Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย

หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ] => D.I.Y. => ข้อความที่เริ่มโดย: jiratt ที่ วันศุกร์ที่ 09 กันยายน 2011 เวลา 18:31:15



หัวข้อ: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันศุกร์ที่ 09 กันยายน 2011 เวลา 18:31:15
SRI : ไฟเบรกดวงที่3ขาด เปิดดูพบโครงของมันเสียรูป เพราะความร้อน จึงเปลี่ยนเป็นใช้LED โดยใช้ LED 5 ดวง ทั้งหมดทำงานที่2.4โวลท์ มุมกระจาย 30องศา
   2ดวงแรกมีความสว่าง 8,000 และอีก3ดวง สว่าง 2,700 หน่วย ทั้ง5ดวงต่อขนานกัน และใช้ ความต้านทาน 84โอห์ม 3วัตต์ เป็นตัวลดโวลท์ วัดที่ขั้ว LED ได้2โวลท์ ทดลองครึ่งชม. ร้อนมากครับ (ตอนแรกจะใช้แค่ไม่เกิน1วัตต์เท่านั้น)
** ขอความรู้ครับว่าทำไมมันร้อน(คิดว่าเกินเหตุ)


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: G&G ที่ วันศุกร์ที่ 09 กันยายน 2011 เวลา 19:13:28
84 Ohm มันก็ร้อนน่ะซิครับ ปกติต้องใช้อย่างน้อย 840 Ohm ต่อ 1 หลอด ถ้าจะให้ LED ทนหน่อยก็ใช้ 1K Ohm ต่อ 1 หลอดน่ะครับ ใช้แค่ 84 Ohm หลอดมันก็รับแรงดันไฟเกินสักพักก็ขาดแน่นอน


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันศุกร์ที่ 09 กันยายน 2011 เวลา 19:36:28
ส่วนใหญ่ผมจะใช้ 1 K โอห์ม  1/4 W. ต่อ 1 หลอด

ไม่ร้อนและสว่างปรกติดีครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: rd ที่ วันศุกร์ที่ 09 กันยายน 2011 เวลา 22:03:23
ใช้ชุดสำเร็จแบบนี้น่าจะสวยกว่าครับ

(http://www.dealextreme.com/productimages/sku_18060_4.jpg)


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันศุกร์ที่ 09 กันยายน 2011 เวลา 22:04:07
ผมงงน่ะครับ
1.ผมวัด ความต้านทาน (คตท.) ของ LED โดยใช้ Rx1 (มิเตอร์ Sanwa YX-360TR) LED ก็สว่าง(ดี)ครับ สว่างกว่าตอนเอาไปลองกับแบตรถ(ตามที่โพสท์อีก) ทดลองทั้งดวงเดียว และต่อขนานกัน5ดวง ใช้มือจับจุดต่อของสายกับวงจรก็ไม่ร้อนครับ
2.ต่อขนาน5ดวง ใช้ R=1K & 680R ไม่สว่างครับ (ไม่ได้ใช้ 1LED/1R เพราะปรินท์ เล็ก) .. แต่ไม่ได้สังเกตุความร้อน
3.จึงทดลองใช้ 84R ได้แสงสว่างไกล้เคียง ข้อ1 และโวลท์คร่อม LED คือ 2V (เสปค 2.4V)
คิดแบบถึกๆ นะครับ
 * เท่าที่จำไว้ LED 1หลอดกินกระแส 20-25 mA, 5หลอด=125mA ดรอปไฟ 10โวลท์ ขนาด3วัตต์ มันร้อนได้ไง
 * คิดกลับ ใช้ 1/4 W ต่อหลอด(ใช้สบายไม่ร้อน)  ถ้ารวม5หลอด ก็แค่ 1.25W (ไม่คำนึงค่า คตท. เพราะได้โวลท์ทำงานต่ำกวาเสปค) ...แต่3W กลับร้อน

*** ผมพลาดตรงไหนครับ *


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: G&G ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 01:05:47
ผมงงน่ะครับ
1.ผมวัด ความต้านทาน (คตท.) ของ LED โดยใช้ Rx1 (มิเตอร์ Sanwa YX-360TR) LED ก็สว่าง(ดี)ครับ สว่างกว่าตอนเอาไปลองกับแบตรถ(ตามที่โพสท์อีก) ทดลองทั้งดวงเดียว และต่อขนานกัน5ดวง ใช้มือจับจุดต่อของสายกับวงจรก็ไม่ร้อนครับ
2.ต่อขนาน5ดวง ใช้ R=1K & 680R ไม่สว่างครับ (ไม่ได้ใช้ 1LED/1R เพราะปรินท์ เล็ก) .. แต่ไม่ได้สังเกตุความร้อน
3.จึงทดลองใช้ 84R ได้แสงสว่างไกล้เคียง ข้อ1 และโวลท์คร่อม LED คือ 2V (เสปค 2.4V)
คิดแบบถึกๆ นะครับ
 * เท่าที่จำไว้ LED 1หลอดกินกระแส 20-25 mA, 5หลอด=125mA ดรอปไฟ 10โวลท์ ขนาด3วัตต์ มันร้อนได้ไง
 * คิดกลับ ใช้ 1/4 W ต่อหลอด(ใช้สบายไม่ร้อน)  ถ้ารวม5หลอด ก็แค่ 1.25W (ไม่คำนึงค่า คตท. เพราะได้โวลท์ทำงานต่ำกวาเสปค) ...แต่3W กลับร้อน

