Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย

หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ] => พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: Thailandproject ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 17:24:38



หัวข้อ: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: Thailandproject ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 17:24:38
เรื่องมะรุม   
เมื่อเช้าดูช่อง 9 มา เรื่องมะรุม   
มีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่สหรัฐอเมริกา   ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง   เม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดง ( ลูคีเมีย) และปอดมีปัญหาอักเสบ   ไปหาหมอ หมอก็รักษาที่ละโรค     พอดีปวดฟันไปถอนฟัน หมอให้กินยาเพนนิซิลิน   ดันแพ้ยาอย่างรุนแรง     จนเกิดอาการบวมและลามไปที่ไตเกิดปัญหา     หมอต้องเริ่มรักษาใหม่ของแต่ละโรคเพราะว่ายาที่รักษาแต่ละโรค   จะมีเพนนิซิลินเป็นส่วนประกอบ และหมอก็ให้เค้าเตรียมทำใจ

พอดีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันเป็นชาวพม่า     แม่ป่วยเป็นมะเร็ง เค้าต้องการหายารักษาโรค     ด้วยความหวังดีเค้ามาหาข้อมูลใน internet ให้เพื่อน   และรู้ว่ามะรุมมี   คุณลักษณะในการช่วย  เค้าเลยหาต้นมะรุม     ในสหรัฐมีคนที่ปลูกมะรุมในบ้านอยู่บ้าง     ซึ่งแต่ละบ้านงกมากและไม่ยอมให้     เพราะที่สหรัฐเค้ากินกันถือว่าบ้านไหนมีต้นมะรุมเสมือนมีโรงพยาบาลที่บ้าน     ดังนั้น   เค้าเริ่มปลูกต้นมะรุน   และกินใบสดที่ใบไม่แก่และไม่อ่อนจนเกินไป     หรือไม่จะเก็บใบสดมาตากแห้ง ( ต้องมีผ้าขาวบางคลุมเพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำไป)   บดให้ละเอียดใส่แค็บซูลกินทุกเช้า
มะรุมไม้กลางบ้านของไทยที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานานนอกจากจะรับประทานอร่อยแล้ว   ชาวอินเดียยังได้ทำการทดลองและเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่างๆได้ถึง 300 ชนิด    องค์การสหประชาชาติได้ให้การสนับสนุนในการค้น
คว้าและวิจัยอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในการรักษาโรคขาดอาหารและอาการตาบอดซึ่งเกิดขึ้นในเด็กแรกเกิดจนถึงวัยเจริญเดิบโตในประเทศด้อยพัฒนาเช่นกลุ่มประเทศในอาฟริกาตอนใต้และประเทศอินเดีย   กลุ่มองค์การกุศลมากมายได้หันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังกับพันธุ์ไม้ชนิดนี้   รวมทั้งประเทศไทย    กลุ่มนักศึกษาแพทย์จำนวน 25 ท่านจากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ได้ทำการทดลองวิจัยในการที่จะนำมารักษาผู้ป่วยด้วย
         โรคงูสวัดแม้แต่กลุ่มประเทศอื่นๆเช่นอังกฤษ , เยอรมัน , รัสเซีย , ญี่ปุ่น , จีน , ก็หันมาให้ความสนใจและทำการค้นคว้าอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง   เบาหวาน โรคเอดส์ และอีกมากมาย
ประโยชน์คร่าวๆ   จากวารสารค้นคว้าที่พอจะอ้างอิงได้มีดังต่อไปนี้คือ
1.     ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิด ถึง 10 ขวบ   และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ   และตาบอด ได้เป็นอย่างดี
2.   ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้   ทำให้สามารถลดการใช้ยาลงโดยความเห็นชอบและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้รักษาด้วย
3.     รักษาโรคความดันโลหิตสูง
4.   ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายถ้าแม้ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อ HIV   นอกจากนี้ยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง
5.   ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้และสามารถมีชิวิตอยู่อย่างคนทั่วไปได้ในสังคมการรักษาโรคเอดส์ที่ประสพผลสำเร็จในกลุ่มประเทศอาฟริกา   แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็กำลังอยู่ในภาวะทดลอง
6.   ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งแต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น   ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบันหากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี   การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง
7.  ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊า โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก   โรครูมาติซั่ม
8.  รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น   โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ   เป็นต้นถ้ารับประทานสม่ำเสมอ   จะทำให้?ามีสุขภาพที่สมบูรณ์
9.  รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้   เป็นต้น
10.  รักษาปอดให้แข็งแรง   รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ

