Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย

กำลังหารถมือสอง - มือสี่ขับไปทำงาน แต่กลัวว่าจะรับภาระไม่ไหว เพราะน้ำมันแพง ไอ้ตัวเองเงินเดือนก็หมื่นต้นๆ ห้องหอก็เช่าเขาอยู่เดือน 3500 ผ่อนแมงกะไซต์อีกคันหนึ่ง 23xx บาท/เดือน ว่าจะขายมอไซต์ไปผ่อนรถมือสองแทน พี่ๆ ว่า 405 จะพาผมไปถึงฝันได้ใหมครับ (ขับมอไซต์ทำงานฤดูฝน แล้วกลัวลื่นล้มสมองกระจายพื้น)....ดูเหมือนตัวเองไม่เจียมตัวยังไงไม่รู้ เฮ้อ...เศร้า

ปล. เลือกใช้จากจากงวดรถมอไซต์เดือนละ 4xxx บาท จาไหวใหมครับพี่  :-\

ใจรักก็สามารถทำได้นะครับ  พี่เองได้คู่ทุกข์คู่ยาก ก็สิงห์ยกขานี้แหละ  ถ้าน้องพอซ่อมเองได้ หรือ มีที่ปรึกษาที่ดี ( อย่างเว๊บนี้ )  ไม่น่ามีปัญหา   
รถมือสองเดี๋ยวนี้ราคาถูกลงเยอะครับ   
สมัยก่อนเคยอยู่สถาบันการเงินแล้วถูกปิดตอนปี 42  หนักกว่าน้องเยอะ    ยังสู้ถึงทุกวันนี้   คนขยันไม่อดตายหรอกครับ  ...........

 � � � � � � � � � � � ถ้ารายได้อยู่ในระดับนี้และมีค่าใช้จ่ายประจำอยู่แล้ว ผมว่าอย่าเพิ่งซื้อรถยนต์ใช้ขณะนี้ �เพราะมันจะเพิ่มภาระมากกว่าเดิมนะครับ น้ำมันก็ใช้มากกว่าที่ใช้อยู่หลายเท่า ไหนจะมีเรื่องค่าซ่อมบำรุง ที่จอดรถ ประกันภัย มันจะเล่นเอาไม่เหลือให้ใช้จ่ายนะ ความคิดดีครับเรื่องที่จะหลีกเลี่ยงมอเตอร์ไซค์แต่หาวิธีอื่นดีกว่า เช่นเปลี่ยนไปใช้รถสาธารณะ รถไฟฟ้า รถใต้ดิน �คุณดูซิครับหลายคนหันไปเปลี่ยนพลังงานทดแทนกันเพียบ เนื่องจากไม่สามารถทนภาระค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้ ยั้งคิดไว้ก่อนนะครับ

เห็นด้วยกับคุณเฮงครับ ใช้ขนส่งมวลชนดีกว่าผ่อนรถมือสองครับ เพราะค่าบำรุงรักษาเช่นน้ำมันเครื่อง ใส้กรอง แบตเตอรี่ ยาง ภาษี พรบ ประกันภัย ที่จอดรถ ค่าน้ำมัน ไม่กินไม่ใช้ก็ต้องหามาไม่ต่ำกว่าเดือนละ5000แล้วครับ ภาระจะยิ่งหนักมากขึ้น เอาเงินไปซื้อคุณภาพชีวิตดีๆ ได้แก่ อาหารดีๆ เสื้อผ้าดีๆ ท่องเที่ยว การศึกษา ฯลฯ นะครับ

เย้อ.......แบบนี้ขับมอไซต์ต่อไปดีก่าเก็บตังซื้อทีเดียวไปเลย ทุกวันนี้เติม 100 บาท ขับได้จันทร์-อาทิตย์ ระยะทาง 20 โลกับแมงกะไซต์คู่ใจ ถ้ารถยนต์เดือนนึงคงจะราวๆ 2000 - 2500 บาท แน่เลย

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ... ผมยังเคยคุยกับแฟนผมเลยว่าในภาวะอย่างทุกวันนี้ทำไมรถยังเต็มท้องถนนแบบนี้ได้อีก  ทั้งที่มาคำนวณดูแล้วคนที่ทำงานกินเงินเดือนในหลักไม่เกิน 2 หมื่นนี่ไม่ควรจะมีรถของตัวเองได้เลย เพราะค่าใช้จ่ายต่อเดือนมันสูงมาก
ก็ลองคิดให้รอบคอบแบบที่ท่านเฮงแนะนำก่อนดีกว่าครับ  รถยนต์ส่วนตัวบางครั้งก็ไม่ได้จำเป็นหากเราอยู่ในเส้นทางที่มีขนส่งมวลชนดี ๆ อยู่นะครับ  :)

