หัวข้อ: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: sc405 ที่ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2006 เวลา 16:07:05 รบกวนถามท่านสมาชิกเรื่องไดชาร์ตครับ
1. จะรู้ได้อย่างไรว่ามันใกล้จะเสียแล้วครับ เปลี่ยนใหม่เมื่อปี 2000 ที่ศูนย์สุรวงศ์ 6 ปีแล้วมันใกล้จะเสียหรือยังครับ 2. หากจะซื้อของมือสองญี่ปุ่นจะใช้รุ่นไหนครับ ที่ไม่ต้องแปลงจับใส่ได้เลย 3. ของเดิม 65Amp หากจะเปลี่ยนควรเปลี่ยนให้ใหญ่ไปเลยใช่หรือเปล่าครับ เอาขนาด 80 หรือ 90 Amp จะมีผลดีอย่างไรครับ หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: ต้อม ที่ วันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2006 เวลา 09:02:50 ตอบได้ดังนี้
1.สังเกตุจากเวลาเปิดระบบที่ใช้ไฟทั้งหมดแอร์วิทยุไฟหน้าฯลฯ จะทำงานไม่สม่ำเสมอ เช่นเวลาเปิดไฟสูงเสียงพัดลมแอร์จะเบาลง หรือวิทยุจะสะดุด 2.ของมิตซูฯครับ ร้านไดแปลงขาได้ ไม่มีปัญหา ที่ใส่ได้เลยคงจะไม่มีหรอกครับ เพราะเครื่องแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะทำตัวยึดไม่เหมือนกัน 3.ถ้าระบบใจรถยังเป็นเดิมๆ ไม่ได้มีการติดเครื่องเสียงหรืออย่างอื่นที่ต้องการกระแสไฟที่มากขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดไดให้ใหญ่ขึ้น ถ้าไดใหญ่เกินไปก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวนะครับ หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: pichate ที่ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2006 เวลา 16:04:18 ยกมา
ถ้าระบบในรถยังเป็นเดิมๆ ไม่ได้มีการติดเครื่องเสียงหรืออย่างอื่นที่ต้องการกระแสไฟที่มากขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดไดให้ใหญ่ขึ้น ถ้าไดใหญ่เกินไปก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวนะครับ ??? อันนี้ช่างขอตอบนะครับ การจ่ายกระแสไฟในระบบรถยนต์จะเป็นหน้าที่ของ " ไดชาร์จ " โดยจ่ายให้ระบบไฟฟ้าต่างๆและชาร์จแบตฯ ด้วย โดยในตัวไดชาร์จมีการควบคุมแรงดันไม่ให้เกินกว่าแบตฯและระบบไฟจะรับได้ ( ไม่เกิน 14.3 - 14.7 โวลด์ ) ไม่ว่าคุณจะใสไดชาร์จ ขนาดใหญ่เท่าใด ถ้าตัวไดชาร์จยังทำงานปรกติ ยืนยันว่าจะไม่มีการเสียหายเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้ารถยนต์แน่นอน การใส่ไดชาร์จที่ใหญ่ขึ้นก็เหมือนคุณเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น กำลังมากขึ้น ความร้อนลดลง อายุการใช้งานยาวนานขึ้น ข้อเสียคงมีบางเช่น กินกำลังเครื่องเพื่มขึ้นแต่นิดหน่อยเท่านั้น ;) ส่วนแบตฯ เสื่อมเร็วนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ขาดการเติมน้ำกลั่น ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ทำให้แบตฯ ไม่ได้การชาร์จกระแสไฟอย่างเติมที่ แบบว่า รับน้อยจ่ายมาก ที่ว่ามากคือตอนสตาร์ท แบตฯต้องจ่ายกระแสไฟสูงมาก แต่ได้รับการชาร์จน้อย และภายในรถยนต์ต้องจ่ายไฟให้กับระบบกันขโมย วิทยุรถยนต์ นาฬิกา รีโมตประตู และอื่นๆอีก ถ้าต้องการให้แบตฯไม่เสื่อมต้องมีการชาร์จไฟให้เติมเสมอ ถ้าไม่ติดเครื่องต้องมีเครื่องชาร์จไฟให้กับแบตฯ หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: ต้อม ที่ วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2006 เวลา 19:54:38 อ้างถึง ถ้าต้องการให้แบตฯไม่เสื่อมต้องมีการชาร์จไฟให้เติมเสมอ ถ้าไม่ติดเครื่องต้องมีเครื่องชาร์จไฟให้กับแบตฯ แล้วอายุของแบตมันจะนานขึ้นอีกมากไหมครับ ถ้าเราจอดรถไว้ 1 อาทิตย์แล้วเราเอาตัวชาร์ทเสียบได้เลยหรือต้องถอดแบตออกจากรถครับ หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: sc405 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2006 เวลา 09:08:05 แล้ว 405GR ถ้าแบตมีขนาด 75 Amp แต่ไดชาร์ตมีขนาด 65 Amp จะมีผลอย่างไรครับ มันไม่เหมาะกันหรือเปล่า?