*** ผมพลาดตรงไหนครับ *

ลองเอา E=IR ไปคิดดูละกันครับ ง่ายๆเลย


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 07:16:00
* ไม่แน่ใจนะครับ ว่าแทนค่าถูกต้องไหม  E= Voltage. ที่ดรอปลงจาก12 เหลือ 2V =10V
1.E(10V) = I(125/1000)R   ....R = E/I  (10/0.125)  =80 Ohm
2.Power =EI   =10x0.125   = 1.25 Watt


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 07:21:00
ครับสวยกว่า (อาจจะง่าย และแพงกว่า) ...ผมคิดว่าจะเปลี่ยนไฟเป็นLED ทั้งหมด ยกเว้นไฟส่องสว่างหน้า เลยเริ่มหัดทำจาก (ที่คิดว่า)ง่ายๆก่อน แต่ก็เกิดปัญหาเลย
**ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: 306cc ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 10:34:03
ที่ว่าร้อน นี้ตัว R ใช่ไหมครับ?

ลองเอามิเตอร์วัดกระแสที่วิ่งผ่าน R ดูซิครับ ว่าจริงๆ แล้วที่ mA


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 11:04:10


เออใช่


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: golfdsd ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 13:37:39

อธิบายด้วยภาพแล้วกันครับ

การต่อ R ขับ LED สามารถทำให้ หลักๆ 2 วิธีครับ (มีวิธีอื่นๆอีกแล้วไม่ขอกล่าวถึงแล้วกันครับ)

แบบ ขนาน
ข้อดี    -เมื่อ LED ตัวนึงเสีย ตัวที่เหลือ ก็ยังคงติดอยู่
ข้อเสีย -ต้องใช้ R เยอะ คือเท่ากับจำนวน LED

(http://image.free.in.th/z/iq/1092554130008.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=eb46496a9955fc20b76fff2e34a9805b)


แบบอนุกรม
ข้อดี    - ต่อวงจรง่าย ใช้ R น้อย 
ข้อเสีย - เมื่อ LED ตัวใดตัวนึงเสีย ที่เหลือก็จะดับหมด

(http://image.free.in.th/z/id/1092554131058.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=60a54266d84f2a23b0223b53a44d6fd0)




อีกแบบนึง
แบบนี้ข้อดีคือ ถ้า LED ตัวใดตัวนึงเสีย ที่เหลือก็จะไม่ดับ เหมือนกับวงจรขนาน
แต่ข้อเสียก็คือ จะต้องใช้ R วัตต์สูงขึ้น

(http://image.free.in.th/z/im/1092554132855.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=cb3ce041793d51f122e5f804e639aaae)


ส่วนเรื่องความร้อนของ R ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติครับ มันร้อน แต่มันก็สามารถทนได้ครับ แต่ส่วนใหญ่ในการออกแบบก็จะเผื่อค่าวัตต์เอาไว้เยอะพอสมควรครับ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความร้อนที่ R


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 13:54:47

อธิบายด้วยภาพแล้วกันครับ

การต่อ R ขับ LED สามารถทำให้ หลักๆ 2 วิธีครับ (มีวิธีอื่นๆอีกแล้วไม่ขอกล่าวถึงแล้วกันครับ)

แบบ ขนาน
ข้อดี    -เมื่อ LED ตัวนึงเสีย ตัวที่เหลือ ก็ยังคงติดอยู่
ข้อเสีย -ต้องใช้ R เยอะ คือเท่ากับจำนวน LED

(http://image.free.in.th/z/iq/1092554130008.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=eb46496a9955fc20b76fff2e34a9805b)


แบบอนุกรม
ข้อดี    - ต่อวงจรง่าย ใช้ R น้อย 
ข้อเสีย - เมื่อ LED ตัวใดตัวนึงเสีย ที่เหลือก็จะดับหมด

(http://image.free.in.th/z/id/1092554131058.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=60a54266d84f2a23b0223b53a44d6fd0)




อีกแบบนึง
แบบนี้ข้อดีคือ ถ้า LED ตัวใดตัวนึงเสีย ที่เหลือก็จะไม่ดับ เหมือนกับวงจรขนาน
แต่ข้อเสียก็คือ จะต้องใช้ R วัตต์สูงขึ้น

(http://image.free.in.th/z/im/1092554132855.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=cb3ce041793d51f122e5f804e639aaae)


ส่วนเรื่องความร้อนของ R ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติครับ มันร้อน แต่มันก็สามารถทนได้ครับ แต่ส่วนใหญ่ในการออกแบบก็จะเผื่อค่าวัตต์เอาไว้เยอะพอสมควรครับ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความร้อนที่ R





