         - ไดรชาร์ทค่าแอมป์ยิ่งมาก เมื่อทำงานตามหน้าที่ของมันครั้งใด จะกินแรงเครื่องยนต์มากกว่าแอมป์น้อยอย่างแน่นอน นั่นคือ เครื่องยนต์ต้องรับภารกรรมมากขึ้น เมื่อออกแรงมาก ก็กินเชื้อเพลิงมาก เป็นสัจธรรมธรรมดาของแรงกล
          - แบตเตอรี่ยิ่งเก่า(หลัง1ปีกว่าของการใช้งานครั้งแรก) ประสิทธิภาพการเก็บประจุไฟ(ตามเวลาหลังชาร์ทเต็ม) ก็จะด้อยลง อย่าหวังพึ่งพาคุณสมบัติของการเก็บไฟของแบตเตอร์รี่เก่า คุณจะรู้เองถ้าอาการที่เกี่ยวกับการใช้งานกระแสไฟฟ้าจากแบตฯ ของคุณเปลี่ยนไป และไดร์ทชาร์ทต้องทำงานมากขึ้นจากการต้องชดเชยข้างต้น
           - ส่วนใหญ่ของการพึ่งพาไดร์ทชาร์ทใหญ่ขึ้นกว่ามาตรฐานเดิมเนื่องจาก วัยรุ่นขาโจ๋ชอบดัดแปลงเพิ่มเติมอุปกรณ์ในรถที่ต้องใช้กระแสไฟในคราวเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเครื่องเสียงพลังมหาศาล  เปิดแอร์ตั้งความเย็นไว้ใกล้เคียงอุณหภูมิขั้วโลกตลอดเวลาในขณะที่รถติด ที่ต้องพึ่งพารอบเ ดินเบาเสียเป็นส่วนใหญ่
             ขนาดความจุของแบตเตอรี่ยิ่งมากก็เหมือนนำตุ่มใหญ่ที่ต้องใช้เวลาตักนานกว่า(ชาร์ทนาน)กว่าจะเต็ม  ใครรู้ช่วยบอกด้วยว่าค่าเฉลี่ยของการชาร์ทในขณะขับรถจนแบตฯเต็มควรเป็นเท่าไร 
            -  แบตฯ ส่วนมากมีอายุใช้งานที่ 2 - 3 ปี จดจำการใช้งานของมันไว้ด้วยวิธีการใดๆของท่านเผื่ออนาคตของปัญหาที่จะเกิดจากมัน
           - ถ้ามีกะตังเพียงพอ ก็ไม่ต้องคิดมาก 2 ปีเปลี่ยนแบตฯไปเลย ห้ามเสียดาย ถ้ามีเหตุวิกฤตสักครั้งหนึ่งก็ถือว่าคุ้ม
           - แบตเตอรี่ก็มีหัวใจ  หมั่นตรวจสอบนำกลั่นโดยสมำเสมอ ถ้ากินนำกลั่นมาก แสดงว่าใกล้สิ้นอายุแล้ว
           -  ผมเคยมีประสบการณ์ขับรถทางไกลแบบว่า แบตฯเก่าแล้วไม่เป็นไรน่า ยิ่งดี ขับทางไกลยิ่งชาร์ทดี  ปรากฏว่าคัทเอาท์ หรือตัวตัดไฟจากไดร์ทชาร์ทตอมชาร์ทเต็มแล้ว มันไหม้ เพราะแทบไม่มีการตัดไฟเลย เพราะต้องชาร์ทตลอด ต้องจอดพักจนกว่าจะเย็นแล้วไปใหม่  เหม็นทีนึงก็ต้องจอด  จงจำไว้อย่าคิดแบบผม


               หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้าง  ถ้าผิดหลักเทคนิคประการใด  ผู้รู้ช่วยแย้งด้วย


           
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
sc405
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 61


« ตอบ #8 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2006 เวลา 20:43:56 »


เปลี่ยนแบตใหม่ไปแล้วครับ อายุการใช้งาน 2 ปีผมจะเปลี่ยนตลอด ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!