ใช่แล้วน้อง..บางคนคิดว่าเงินเดือนเท่านี้เราผ่อนรถเท่านี้ไหว แต่จริงๆมันมีค่าโน่นค่านี่มากมาย เก็บเงินไว้บวกกับได้เงินเดือนเพิ่มหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขับรถมอเตอร์ไซด็ก็อันตรายนะร้อนก็ร้อน ของพี่มีรถดีๆก็ขับมันชนเสาไฟฟ้าซะฉิบ

พีว่าเราแบ่งเงินเดือนเป็นส่วนๆ ก่อนนะ
1. เงินออม 10% อย่างต่ำ (มากบ้างน้อยบ้างก็ต้องกัดฟัน ออมให้ได้ทุกเดือน เดือนละ500-1000 ก็ยังดี....สร้างนิสัยที่ดี)
2. ค่าบ้าน 40% (ถือว่าเป็นการลงุน)
3  ค่ารถ ไม่เกิน 20% (รวมน้ำมัน ดูแลรักษา)
4. อาหาร 20% (รวมทั้งราคาถูกและราคาแพง)

เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมา ควรจะออมไว้ทั้งหมด

ถ้าทำได้แบบพี่ใหม่ว่า...เศรษฐกิจของครอบครัวดีขึ้นอย่างเดียวไม่มีทรุด......หนับหนุน
. . . . แนะนำอีกคน...ว่าลองไปหาดูรถที่เราชอบและคิดว่าพอสู้ราคาและค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายได้....สมมุติ  รถราคา80,000  ดาวน์ 40,000 ส่งต่อ 24 เดือน ดอกเบี้ย 12 ต่อปี + vat 7 % ของค่างวด = 2,211.33 บาท รวมส่ง 53,072 บาท...ที่นี้คุณเอาเงินดาวน์ฝากธนาคารไว้ก่อน แล้วฝากอีกเดือนละ 2,211.33 บาท +ค่าใช้จ่าย(ถ้าใช้รถยนต์) แต่ตอนนี้ใช้มอเตอร์ไซค์ไปก่อนนะ ครบ 2 ปี จะพบว่ามีเงินหลายอยู่...ที่นี้รับรองว่าภาระจะน้อยลงกว่าที่เราซื้อตอนนี้....และที่สำคัญรถรุ่นที่เราดูไว้จะราคาถูกลงอีกหลายหมื่น.....ลองคิดดูดิ๊....อดทนอีกนิดน่ะ ;)

เห็นด้วยกับทุกๆท่านครับ ถ้ายังโสดอย่าพึ่งซื้อรถเลยครับ


รถยนต์วิ่งในเมืองมันจอดมากกว่าวิ่ง 20โลมอเตอร์ไซด์กับ 20โลรถยนต์จะกินน้ำมันไม่เหมือนกันและใช้ระยะเวลาในการไปถึงไม่เท่ากัน


เวลาขี่ก็ขี่ไปเรื่อยๆนะครับ ไม่ต้องรีบเร่งมีสติตลอดก็ปลอดภัยครับ

ผมมีคนรู้จักอยู่หลายๆคนที่มีเงินเดือนสูง บางคนก็เป็นเจ้าของบริษัทที่ยังไม่มีรถขับก็หลายคนนะครับ เวลาจะไปธุระซ้อนมอเตอร์ไซด์massagerไปยังมีเลย
บางคนยังขี่มอเตอร์ไซด์มาทำงานอยู่เลย บางคนบอกว่าจะซื้อรถก็มาคุยกับผมว่าซื้อรถอะไรดี ไปๆมาๆแกก็มาบอกว่าขี่มอเตอร์ไซด์อย่างเดิมดีกว่าเบื่อรถติด ผมบางครั้งเข้าเมืองยังไปแท็กซี่เลยครับ จะนั่งมอเตอร์ไซด์ไปก็พอดีนั่งไม่เป็นเคยซ้อนคนขี่บอกว่าพี่อย่านั่งเก็งซิ เดี๋ยวนี้บางทีถ้าไม่มีธุระที่อื่นต่อยังนั่งรถเมล์ไปออฟฟิสลูกค้าเลยครับ(ไม่ได้ขึ้นมาเป็นสิบปีตั้งแต่จบม.ปลาย)ก็นั่งดูวิวข้างทางไป เวลาขับรถเองไม่เคยได้มองวิวเลยมันก็เพลินไปอีกแบบนะครับ ยิ่งเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนๆแทบจะไม่ขับรถไปเลยครับ