เยี่ยมเลยครับ


เดี๋ยวขออนุยาติก๊อบปี้ใว้หมดเลยนะครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: golfdsd ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 13:56:57
ผมงงน่ะครับ
1.ผมวัด ความต้านทาน (คตท.) ของ LED โดยใช้ Rx1 (มิเตอร์ Sanwa YX-360TR) LED ก็สว่าง(ดี)ครับ สว่างกว่าตอนเอาไปลองกับแบตรถ(ตามที่โพสท์อีก) ทดลองทั้งดวงเดียว และต่อขนานกัน5ดวง ใช้มือจับจุดต่อของสายกับวงจรก็ไม่ร้อนครับ
2.ต่อขนาน5ดวง ใช้ R=1K & 680R ไม่สว่างครับ (ไม่ได้ใช้ 1LED/1R เพราะปรินท์ เล็ก) .. แต่ไม่ได้สังเกตุความร้อน
3.จึงทดลองใช้ 84R ได้แสงสว่างไกล้เคียง ข้อ1 และโวลท์คร่อม LED คือ 2V (เสปค 2.4V)
คิดแบบถึกๆ นะครับ
 * เท่าที่จำไว้ LED 1หลอดกินกระแส 20-25 mA, 5หลอด=125mA ดรอปไฟ 10โวลท์ ขนาด3วัตต์ มันร้อนได้ไง
 * คิดกลับ ใช้ 1/4 W ต่อหลอด(ใช้สบายไม่ร้อน)  ถ้ารวม5หลอด ก็แค่ 1.25W (ไม่คำนึงค่า คตท. เพราะได้โวลท์ทำงานต่ำกวาเสปค) ...แต่3W กลับร้อน

*** ผมพลาดตรงไหนครับ *

R1/4W เราต่อแบบขนาน พูดง่ายๆคือ มันช่วยกันแบ่งภาระ ความร้อนที่เกิดขึ้นกับตัวมันก็จะร้อนน้อยๆ หรืออาจจะไม่ร้อนเลย  และเมื่อเทียบกับ ต่อ R 3 w เพียงตัวเดียว  R ตัวนี้มันจะเป็นตัวรับภาระทั้งหมด  ในการต้านทานกระแสจำนวนมาก จึงก่อให้เกิดความร้อนสูญเสียที่ตัวมันและสูงขึ้นตามไปด้วยครับ
 


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: rd ที่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2011 เวลา 15:31:06
3w ที่ร้อน อาจจะเป็นเพราะเวลาต่อใช้งานจริงๆแล้วกระแสไม่ได้ไหลแค่ 125mA ที่คิดคำนวณว่ากระแสผ่าน LED = 25 mA นั้นเป็นการคิดที่ค่าตาม data sheet  แต่ในความเป็นจริงเมื่อต่อใช้งานแรงดันไม่ได้เป็นไปตาม data sheet  และ LED Super bright รับกระแสได้ถึง 40-50mA ก็มี ซึ่งถ้าเป็นตามนี้จะเกิดความร้อนที่ R84 มากกว่า 5W ค่ากระแสที่ไหลผ่าน LED ไม่ได้เป็นไปตามกฎของโอห์ม ถ้าแรงดันตกคร่อม LED เพิ่มเพียงเล็กน้อยกระแสไหลผ่านจะเพิ่มสูง และเมื่อ LED ร้อนก็จะยิ่งดึงกระแสสูง  การจ่ายไฟให้ LED ที่ปลอดภัยจะใช้การจ่ายแบบลิมิตกระแส การเอา LED มาต่อขนานกันแล้วใช้ R ตัวเดียว ในการใช้งานจริงมักจะเจอว่า LED แต่ล่ะตัวมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน และดึงกระแสไม่เท่ากัน ตัวที่ดึงกระแสสูงก็จะยิ่งดึงกระแสสูงเรื่อยๆ เพราะไม่มี R ลิมิตกระแสเฉพาะตัว จะเกิดอาการ Thermal runaway และจะขาดในที่สุด แล้วก็จะดึง LED ตัวอื่นๆทยอยขาดตาม  กรณีการต่อแบบอนุกรมโดยใช้ R ตัวเดียวก็จะเกิดปัญหา LED แต่ล่ะตัวสว่างไม่เท่ากัน ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติ forward voltage ของ LED แต่ล่ะตัวไม่เท่ากัน  ปกติที่เห็นในวงจรสำเร็จแบบตามรูปที่ผมโพสเขาจะอนุกรมชุดล่ะ 3 หลอด   

ถ้าถามว่าผิดพลาดตรงไหน ก็คิดว่าพลาดตรงที่คิดว่ากระแสไหลผ่าน LED จะแค่ 25mA แต่ความเป็นจริงมันเกิน  กระแสที่เกินมันยิ่งเพิ่มความสูญเสียเป็นทวีคูณ  เช่น 125mA เกิดความสูญเสียที่ R84=1.3W   แต่ถ้ากระแสเพิ่มเป็น 250mA ความสูญเสียที่ R84 จะกลายเป็น 5.25W ซึ่งแน่นอนว่า R ขนาด 3W ต้องเอาไม่อยู่   แม้กระแสจะแค่ 200mA ความร้อนที่ R84 ก็เท่ากับ 3.36W ซึ่งเกินพิกัดเข้าไปแล้ว 

ในการทดลองของคุณ jirat ยังเป็นการทดลองกับแบต โดยที่รถยังไม่ได้ติดเครื่อง ถ้าเป็นการต่อใช้งานจริงแรงดันตอนเร่งเครื่อง เบาเครื่อง จะทำให้เกิดปัญหายิ่งกว่านี้อีกครับ 