         นอกจากนี้ต้นมะรุมยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายซึ่งไม่สามารถที่จะนำมาอ้างอิงได้หมดในที่นี้     หากสนใจท่านสามารถหาอ่านได้จากเอกสารอ้างอิงกำกับท้ายเอกสารฉบับนี้
วิธีใช้       
ใบสด     ควรรับประทานใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไปนัก   เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่
เด็กแรกเกิด - 1   ปี   คั้นน้ำจากใบเพียง 1   หยด ผสมกับนมให้ดื่มเพียง 1 หยด ต่อ  1-2 วัน   ใบมะรุมนี้มีธาตุเหล็กสูงมาก   ฉะนั้นทารกในวัยเจริญเติบโต - 2 ขวบ   จึงไม่ควรทานมาก
เด็กที่เริ่มทานอาหารได้ถึง 3-4 ขวบ    ควรทานวันละไม่เกิน  2 ใบ   เพิ่มจำนวนขึ้นทีละใบตามอายุ จนถึง 10 ขวบ
เด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่     รับประทานวันละ 1 กิ่ง     จะทานสดหรือประกอบอาหารก็ได้   ถ้าจะให้ได้ผลรวดเร็ว ควรคั้นน้ำดื่มประมาณวันละ 1 ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ หรือ 1 ช้อนชาสำหรับเด็ก
         การรับประทานสุกควรลวกแต่พอควรเพราะการถูกความร้อนนานเกินไปจะทำให้สารอาหารหลายชนิดเสื่อมคุณภาพลงไปมาก     ถ้าสามารถรับประทานสดได้จะดีมาก ใช้ทำสลัดรวมกับผักสด   หรือวางบนแซนวิช

ผล    รับประทานได้ทั้งฝักอ่อนและฝักแก่พอสมควรฝักแก่จะใช้ลำบากเพราะต้องปอกเปลือกเช่นใช้แกงส้มหรือขูดเอาแต่เนื้อใน   มาทำแกงกะหรี่     ฝักอ่อนขนาดถั่วฝักยาวสามารถนำมาทำอาหารได้มากมายหลายชนิด อาทิ   เช่น   แกงส้มฝักมะรุม    ฝักมะรุมอ่อนผัดน้ำมันหอย    ยำฝักมะรุมอ่อน(เหมือนยำถั่วพลู)
สลัดสดใบมะรุมผักรวม   ทอดมันปลากับฝักมะรุมอ่อน    แกงเลียงฝักมะรุมอ่อนและใบมะรุม
แกงเผ็ดฝักมะรุมอ่อน   ไข่ยัดไส้ใบมะรุมหมูสับ    ดอกมะรุมชุบไข่ทอด
ผัดพริกขิงฝักมะรุมอ่อน   ผัดจืดฝักมะรุมอ่อนใส่ไข่และกุ้ง   ผัดเผ็ดฝักมะรุมอ่อนยอดพริกไทยกับไก่
ฝักมะรุมอ่อนผัดขี้เมา   ไก่อบฝักมะรุมอ่อน     ยอด ดอก   และฝักมะรุมอ่อนจิ้มน้ำพริก
ต้มจืดหมูสับใบมะรุมอ่อน   ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดสดต่างๆ   ราดหน้าฝักและใบมะรุมอ่อนไก่/หมู
แกงจืดใบมะรุมอ่อนเต้าหู้   ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดหูหนู   จีน   แกงจืดวุ้นเส้นใบมะรุมอ่อนใส่เห็ดสด   
แกงเขียวหวานหรือแกงแดงฝักมะรุมอ่อน(จะใส่เนื้อ หรือไก่ก็ได้ตามแต่ชอบ)
ยอด ดอก   และฝักมะรุมอ่อนชุบแป้งเทมปุระทอด     เหล่านี้เป็นต้น