ทำแบบพี่ใหม่ว่านะถูกต้องแล้วครับ  

เป็นคำตอบที่ดีทุกคน แต่ไม่มั่นใจว่า คุณข้างบนนี่จะสื่ออะไร อ่านแล้วงงๆ นะครับ
สำหรับอาร์ต อาร์ตว่าปัจจัยของการมีรถ มันมากกว่ามีเงินมากมายนักนะครับ

บางคนมีเงินก็ไม่อยากมีรถ บางคนมีรถแต่ก็ไม่มีเงิน ( สุดท้ายก็โดนยึด ) ส่วนบางคนพ่อรวยจะมีรถกี่คันก็ได้แต่ไม่ได้หามาเอง
สำหรับผมแล้ว รถเป็นสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ( ประมาณ ป.3 ก็ชอบรถแล้ว จำได้ว่าคันแรกที่โดนใจสุดๆ คือลัมโบกินี่ คูทาช ซึ่งเท่ห์มากๆ )
นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ใฝ่ฝันที่จะมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่แบบตอนนั้นยังไม่มีเงินไง เด็กอยู่ เลยได้แค่รถจักรยาน ก็ดีคับปั่นเอาได้ฟิต

พอโตขึ้นมาจนเข้ามหาลัยได้ คุณพ่อก็เป็นห่วงเรื่องสวัสดิภาพการเดินทางก็เลยให้รถมาใช้ ก็เลยเริ่มเล่นรถตั้งแต่ตอนนั้น แต่สิ่งที่ตามมาก็คือการรับผิดชอบในรถคันนั้น ซึ่งมันมากเกินกว่าที่คุณอาจจะคิดออกไม่ว่าจะเป็นพวกของเหลวที่ต้องเปลี่ยนตามระยะ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ ฯลฯ อันนี้สิ้นเปลืองไปทั้งสิ้น ไหนจะเป็นพวกอะไหล่เครื่องอีกเกียร์อีก ช่วงล่าง ภายใน ระบบสายไฟ นี่คือคำตอบของรถมือสองที่มันต้องมีสักวันที่เสีย ถ้าคุณยังไม่มีเงินมากพอ มันจะเป็นภาระให้คุณต่อไปน่ะครับ อีกอย่างการผ่อนไฟแนนท์
อันนี้ก็ตัวดี ที่เป็นเรื่องของดอกเบี้ยที่อาจจะบานปลาย ทำให้คุณเน่าเอาได้เช่นกัน บ้านผมไม่เคยซื้อรถเงินผ่อน ซื้อสดทุกคัน เหตุผลคือ ถ้าผ่อนไปเสียดอกมากๆ ดอกส่วนนี้เอาไปซ่อมบำรุงรถได้ทั้งคัน ( แต่รถที่ใช้เกือบทุกคันมือสองนะคับ มีรถแม่กับรถน้องสาวที่ใช้ตั้งแต่ปลายแดง )

ดังนั้น คุณอย่าคิดแค่เงินเดือนและตังค์ค่าผ่อนรถน่ะครับ ไม่ได้ คุณต้องมองเรื่องการซ่อมบำรุงเพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้ด้วย

อาร์ตอยากให้บริหารเงินดังนี้ ถ้าสมมติว่ามีเงินเดือน 10,000 บาท เลขกลมๆ
10% เอาไปเป็นเงินฝากออมทรัพย์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเงินฝากระยะสั้น ( 12,000 ต่อปี )

10% เอาไปฝากกับระบบเงินฝากระยะยาว ที่อาร์ตใช้คือ ฝากกับประกันชีวิต ที่เป็นระบบออมทรัพย์ ( เหตุผลมันเป็นการป้องกันค่าเงินบาทที่ด้อยค่าลงในอนาคต )  ( 12,000 ต่อปี )

30% เป็นใช้จ่ายในการเดินทาง บางคนอาจจะมากน้อยต่างกัน แต่ผมตีเป็นราคาน้ำมันเพื่อเติมเปอโยต์ ( รถผมใช้น้ำมันเดือนละ 5,000 )
คิดเป็นเงินก็ตกประมาณ ( 3,000 ต่อเดือน ตก 36,000 ต่อปี ) ถ้าคิดแบบรถผม ค่าน้ำมันตกประมาณ 60,000 บาทต่อปี ? เห็นตัวเลขนี่น่ากลัวป่าวหล่ะ ???? มันซื้อ เปอโยต์ 405GR ได้อีก 1 คันนะครับ.......

50% เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ว่าจะกิน จะอยู่ ก็ใช้ส่วนนี้ ตกประมาณ 5,000 บาท ต่อเดือน ( 60,000 บาท ต่อปี )
พอเห็นภาพมั๊ยครับว่า ถ้าคุณใช้รถ และใช้น้ำมัน คุณไม่สามารถอยู่ได้ด้วยเงินเดือนขนาดนี้แน่ๆ เพราะนี่ผมไม่ได้รวมค่าผ่อนรถนะ
ผมคิดแค่ค่าใช้จ่ายปกติ น่าจะแบบอนาถาระดับหนึ่ง ( กำลังเผชิญอยู่ 5 5 5 )

ดังนั้น การมีรถสักคัน เหมือนแบกภาระเยอะมากคับ ที่บ้านผมมีรถทั้งหมด 5 คัน ผมเลยยิ่งรู้เลยว่าปีๆ นึงผมต้องดูแลรักษารถแต่ละคันมากน้อยขนาดไหน ซึ่งมากพอที่จะไปซื้อ 405Sri ได้ 1 - 1.5 คันต่อปีเลยนะคับ เยอะมากๆ
นี่ไม่รวมแต่งรถนะ จะว่าไปผมก็หมดไปกับรถเยอะมาก ก็เพราะโมเพิ่ม แต่งเพิ่มนี่แหละ ตอนนี้เลยเริ่มเพลาๆ แล้ว

คงสังเกตุว่าระยะหลัง ( หลังจากเรื่องเบรก ) ผมไม่เคยถามเรื่องการโมรถอีกเลย เพราะตอนนี้หยุดการแต่งรถแล้วครับ หยุดแบบเด็ดขาดไปเลย
ทั้งๆ ที่ยังพอมีศักยภาพในการโมรถได้เรื่อยๆ นะ 5 5 5 แต่พอแล้วครับ ตอนนี้เข้าไปดูแลโรงงานให้คุณแม่นี่ ปวดหัว และงานยุ่งจนไม่มีเวลาไปอู่เลยครับ ไหนจะออกไปพบลูกค้า ไหนจะมีสัมนา อบรม ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ จะไปอู่วันอาทิตย์ ปิดอีก.... ป่านนี้ช่างที่อู่คงบ่นคิดถึงกันน่าดูแล้ว อิอิอิ

กล่าวมายืดยาว ผมว่าคนที่จะมีรถ และแบกรับภาระได้ ควรมีเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท หรือถ้าต่ำกว่า เช่น 15,000 บาท ก็ต้องไม่มีภาระอื่นๆ ที่เป็นลักษณะจ่ายประจำทุกเดือนแหละคับ ( ฟิกซ์ คอร์ส )

 ;D

ของผมใช้วิธีนี้....โกง 3 ส่วน ใช้ 1 ส่วน... เอ้ยไม่ใช้ ใช้ 3 ส่วนเก็บ 1 ส่วน (เก็บเงินนะไม่ใช่เก็บส่วย)

ตอนนแรกกะลดใช้รถยนต์  หันมาซื้อแมงกะไชค์ ;D ???
แมงกะไชค์ ตอนนี้ไม่ถูก ๆ นะครับ  ผมจำเป็นต้องซ้อสองคัน  เป็ดเสร็จ  รวมกันเกือบแสน

เติมน้ำมันทีเกือบร้อยเหมือนกัน ???

มีอยู่หลายคนที่ไม่มีเงินเดือน ก็ซื้อรถได้   เช่น โอ๊ค ชินวัตร ;D

ช๊อปเปอร์ของฮอนด้าดิคับ เห็นลุงที่รู้จักแกไปซื้อมาใหม่ 8 หมื่น บอกวิ่ง 60 กิโล/ลิตร  :o