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011 เวลา 00:01:08
**คิดว่าคงเป็นเหมือนที่คุณ rd   ว่าแหละครับ R ร้อนเป็นเพราะกระแสเกิน  ไว้ค่อยทดลองอีกที ...ขอบคุณครับ
**เมื่อเช้าไปซื้อ R 820 Ohm +1K  1/4W 1% มา (ที่ร้านมีแต่ขนาดนี้) แต่ยังไม่ได้ใช้ครับ  เพราะ.....
**กลับจากตลาดก็ทดลองต่อแบบอนุกรมโดยใช้ R 1K +2LED  ต่อกับแบต วัดคร่อม LED ได้ 4โวลท์กว่า LED ไม่มีอาการ สีที่ออกมายังปรกติ (เคยต่อไฟเกินกับสีขาว มันเปลี่ยนสีเป็นส้ม-แดง เลยแต่ไม่ขาด) R ไม่ร้อน เอาใหม่ ต่อเพิ่มอีก2ดวง (เป็น 1R +4 LED)  เอาไปลอง วัดคร่อมLED (ทั้งชุด) ได้ 10โวลท์(ประมาณ)  เลยวัดโวลท์ ที่ตัวแรก ได้2Vกว่า, ตัวที่2ได้ 4Vกว่า ?..ตัวที่4ได้ 10V ..เหมือนกับต่อ R อนุกรมกัน จะดรอปไฟเป็นช่วงๆ ( เสปค LED ทำงานที่ 2.1-2.3 V  วัดคร่อม 4ตัววัดได้10 V  (4xโวลท์ทำงาน  =4x2.3 =9.2V (ประมาณ) )   ต่อแบบรูปที่2 ของคุณ rd
**เอามาต่อเพิ่มอีกเป็น6ตัว +R 84 Ohm ทำงานได้ครับ ทดลองตัด R ออกก็ยังทำงานได้ เอามาพ่วง LED อีกตัว (เป็น7LED)ไม่ใช้ R เอาไปทดลอง 3-4 ชม. ยังเปล่งแสงปรกติ ....
ตามที่คุณ rd โพสท์ ไฟแบต =13.8V เผื่อไว้ตอนชาร์จหรือครับ ..ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยต่อ LED ควรจะคิดว่าแบตจ่ายไฟ 13.8V ?

***การกินกระแสของหลอดสีแดง (ตามที่โพสท์) มากกว่าหลอดสีขาวเยอะ(มั้ง?)
****กับมิเตอร์ ซันวา (เมื่อใช้ Rx1)
**LED สีแดง จะเปล่งแสง เมื่อต่อ LED ตัวเดียว  แต่เมื่อเพิ่มอีกตัว ไม่ว่าอนุกรม หรือขนาน จะไม่เปล่งแสงเลย
**LED สีขาว ผมต่อขนาน 4ตัว วัดด้วยมิเตอร์  ยังเปล่งแสงได้ครบทั้ง4 ดวง ...ยังไม่ได้ลองแบบอนุกรม
DATA  LEDสีขาว : ความสว่าง 13,000 หน่วย,  โวลท์ทำงาน 3.3 -3.8V,  มุมกระจาย 15 องศา


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011 เวลา 00:36:57
ต้องขอโทษคุณgolfdsd ซึ่งเป็นคนโพสท์รูปภาพด้วยครับ ดูรูปแล้วมาอ่านข้อมูลของคุณ rd เลยเหมารวมว่าคุณ rd โพสท์ .....ขอโทษและขอบคุณทั้ง2ท่าน
*** ตอนนี้โคมไฟ บนโต๊ะ แสงเริ่มมัว ถ้าจะเอา LED มาใช้กับไฟบ้าน 230V โดยใช้การต่ออนุกรม หลังการเร็คติไฟ แล้ว
1.ถ้าใช้ LED ขาว(ข้างบน) จำนวนสัก 90 ดวง จะดรอปไฟได้ =90x3  =270V นั่นคือไม่ต้องใช้ R มา drop เลย
2.ถ้าใช้ LED 40 ดวง จะดรอปไฟได้ =40x3 =120V ที่เหลืออีกประมาณ 110 V จะต้องใช้ R มาดรอปแทน
ค่า R : =(230-120) /0.02        =5,500     =5.5 K-ohm
ค่า Watts =(230-120) x 0.02  =2.2W (Min)
** ? แนวคิดนี้ ใช้ได้ไหม 


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: rd ที่ วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011 เวลา 08:24:47
อยากได้ 220V ก็หาซื้อเอาดีกว่าครับ ที่ www.dealextreme.com มีเยอะมาก


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011 เวลา 18:53:43
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: golfdsd ที่ วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011 เวลา 22:37:15
แนวคิดใช้ได้ครับ แต่!!!
ต้องระวังจุดนี้ด้วยครับ  Vac=220V  เมื่อผ่าน เรกติไฟเออร์แล้วจะได้ 220*root2 =ประมาณ 310 Vdc ครับ

สำหรับการขับ LED ด้วยไฟบ้าน AC220V ทำได้หลายวิธีคัรบ
1.ต่อ LED อนุกรมกัน แล้ว limit กระแสด้วย R  - วิธีนี้ง่ายครับ อุปกรณ์ไม่เยอะ แต่ต้องระวังไฟดูด้วยครับ
2.ต่อผ่านหม้อแปลง Step Down -วิธีนี้ปลอดภัยครับ เพราะว่าตัวหม้อแปลงจะแยกกราวด์ออกจากกัน และแปลงไฟให้แรงดันต่ำลงได้ด้วย ไฟไม่ดูดครับ
3.ใช้ Switch mode LED Drive วิธีนี้ใช้วงจร Switching Power Supply เพื่อแปลงเป็น DC และใช้ LED Driver ขับกระแสต่อเนื้องที่คงที่ ให้ LED
ผู้ผลิตโคมไฟ LED ส่วนใหญ๋ใช้วิธีนี้ครับ ข้อดีคือให้ประสิทธิภาพสูงมีวงจรป้องกันต่างๆ รวมไปถึงควบคุมกระแสของ LED ให้คงที่ด้วย แต่ข้อเสียก็คือ อุปกรณ์เยอะ ราคาแพง แต่คิดว่าไม่มีผลกระทบสำหรับ การผลิตจำนวนมากๆในภาคอุตสาหกรรม