เมล็ด      สามารถนำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากมายเช่นใช้ทำอาหารได้   รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า   รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง   แก้ผิวแห้ง   ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น   รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา
เปลือกจากลำต้น   นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ   แก้โรคปวดหลัง   ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี         *   ร้านขายยาจีนนำมาใช้เข้าเครื่องยาจีนรักษาโรคหลายประเภท*
กากของเมล็ดกากที่เหลือจากการทำน้ำมันสามารถนำมาใช้ในการกรองหรือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง   จากนั้นนำมาทำปุ๋ยต่อได้

ดอก     ใช้ต้มทำน้ำชาใช้ดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย

ใบตากแห้ง   สามารถนำใบมาตากแห้งโดยการตากในที่ร่มอย่าให้โดนแดดเมื่อแห้งสนิทดีแล้วนำมาป่นเป็นผงบรรจุในหลอดแคปซูลเพื่อสะดวกแก่การพกพาในกรณีที่เดินทางและหาใบสดไม่ได้ใช้ทำเป็นน้ำชาไว้ดื่มได้ตลอดวันแต่ใบแห้งจะขาดไวตามินซีและไวตามินบีต?อลีนและแร่ธาตุบางจำพวกที่สูญหายในระหว่างการทำให้แห้งควรเก็บผงมะรุมไว้ในที่มืดเช่นขวดพลาสติกชนิดทึบเพื่ อ กั นการเสื่อมคุณภาพแต่คุณสมบัติอื่นๆ   ยังคงเดิมเนื่องจากมะรุมเป็นพืชสมุนไพรกลางบ้านดังนั้นการให้ผลย่อมช้ากว่ายาแผนสมัยใหม่การที่จะใช้ให้ได้ผลอย่างจริงจังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือนและต้องใช้ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอจะให้ผลเป็นที่น่าพอใจร่างกายจะแข็งแรงอยู่เสมอคนธรรมดาที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคก็สามารถใช้ได้เพื่อป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อต่างๆ   สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายเป็นอย่างดียิ่ง
เอกสารอ้างอิง:

Nature's Medicine Cabinet by Sanford  Holst
The Miracle Tree by Lowell Fuglie
LA times
March 27th 2000  article wrote by Mark Fritz.
WWW.PUBMED.GOV .  (Search for Moringa) (Antiviral Research Volume 60, Issue 3, Nov. 2003,  Pages 175-180: Depts. of Microbiology, Pharmaceutical Botany,  Pharmacology, Faculty of Pharmaceutical Science, Chulalongkorn University ,   Bangkok 10330 , Thailand . Corresponding author. Tel.: +66-2-218-8378; fax  +66-2-254-5195)

' มะรุม '   เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ   กินได้หลายส่วน ทั้งยอด ดอก และฝักเขียว แต่ใครๆ   ก็นิยมกินฝักมากกว่าส่วนอื่นๆ

ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย   ทาง อีสาน เรียก "ผักอีฮุม   หรือผักอีฮึม" ภาคเหนือ เรียก "มะค้อมก้อน" ชาวกะเหรี่ยง แถบกาญจนบุรีเรียก"กาแน้งเดิง" ส่วน ชาวฉาน แถบแม่ฮ่องสอนเรียก  " ผักเนื้อไก่" เป็นต้น

มะรุมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam.   วงศ์  Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย

มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง  3-4 เมตร   ทรงต้นโปร่ง ใบเป็นแบบขนนกคล้ายกับใยมะขามออกเรียงแบบสลับ   ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าด้านบน ดอกออกเป็นช่อสีขาว ดอกมี 5 กลีบ

ฝักมีความยาว 20-50 เซนติเมตร   ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง เป็นที่มาของชื่อต้นไม้ตีกลองในภาษาอังกฤษ  (Drumstick Tree) เปลือกฝักอ่อนสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมนเป็นระยะตามความยาวของฝัก   เปลือกฝักแก่มีสีน้ำตาล เมล็ดมีเยื่อหุ้มลักษณะกลมมีสีน้ำตาล   เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร   เมล็ดแก่สามารถบีบน้ำมันออกมากินได้

มะรุมเป็นพืชที่ปลูกง่าย   เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง   ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ   การปลูกการดูแลรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน   เกษตรกรจึงมักนิยมปลูกมะรุมไว้ริมรั้วบ้านหรือหลังบ้าน 1-5 ต้น   เพื่อให้เป็นผักคู่บ้านคู่ครัวแบบพอเพียงที่ไม่ต้องซื้อหา

