การไปคลุมราคา เพื่อจะนำรถไปซ่อมอู่ที่เราไว้ใจ ก็ดีครับ แต่.. ต้องทำใจกับเงินที่ได้มา แทบไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายจริงแน่นอน
รวมถึงการจะได้รับเงินค่าเสียหายนั้นก็ใช่จะได้มาแบบรวดเร็วทันใจเราสักเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับระเบียบการของบริษัทแต่ละบริษัท
รถผมเคยเกิดอุบัติเหตุ ชนหนัก ด้านหน้าซ้ายเสียหายมาก ไฟหน้าแตกทั้งคู่ กันชนหน้ายับเยิน ฝากระโปรงต้องเปลี่ยนใหม่
คู่กรณีเป็นรถเก๋งเหมือนกัน แต่ผมเป็นฝ่ายถูก ประกันเลยต้องซ่อมให้ เป็นประกันของกรุงเทพประกันภัย(ประกันของคู่กรณี)
ผมเอารถเข้าอู่ของประกัน เขารับรถเพื่อซ่อมให้จริง แต่ไม่มีกำหนดการรับรถให้เรา ประมาณว่าไม่สามารถจัดคิวการซ่อมให้เราได้
ผมเลยลองให้ทางอู่ตีราคาค่าซ่อมดูว่าประมาณเท่าไหร่แล้วผมจะสำรองจ่ายไปก่อน ทางอู่คิดมา สองหมื่นห้าพันกว่าบาท (ค่าแรงอย่างเดียว)
ไม่รวมอะหลั่ย ซึ่งอะหลั่ยผมต้องเป็นผู้จัดหามาเอง (แพงมาก) .. แต่ได้คิวการซ่อมเลย และมีกำหนดรับรถที่แน่นอนกับผมทันที
หลังจากนั้นผมทำการนำหลักฐานต่างๆ ไปทำการคลุมราคาที่บริษัทฯ จนท.ฝ่ายคลุมราคา ตีราคาออกมาเป็นค่าแรง 8,000 บาท
ค่าอะหลั่ยให้ได้แค่ 2,500 บาท (หาซื้อชุดไฟหน้าก็หมดแล้ว) .. ผมเลยต้องหาอู่ในเครือของประกันเอาใหม่ เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง
สรุปแล้วคือ ผมให้อู่ของประกันทำให้น่ะแหละ .. เป็นแนวทางนะคุณธวัช