เสริมนะครับ และอยากให้ทดลองเล่นดู
LED ในท้องตลาดมีหลายแบบครับ แต่มีอีกแบบที่เหมาะสำหรับ ทำไฟส่องสว่าง นั่นก็คือ High Power LED ครับ
เดี๋ยวนี้เทคโนโลยี LED พัฒนาสูงขึ้น ทำให้หลอด LED ชนิดนี้มีควาเข้มแสงสูง และ กินพลังงานน้อยลงจากเดิมมาก จนสามารถทดแทน หลอดไฟส่องสว่างทั่วไปได้
และยังสามารถใช้ร่วมกับเลนส์ เพื่่อ บังคับการกระจายแสงให้เป็นไปตามสภาพการใช้งานให้เหมาะสมได้ เช่น ไฟฉาย ต้องการแสงที่พุ่งเป็นลำ ก็ใช้เลนส์มุมแคบ
ไฟถนน ต้องการแสงที่เป็นแนวยาวตามแนวถนน ก็ใช้เลนส์ Batwing(ปีกค้างคาว พอนึกภาพออกนะครับ)
(http://image.free.in.th/z/ig/highpowerled.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=7e7b1c6eab738b8f7b9b5a7a7506f944)
และสำหรับโคมไฟ ต้องการแสงที่กระจายในมุมกว้างเพื่อให้แสงนั้นครอบคุมพื้นที่ทำงาน และไม่เป็น Spot จ้าจนเกินไป ง่ายเลยครับไม่ต้องใช้เลนส์ เพราะว่า LED ชนิดนี้ มีมุมที่กว้างอยู่แล้ว (120-160 องศา)
การต่อใช้งานต้องมีการระบายความร้อนให้มันด้วยครับ LED ชนิดนี้มีข้อเสียตรงที่เกิดความร้อนที่ตัวมัน แต่ก็ไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไรครับ เพราะว่าร้อนไม่เท่าหลอดไส้แน่นอน
หาซื้อมาทดลองดูครับเลือกแบบที่ลง PCBแบบอลูมมิเนียมมาแล้ว  ยึดกับ แผ่นอลูมิเนียมเพื่อระบายความร้อน แล้วโยงสายเอา ส่วนการขับ LED ก็ลองศึกษา คุณสมบัติกระแสและแรงดันจาก Datasheet และวงจรขับจาก อากู๋ ดูครับ  ส่วน LED ซื้อได้ที่บ้านหม้อ ลองเช็คราคากับร้าน ES ดูได้ครับ www.es.co.th   
-สนับสนุนการ DIY ครับนอกจากจะเพลิดเพลินเป็นงานอดิเรกแล้ว ยังได้ความรู้หลายๆด้านอีกด้วย


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2011 เวลา 23:58:24
Fr. K.golfdsd ?สนับสนุนการ DIY ครับนอกจากจะเพลิดเพลินเป็นงานอดิเรกแล้ว ยังได้ความรู้หลายๆด้านอีกด้วย?
*ครับ ถ้าผมเข้าใจมันมากพอแล้ว มีโครงการอีกหลายโครงการทั้งกับรถ และบ้าน ซึ่งชุดสำเร็จอาจสนองได้ไม่ครบ
1. High Power LED คือรูปที่คุณโพสท์ มาใช่ไหมครับ ไม่เคยใช้เลย ...ถ้าใช้กับโคมอ่านหนังสือใช้แบบนี้ใช่ไหมครับ ..ผมกะทำแบบนี้ครับ ถ้าอ่าน-เขียนหนังสือจะเปิดเต็มที่(LED ทุกดวงติดหมด) ...เวลาดูโทรทัศน์ จะเปิดครึ่งเดียว(ของจำนวนLED) สาดเข้าข้างฝา เขาว่าถ้าปิดไฟดูสายตาจะเสีย ..และ1ใน4ของจำนวน LED เอาไว้ตามไฟไว้ที่ห้องกลาง เวลามีญาติมา ...ว่าไปนั่น
2. ?ต้องระวังจุดนี้ด้วยครับ  Vac=220V  เมื่อผ่าน เรกติไฟเออร์แล้วจะได้ 220*root2 =ประมาณ 310 Vdc ครับ ?  ....ผ่านไดโอด อย่างเดียวไม่มีซีช่วย ก็ได้ค่านี้หรือครับ
3. ?1.ต่อ LED อนุกรมกัน แล้ว limit กระแสด้วย R  - วิธีนี้ง่ายครับ อุปกรณ์ไม่เยอะ แต่ต้องระวังไฟดูด้วยครับ ? วิธีการต่อ หรือคำนวณอย่างไรครับ
 *** ถ้ามีLED ใช้กระแส 20mA ทำงานที่ 3V  ?ต่ออนุกรม5ดวง ก็สามารถต่อกับแบต12V ได้เลย กระแสก็จะผ่าน 20mA ตลอด ถ้าจะใช้ R จำกัดกระแส ทำยังไงครับ ...ยกตย.อื่นก็ได้ครับ
**ที่ผมรู้จัก LED มากขึ้น จนสั่งซื้อมาทดลองทำได้ ก็จากข้อมูลจาก www.es.co.th   เพราะมีสเปคกำกับด้วย และการสั่งของง่ายดี


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 00:08:39
งง.....