หากเปลี่ยนไดชาร์ตให้ใหญ่ขึ้นให้ใกล้ๆ กับขนาดของแบต ก็น่าจะดีกว่าใช่เปล่าครับ? รถผมระบบไฟฟ้าเดิมๆ ไม่ติดเครื่องเสียงมากครับ หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: sc405 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2006 เวลา 13:13:13 ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ
หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: โต้ง ที่ วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2006 เวลา 10:49:06 ก็ขอความรู้ด้วยครับ......จากการสังเกตุเอง
* * * ถ่านชาร์ทยี่ห้อเดียวกัน 1.2 V 800 mA กับ 1200 mA ใฃ้เครื่องชาร์ท 1200 mA ก็จะใช้เวลาไม่เท่ากัน และถ่าน 800 mA จะร้อนมาก และใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง 800 mA เสียเร็วกว่า * * * กับใช้เครื่องชาร์ท 800 mA ถ่าน 800 mA จะไม่ร้อนแค่อุ่นๆ แบบ 1200 mA นิ่งๆเลย และที่เห็นชัดเจนเลย ถ่าน 800 mA อายุการใช้งาน...นานกว่า ใช้เครื่องชาร์ท ที่แอมป์ สูงกว่าแบตเตอรรี่.... ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลามากเกินไป ..ขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ ...ขอบคุณล่วงหน้าครับ หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2006 เวลา 02:28:43 ผมขอแสดงความคิดเห็นแบบสมเหตุสมผลเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในรถยนต์(ไม่ว่ายี่ห้อใดๆ) ดังนี้ครับ
* ไดชาร์ทยิ่งค่าแอมป์มากเท่าใด เป็นปฎิภาคโดยตรงกับ - ถ้าแบตเตอรี่ใหม่มากๆ(เก็บไฟได้100%) จะตัดเร็วเท่านั้น (ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้อุปกรณ์ที่กินไฟมากๆในรถของท่านตอนที่ขับอยู่) ก็จะไม่เปลืองแรงเครื่องยนต์และประสิทธิภาพด้านการชดเชยกระแสไฟจากการใช้งานสมบูรณ์ที่สุด) มีผลกับการใช้เชื้อเพลิงมากตามแรงของเครื่องยนต์ - ไดรชาร์ทค่าแอมป์ยิ่งมาก เมื่อทำงานตามหน้าที่ของมันครั้งใด จะกินแรงเครื่องยนต์มากกว่าแอมป์น้อยอย่างแน่นอน นั่นคือ เครื่องยนต์ต้องรับภารกรรมมากขึ้น เมื่อออกแรงมาก ก็กินเชื้อเพลิงมาก เป็นสัจธรรมธรรมดาของแรงกล - แบตเตอรี่ยิ่งเก่า(หลัง1ปีกว่าของการใช้งานครั้งแรก) ประสิทธิภาพการเก็บประจุไฟ(ตามเวลาหลังชาร์ทเต็ม) ก็จะด้อยลง อย่าหวังพึ่งพาคุณสมบัติของการเก็บไฟของแบตเตอร์รี่เก่า คุณจะรู้เองถ้าอาการที่เกี่ยวกับการใช้งานกระแสไฟฟ้าจากแบตฯ ของคุณเปลี่ยนไป และไดร์ทชาร์ทต้องทำงานมากขึ้นจากการต้องชดเชยข้างต้น - ส่วนใหญ่ของการพึ่งพาไดร์ทชาร์ทใหญ่ขึ้นกว่ามาตรฐานเดิมเนื่องจาก วัยรุ่นขาโจ๋ชอบดัดแปลงเพิ่มเติมอุปกรณ์ในรถที่ต้องใช้กระแสไฟในคราวเดียวกันมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเครื่องเสียงพลังมหาศาล เปิดแอร์ตั้งความเย็นไว้ใกล้เคียงอุณหภูมิขั้วโลกตลอดเวลาในขณะที่รถติด ที่ต้องพึ่งพารอบเ ดินเบาเสียเป็นส่วนใหญ่ ขนาดความจุของแบตเตอรี่ยิ่งมากก็เหมือนนำตุ่มใหญ่ที่ต้องใช้เวลาตักนานกว่า(ชาร์ทนาน)กว่าจะเต็ม ใครรู้ช่วยบอกด้วยว่าค่าเฉลี่ยของการชาร์ทในขณะขับรถจนแบตฯเต็มควรเป็นเท่าไร - แบตฯ ส่วนมากมีอายุใช้งานที่ 2 - 3 ปี จดจำการใช้งานของมันไว้ด้วยวิธีการใดๆของท่านเผื่ออนาคตของปัญหาที่จะเกิดจากมัน - ถ้ามีกะตังเพียงพอ ก็ไม่ต้องคิดมาก 2 ปีเปลี่ยนแบตฯไปเลย ห้ามเสียดาย ถ้ามีเหตุวิกฤตสักครั้งหนึ่งก็ถือว่าคุ้ม - แบตเตอรี่ก็มีหัวใจ หมั่นตรวจสอบนำกลั่นโดยสมำเสมอ ถ้ากินนำกลั่นมาก แสดงว่าใกล้สิ้นอายุแล้ว - ผมเคยมีประสบการณ์ขับรถทางไกลแบบว่า แบตฯเก่าแล้วไม่เป็นไรน่า ยิ่งดี ขับทางไกลยิ่งชาร์ทดี ปรากฏว่าคัทเอาท์ หรือตัวตัดไฟจากไดร์ทชาร์ทตอมชาร์ทเต็มแล้ว มันไหม้ เพราะแทบไม่มีการตัดไฟเลย เพราะต้องชาร์ทตลอด ต้องจอดพักจนกว่าจะเย็นแล้วไปใหม่ เหม็นทีนึงก็ต้องจอด จงจำไว้อย่าคิดแบบผม หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้าง ถ้าผิดหลักเทคนิคประการใด ผู้รู้ช่วยแย้งด้วย หัวข้อ: Re: ไดชาร์ต 405GR Manual เริ่มหัวข้อโดย: sc405 ที่ วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2006 เวลา 20:43:56 เปลี่ยนแบตใหม่ไปแล้วครับ อายุการใช้งาน 2 ปีผมจะเปลี่ยนตลอด ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ
|