ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2024 เวลา 04:24:57

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  เรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับ 405 SRI
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับ 405 SRI  (อ่าน 1706 ครั้ง)
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 10:12:13 »


เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันพฤหัสฯ(22 ตค.)ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปทอดกฐินที่กาฬสินธุ์ ออกเดินทางตอนตี 3 ของเช้าวันที่ 23 ตอนนออกจากบ้านฝนตกหนักมาก ๆ น้ำท่วมในซอยเต็มไปหมด ถนนเต็มไปด้วยน้ำม ฝนที่กรหน่ำลงมาแทบมองอะไรไม่เห็น กว่าจออกจากกรุงเทพได้ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ถึง อ.วังน้อยเริ่มไม่มีฝนแล้วก็เร่งเต็มที่ ไปเช้าที่โคราชพอดี ก่อนไปผมได้น้ำรถไปทำช่วงล่างมาเพื่อความปลอดภัยและสบายใจ ส่วนเครื่องยนต์ไม่ได้เช็คอะไรเราะมั่นใจว่าเครื่องไม่ม่ปัญหา แต่ช่วงขับระหว่างฝนตกเครื่องมีสะดุดบ้างเป็นระยะ ๆ ทีแรกก็เริ่มกังวลว่าจะเป็นอะไรมากหรือป่าว แต่ก็คิดว่าอาจเป็นเพราะลุยน้ำ หัวเทียนเปียก อะไรประมาณนี้ ก็ขับไป ๆ รถวิ่งได้ไม่ม่ปัญหาอะไรเลยความเร็วที่ใช้ประมาณ 130-160 แล้วแตจังหวะ ขับไปจนถึง อ.บ้านไผ่ก็รู้สึกว่าเครื่องเดินไม่เต็มสูบ มันเดินแค่  3 สูบ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากเพระเวลาเร่งมันก็ยงเร่งได้ปกติ เหยียบได้ 150-160 เหมือนเดิม จนไปถึงมหาสารคาม อาการชัดขึ้นคือเวลาจอดไฟแดงเครื่องจะดับทันที เพราะมันเดินไม่เต็มสูบนี่ ก็เลยแวะปั๊มกะว่าจะหาลมเป่าหัวเทียน แต่สายลมใช้ไม่ได้ก็เลยไม่ได้ป่าว จากนั้นก็ขับไปต่อ ระยะทางเหลืออีกประมาณ 200 กม.รถยังใช้ความเร็วได้เหมือนเดิมความร้อนปกติแค่ ประมาณ 80-85 จนเกือบจะบ้านเหลือแค่ไม่ถึงกิโลฯ อาการเริ่มหนักขึ้น เครื่องเดินแค่ 2 สูบ เร่งไม่ขึ้น ทำท่าจะดับแต่ก็ประคองมาได้จนถึงบ้าน เวลาประมาณ 10.30 น.หลังจากนั้นก็สตาร์ทไม่ติด นึกในใจซวยแล้วเรา ต้องรีบกลับกรุงเทพด้วยเพราะต้องไป ตปท.ทำไงดี เครื่องมือก็ไม่มี แถวนั้นอย่าว่าแต่ช่างเลย หาบล๊อกถอดหัวเทียนยังยาก ยังดีที่หาบล๊อกมาได้ ถอดหัวเทียนออกมาดู ปรากฏว่า สูบ 2-3 กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาไปแล้ว น้ำเข้าเต็มเลยื ประเก็นฝาสูบน่าจะรั่ว งานเข้าอย่างแรง ช่างแถวนี้ก็คงช่วยไม่ได้ ก็เลยโทรบอกน้าอยู่หนองคาย มาลากไประยะทางลากประมาณ 300 กม. ผมก็กลับมา กทม. สั่งเครื่องจากคุณมหาชัย ส่งไปให้น้าที่หนองคายจัดการให้ ผลเป็นอย่างไรยังไม่ทราบเพราะตอนนี้อยู่ KL
เรื่องมหัศจรรย์ที่ว่า ผมก็ไม่รู้มันคืออะไร อะไรที่ทำให้ผมเดินทางมาจนถึงบ้าน อะไรที่ทำให้รถผมไม่ตายกลางทาง ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย ที่ทั้งฉุดทั้งผลักผมไปส่งให้ถึงบ้านทำให้ไม่ต้องกินข้าวลิงครับ
เล่ายาวไปหน่อยต้องขออภัยครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
blue dragon
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,067



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 10:22:37 »


โชดดีมากๆที่ไม่เป็นระหว่างทาง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Poj_MN
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 478


« ตอบ #2 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 10:38:19 »


อู๊ย ลุ้นซะตัวโก่งเลยครับ  ไม่เป็นไรระหว่างทางก็ดีแล้วครับ  
สมัยก่อนผมเคยนั่ง 504 ของคุณพ่อไปทำบุญ จาก กรุงเทพไป อำเภอ ชัยบาดาล จ. ลพบุรี ปรากฏว่าไปประมาณ สระบุรี เกิด ไดชาร์จพัง
รถต้องวิ่งด้วยแบตล้วนๆ  