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 06:03:29
ฟุ้งซ่าน...ร้อนวิชาน่ะครับ  เคยคิดทำอะไรๆ มาก่อนแล้ว แต่ประเภทของ LED ยังไม่รู้จัก ..หาคนแนะนำยาก เลยต้องพักไว้ก่อนแต่ตอนนี้ น่าจะได้แหล่งสั่งของ +ที่ปรึกษาแล้ว ไอเดียเลยเริ่มทะลัก..
**K.jod_ryhp เคยโพสท์ ใช้LED ส่องหลังโลโก ในรูปเหมือนมีการเจาะรูที่โลโกด้วย รบกวนขอภาพชัดๆ รวมถึงเทคนิคการเจาะรู(ถ้าใช่)ครับ ....ขอบคุณมาก


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 09:50:34
ระยอง เน็ทล่ม
เพิ่งเล่นได้



รู ไม่ได้เจาะ

มันเป็นธรรมชาติของสิงห์ ดีแปดครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 18:54:25
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: golfdsd ที่ วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 23:36:56
คุณ jiratt  ขอตอบทีละข้อนะครับ
1. ในรูปคือ High Power LED ครับ  ไอเดียน่าสนใจดีครับ แต่โดยทั่วไปใช้วิธีการหรี่เอาครับ แต่ถ้าจะดับหลอด LED ก็ได้ไม่ว่ากันครับตามสะดวก
สำหรับการหรี่นั้น เป็นการลดกระแสให้กับ LED แสงก็จะสว่าง น้อยลง เนื่องจากว่าคุณสมบัติของ LED ความสว่างขึ้นอยู่ค่ากระแสที่ผ่านตัวมันครับ
ลองดู กราฟ ความสว่าง ต่อ กระแส ใน datasheet ดูครับตามรูป   แต่โดยทั่วไปแล้ว ก็จะใช้วงจร PWM Dimmer หรือ IC LED Driver 

Lumen VS Current
(http://image.free.in.th/z/ij/lumenvscurrent.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=6d83a74e5339525ab0fa5cb18666bde1)

Forward Voltage VS Current
(http://image.free.in.th/z/ie/forwardvscurrent.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=7b43e838d6cf23be40b482fd0a3c59d7)

รูปที่ 2 เนี่ย จะเห็นได้ว่า เมื่อขับกระแสเพิ่มมากขึ้น แรงดันตกคร่อมตัวมันก็เพิ่มมากขึ้นตามด้วย

2.ลองค้นทฤษฎีวงจรเรกติไฟเออร์ดูครับ  ไฟบ้่าน 220V เนี่ย เป็นค่า RMS ครับ เนื่องจากว่า เป็นไฟสลับ(Sine wave) ถ้าใช้มิเตอร์วัดก็จะได้ีค่า RMS ครับ แต่ถ้าผ่าน เรกติไฟเออร์มาแล้วก็จะเป็นค่้าเฉลี่ยครับ
ทดลองดูได้ครับว่าผ่าน C กับไม่ผ่าน C ได้ผลอย่างไร  (สนับสนุนการเรียนรู้ด้วยการค้นคว้าและทดลองครับ)

(http://image.free.in.th/z/is/fullwaverecwithc.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=88e504b179eaa2ebf4b224147c6f764f)

3. ข้อนี้ผมไม่ค่อยมั่นใจนะครับ แต่ลองคิดทฤษฎีกฎของโอห์มเล่นๆดูแล้วกัน  V=IR ภายใน LED เสมือนมีค่าความต้านทานภายในตัวมันเกิดขึ้นตอนหลอดติด 
V=3V ,I=20mA R=?    R=V/I  =150 ohm
อนุกรมกัน 5 หลอด =5*150= 750 ohm
"ถ้าต่อกับไฟ 12 V จะไ้ด้กระแส 20mA พอดี" ลองดูนะครับ
I=V/R  =12/750 =16mA   (ใกล้เคียง 20mA)

คำถาม LED ทำงานที่ 3 V  จำนวน 5 หลอด ก็เท่ากับ 15V สิ ทำไมมันติด
ที่ติดก็เพราะว่า LED มีช่วงแรงดันที่สามารถทำงานได้อยู่  เกือบๆ 2V ก็เริ่มติดแล้ว ในกรณีนี้ Vf ของ LED อาจจะทำงานที่ 2 V กว่าๆครับ  อ้างอิงจากกราฟที่ 2 ได้ครับ   
ลองคิด Vf = 2.4 V ดูครับ
R=V/I  =2.4/0.02 = 120 ohm
อนุกรมกัน 5 หลอด =600 ohm
I=12/600= 20 mA ครับ

 


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2011 เวลา 22:49:27
K.golfdsd
1.เรื่องหรี่ LED (เพื่อตามไฟนอน) คิดว่าคงทำแบบแยกวงจร มี2สวิชท์ คือไว้ดูนังสือเปิดเต็มที่ และอีกสวิชท์ ใช้ LED ดวงหรือ2ดวง(หรี่ไฟนอน) เพราะคิดว่าการหาวงจรมาคุม(ทำเองตามวงจร) คงยุ่งยาก
  *** ผมมีตัวหรี่สำหรับหลอดไส้ (500 W Max) ซื้อมาเกือบ10ปีแล้ว คาดว่าภายในคงมี โวลลุ่ม เป็นอุปกรณ์สำคัญ เอามาใช้คุม LED ได้ไหม (คุม AC Volt)
3.อ่านที่คุณช่วยอธิบายมา ชักมึน ขอตั้งสติคิดตามก่อนนะครับ