คนไทยทุกภาคนิยมนำฝักมะรุมไปทำแกงส้ม   ด้วยการปอกเปลือกหั่นฝักมะรุมเป็นชิ้นยาวพอคำ   ถือว่าเป็นผักที่ทำแกงส้มคู่กับปลาช่อนอร่อยที่สุด   จะต่างกันก็ในรายละเอียดของแกงตามแบบอย่างของแต่ละท้องถิ่นเท่านั้น   แม้แต่ทางใต้ก็นิยมนำมะรุมมาทำแกงส้มปลาช่อน   โดยจะใช้ขมิ้นเพื่อดับกลิ่นคาวปลาและเพิ่มสีสันของน้ำแกง   ปรุงรสเปรี้ยวด้วยการใส่ส้มแขกแทนน้ำมะขาม   และหั่นปลาช่อนเป็นแว่นใหญ่ไม่โขลกเนื้อปลากับเครื่องแกง

ผู้เฒ่าผู้แก่นิยมกินมะรุมในช่วงต้นหนาวเพราะเป็นฤดูกาลของฝักมะรุม   หาได้ง่าย รสชาติอร่อยเพราะสดเต็มที่ มีขายตามตลาดในช่วงฤดูกาล   คนที่ปลูกมะรุมไว้ในบ้านเท่านั้นจึงจะมีโอกาสลิ้มรสยอดมะรุม ใบอ่อน   ช่อดอกและฝักอ่อน ช่อดอกนำไปดองเก็บไว้กินกับน้ำพริก ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก   และฝักอ่อนนำมาลวกหรือต้ทให้สุก จิ้มกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกแจ่วบอง   กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่วได้ทุกอย่าง หรือจะใช้ยอดอ่อน   ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้

ส่วนอื่นๆ   ของโลกจะใช้ใบมะรุมประกอบอาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง   หรือปรุงเป็นซอสข้นราดข้าวหรืออาหารแป้งอื่นๆ นอกจากนี้   ใช้ใบตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร   เช่นเดียวกับที่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนครใช้ใบมะรุมแห้งปรุงเข้าเครื่อง  " ผงนัว" กับสมุนไพรอื่นไว้แต่งรสอาหารมาแต่โบราณ   ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขก



คุณค่าทางอาหารข?งมะรุม

มะรุมเป็นพืชมหัศจรรย์   มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค   

ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด  2 เท่า   การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน   

นอกจากนี้   มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ

วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอต  3 เท่า   

วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม   


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: KonG_S16 ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 17:58:48
ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ยคงต้องหาติดบ้านไว้บ้างแล้วอ่ะ


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: นาย...อั๊ยซ์... ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 18:54:10
เมื่อคืน ผมเก็บ เด็ดเองก่ะมือเลยครับ ..

เอาให้แม่ ไปทำแค็บซูล แก้มะเร็ง !!


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: หล่อมากมาย ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 21:20:17
เยอะจัง

สรุปว่าดี คร๊าบ


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: PG.O.T-002 ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 21:30:38

คิ คิ ผมรู้จักแต่มะรุมมะตุ้มอ่ะ แบบเดียวกานเป่้่าครับเทพอัยยซ์


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: บักซีเด๋อ ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 22:04:44
ขอบคุณเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติมาก ที่ให้ความรู้ :ยินดี อุอุอุ: :หวัดดีค่ะ:


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: sodamix69 ที่ วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2009 เวลา 23:58:38
ที่บ้านปลูกไว้ 3 ต้น แม่ผมก็บดใส่แค็ปซูลไว้ให้คนในบ้านทาน ทานมา 3 เดือนแล้วครับ :HoHo:


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: mars ที่ วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2009 เวลา 10:57:47
^
^
^
ทานเหมือนกันค่ะ ไม่ทราบที่ไปที่มา เพียงแต่พ่อกะแม่เตรียมไว้ให้  :อะหา อะหา:


หัวข้อ: Re: มะรุม ... มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
เริ่มหัวข้อโดย: Thailandproject ที่ วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2009 เวลา 12:40:35
แค็ปซูล  มีขายตามร้ายยาทั่วไปไหมครับ   
แล้วเอามะรุมมาบด  มีขั้นตอนยังไงครับ  อยากทำมั่งจัง