ปัญหาใหม่
เปิดเวบบ์ดูการต่อ LED เจออุปกรณ์ใหม่ อุปกรณ์ยี่ห้อ "RECOM" มันคืออะไรครับ ทำหน้าที่อย่างไร ดูเหมือนเป็นวงจรการเปิดไฟให้ต้นไม้ครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอังคารที่ 27 กันยายน 2011 เวลา 22:35:38
ชุดไฟส่องบันได หรือตามไฟไว้ในบ้าน เผื่อใครมีอุปกรณ์ ทำครับ  ...http://www.elektroda.pl/rtvforum/topic273446.html
   ....น่าจะเป็นภาษารัสเซีย


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: golfdsd ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 ตุลาคม 2011 เวลา 18:00:21

1.ตัวหรี่ไฟก็สามารถนำมาใช้กับ LED ได้ครับ (แต่ใช้กับหลอดตะเกียบไม่ได้นะครับ)  หลักการคือมันจะตัดรูปคลื่นสัญญาณไฟสลับออกบางส่วน มีผลให้แรงดัน RMS ลดลงครับ
เรียนกอีกอย่างว่า AC chopper


2.Recom เป็นผลิตภัณฑ์จำพวก Switching Converter  DC-DC ,AC-DC , Drimmer แล้วก็ LED Driver
ในภาพน่าจะเป็น AC-DC LED Driver ครับ

http://www.digikey.com/us/en/ph/Cree/cxa-kit.html
(http://image.free.in.th/z/ic/6102554175811.jpg) (http://image.free.in.th/show.php?id=e11e27f0dce41e739828238ea146c07e)



หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: toh ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 ตุลาคม 2011 เวลา 20:31:01
ลองดูที่นี่ครับ http://www.basiclite.co.th/product-th-588368-Car+Racing++Display.html

เวลาขับ LED ให้ควบคุมกระแสครับ  LED แต่ละดวงที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ต้องระวังเรื่องแรงดันตกคร่อมแต่ละตัวบางทีไม่เท่ากัน  (ไม่ได้คัดเกรด) จะทำให้แ่ต่ละดวงสว่างไม่เท่ากัน

สังเกตุได้บางไฟแดงใช้  LED คุณภาพต่ำไม่ได้คัดเกรดอย่างที่ว่า จะเห็นว่า แสงสว่างไม่สม่ำเสมอ

หากนำ LED แบบดังกล่าวมาต่อใช้งาน ไม่ว่าต่อขนาน อนุกรม หรือผสม แบบไหนก็แล้วแต่ อย่างที่คุณ golfdsd ได้แนะนำไปแล้ว แสงที่ได้ก็ไม่สม่ำเสมอ

ต้องคัดเกรด  LED ที่มีแรงดัน Vf ที่เท่าๆ กัน ความสว่างที่กระแส If เท่าๆ กัน  จึงจะได้แสงสว่างที่นุ่มนวลเท่ากันทั้งแผง เราก็จะได้ความสวยงามจาก LED ครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2011 เวลา 23:44:41
*ขอบคุณมากครับ .....ขอความรู้เพิ่มเติมอีกครับ
1.ถ้าทำ Power Supply 12Vdc โดยใช้หม้อแปลง +ฟูลเวฟ เร็คติไฟ +ซี แล้วลากสายเป็นสายเมน แล้วใช้ LED ต่อเป็นจุดๆ ประตูรั้วบ้าง ทางเดินรอบบ้าน รวมแล้วสัก 50-60ดวง กับ ใช้ P-Supply ที่ถอดจากอุปกรณ์ อีเล็คทรอนิคส์ (เป็นสวิชชิ่ง..ซื้อจากพวกขายของเก่า) เอามาแทน เอามาใช้วัตถุประสงค์เดียวกัน ใครจะกินไฟมากกว่ากัน
2. วงจรที่แนบมา
    2.1 ซี 0.47uF นั้นทำหน้าที่ ไดโอด เรคติไฟ (ได้หรือครับ) และถ้าเปลี่ยนตัวไปใช้ ของที่ติดมากับมอเตอร์พัดลม ค่า1.5 uF (ถ้าจำไม่ผิด) จะได้ไหม
    2.2 ถ้าได้ จะเพิ่ม LED อีกได้ไหม ..ได้อีกสักกี่ดวง ค่า R ต้องเปลี่ยนแปลงไหม

***ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: golfdsd ที่ วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2011 เวลา 21:19:38
ตอบคำถามนะครับ
1.ถ้าจะพูดถึง หม้อแปลง กะ switching Power Supply ในแง่ประสิทธิภาพใครดีกว่ากัน
ต้องขอตอบว่า Switching ครับ แต่ในแง่การใช้งานก็ต้องดูความเหมาะสมด้วยนะครับ เพราะว่าราคาแตกต่างกันพอสมควร
เลือกใช้แล้วแต่กำลังทรัพย์ครับ
2. วงจรที่แนบมาใช้สำหรับไฟกระแสสลับครับ ตัว C ทำหน้าทีประจุ แล้วคายประจุ ในช่วงเปลี่ยนขั้วสัญญาณไฟสลับ
แล้วจ่ายให้กับ LED  โดยลิมิตกระแสที่ R ถ้าจะต่อ LED เพิ่มต้องคำนวน R กะ C ใหม่ครับ แต่ถ้าคุณ Jiratt ใช้ หม้อแปลง +เรกติไฟเออร์
มันแปลงเป็นไฟ DC ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้วงจรนี้นะครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2011 เวลา 15:52:39
LED ในรถ ฉบับมักง่ายสุดๆ
   ใช้ LED ต่ออนุกรมกันจนเกิน 13.8 V ตำแหน่งการวาง ไม่จำกัดขอให้วางได้


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: SODA 405 ที่ วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2011 เวลา 16:54:44


      ....(http://emoticon.siamha.com/pretty/5.gif)


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: rd ที่ วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2011 เวลา 20:15:01
(http://www.dealextreme.com/productimages/sku_18060_4.jpg)

จากตัวนี้ มี LED ทั้งหมด  48 หลอด ทำการแบ่งครึ่ง ได้ชิ้นล่ะ 24 ตกต้นทุนชิ้นล่ะ 120 บาท คิดแล้วตกหลอดล่ะ 5 บาท ผมซื้อซุปเปอร์ไบรท์แถวบ้านเขาขายให้ผมหลอดล่ะ 10 บาท แต่ปัญหาคือมันเอาใส่ในโคมไฟลำบาก แต่ถ้าใช้ตัวนี้ไม่ต้องทำการดัดแปลงตัวโคมเลย แค่ตัดแผ่นปริ้นแล้วก็วางลงในพลาสติคครอบ ให้แสงสว่างดี แต่ก็ไม่รบกวนการขับขี่

(http://img826.imageshack.us/img826/4729/dscf7844.jpg)

ตัวนี้เป็นความพยายามในครั้งแรก ที่เอาหลอด LED ซุปเปอร์ไบรท์ธรรมดามาดัดแปลงใส่ สังเกตสายไฟเข้าเยอะมาก ถือเป็นความพยายามของมนุษยชาติที่จะทำให้รถตนเองใช้ LED  ที่วางข้างๆนั่นแหละ แบบเดียวกับที่ใส่ในโคม ตัดออกมาจากอีกตัว

(http://img832.imageshack.us/img832/9025/dscf7847.jpg)

และเมื่อโลกมีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้น (ที่จริงมันพัฒนานานแล้ว เราเองต่างหากไม่ทันสมัย)  สังเกตุสายไฟเข้าแค่สองสาย

(http://img840.imageshack.us/img840/6149/dscf7840.jpg)

แล้วไฟเพดานก็สว่างแบบนี้
(http://img826.imageshack.us/img826/4729/dscf7844.jpg)


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 00:07:42
คิดว่า ...รู้แล้วครับ
  จากวงจรที่โพสท์ไว้ข้างบน (วัน พุธ ที่ 12 ตุลาคม 2011 เวลา 23:44:41) ในวงจรต่อ LED 2ตัว สลับขั้วกัน ต่อกับไฟ AC โดยใช้ R ลดไฟให้เท่ากับที่ LED ใช้     LED แต่ละตัวจะสว่างสลับกัน ตัวละครึ่งไซเคิล นั่นคือถ้าไฟ 50Hz แต่ละดวงจะติดดับสลับกัน ดวงละ25 ครั้ง ซึ่งสายตาเราจับไม่ได้

  ปัญหาคือถ้าติด-ดับ บ่อยขนาดนั้น อายุ LED จะได้ตามที่เขาบอกไว้หรือไม่  ...ถ้าแนวคิดนี้ผิด ก็แย้งได้ครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: toh ที่ วันพุธที่ 07 ธันวาคม 2011 เวลา 14:49:06

ตามหลักการที่ฝรั่งว่าไว้ อายุการใช้งานจะนับเฉพาะตอนติดสว่างครับ
แต่ว่า ช่วงที่ดับแล้วเริ่ม ติดสว่างกระแสต้องไม่พุ่งสูงปรี้ดเร็วเกินไป ไม่งั้นอายุการใช้งานอาจจะสั้นลง

แต่ปัญหาคือ หากต่อแบบนั้น และมีความถี่สุง แรงไฟกระชาก หรือสัญญาณรบกวนอื่นๆ เกิดขึ้นในระบบไฟบ้าน
กระแสที่พุ่งผ่านตัวเก็บประจุจะสูง หากตัวเก็บประจุทนวัตต์ไม่ได้ ความร้อนจะเกิด และไฟไหม้ตามมา
 
แนะนำว่าหากไม่มีคนอยู่บ้านให้ถอดเก็บให้หมดจะดีกว่าครับ


หัวข้อ: Re: LED ใช้ในรถยนต์
เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2012 เวลา 22:11:51
*เมื่อเดือนก่อน ไปทำความสะอาดบ้าน หลังน้ำท่วมพบที่ชาร์จ มือถือเหลืออยู่หลายอัน เลยเอากลับมาด้วย ประจวบกับทำศาลพระภูมิ-เจ้าที่ ใหม่ เลยทดลองต่อ LED กับที่ชาร์จ โดยเอา LED มาอนุกรมกัน2ดวง(=1ชุด) แล้วเอาไปต่อกับช่องไฟออกของที่ชาร์จ ได้10ชุด(20ดวง) ทดลอง3วัน 3คืน ตัวชาร์จไม่ร้อนเลย (NOKIA Output DC 4.5V(น่าจะ) 450mA)
 *** เผื่อใครมีอุปกรณ์ และคิดจะดัดแปลงมาใช้ประโยชน์ ครับ