สมัยนั้นมือถือ เพจเจอร์ก็ยังไม่มี  ถ้าเกิดรถเป็นอะไรกลางทางจะทำยังไงดี คุณแม่ ,น้องสาวก็อยู่ในรถด้วย  

คุณพ่อเลยอธิษฐานว่าขอให้ไปถึงวัดเถิด ...... สักพัก เข้าตัวอำเภอ ... จำไม่ได้แล้วครับ รถก็จอดสนิท  ถามชาวบ้านแถวนั้นว่ามีร้านซ่อมไดร์ หรือไม่   เขาก็บอกว่ามีอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง  ผมกับคุณพ่อเดินไป ที่ร้านซึ่งเป็นร้านใหญ่พอสมควร และ มีไดชาร์จ 504 เหลืออยู่ตัวเดียวเท่านั้น  ทั้งอำเภอ  ที่ร้านเขาเลยให้ช่างอุ้มแบตมาตัวหนึ่ง เปลี่ยนแบต  สตาร์ทแล้วขับไปที่ร้านเปลี่ยนไดชาร์จ

แล้วก็จริงๆครับ เราไปถึงวัดจนได้ตอนประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ    
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ขับ Peugeot โก้ดี ถ้าไม่มีอะไรต้องซ่อม
supreme
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 839



« ตอบ #3 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 21:37:02 »


เคยขับๆแล้วมีลุ้นแบบนี้เหมือนกัน แต่เป็นยี่ห้ออื่น  ตอนนั้นไปธุระกับเพื่อน อยู่ๆก็ได้ยินเสียงประหลาดแถวฝากระโปรง พอลงทางด่วนดาวคะนองได้ก็จอดข้างทาง เปิดฝากระโปรงมา สายพานไดชาร์จขาด เลยวิ่งๆไปธุระพร้อมหาร้านไปด้วย วิ่งไปก็ไม่เจอสักที  จนรถเริ่มแยะ รถติดพอควร เหงื่องี้แตก ลุ้นกันสองคนกับเพื่อน ยิ่งไม่คุ้นแถวนั้นอยู่ด้วย  แต่แล้วอยู่ๆก็เจอร้าน เลี้ยวซ้ายเข้าไป ขึ้นเนินเข้าร้าน เครื่องดับ แต่ยังมีแรงเชื่อยวิ่งถึงพื้นร้านพอดี ถอนหายใจดล่งอกไปที
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักพอ รู้จักให้ รู้จักวาง
TiTLe
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 576



« ตอบ #4 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2009 เวลา 07:14:54 »


น้าที่หนองคายเป็นช่างเหรอครับ อยู่แถวไหนเอ่ย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
mr.mountian
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 134


« ตอบ #5 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2009 เวลา 13:06:47 »


เคยขับ 505 ไปแม่ฮ่องสอน โดยไปทางแม่สะเรียง คืนแรกนอนแม่อูคอ ดูทุ่งบัวตอง เริ่มแสดงอาการ ไฟเบรคเตือนตอนเหยียบเบรค หุ เบรคหมดเปล่าหว่า เช้ามาเข้าแม่ฮ่องสอน พรคพวกที่3 คันที่ไปด้วยกันเที่ยวชมเมืองกันหนุกหนาน อิ เราวิ่งหาร้านเบรค ถอดมาเช็ค ช่างบอกเกือบหมดแล้วให้นอนรออะไหล่ที่นั่นเพราะต้องสั่งจากเชียงใหม่ อิ อิ แต่โปรแกรมเราต้องมานอนห้วยน้ำดัง.....บอกให้ช่างใส่ของเก่ากลับไปไม่รอ...ช่างบ่นนิดหน่อยแต่ก็จัดการให้เรียบร้อย แถมบอกว่าไปไม่ถึงหรอกเพราะทางขึ้นเขาลงเขาทั้งนั้น ต้องใช้เบรคเยอะ เหอ ๆ แต่ก็ผ่านมาได้โดยดี นอนห้วยน้ำดัง 1 คืน รุ่งเช้าออกมาก่อนพรรคพวกเพราะกะจะมาหาร้านแถวแม่มาลัย ทำให้เสร็จก่อนไปแม่สาย แต่เจ้ากรรมร้านปิดส่วนใหญ่ ร้านที่เปิดก็ไม่มีอะไหล่อีก บอกให้ลองเข้าเชียงใหม่ดู แต่ก็ไม่รู้ว่าร้านไหนเปิดมั่ง พอดีพรรคพวกตามมาทันเลยไม่เข้าเชียงใหม่ ไปแม่สายเลยครับ วิ่งเส้นฝาง เหยียบไล่กันเต็มที่ตลอด ถึงแม่สายประมาณ เกือบ 3 โมงเย็น นั่งจิบเบียร์ริมแม่น้ำรอพวกผู้หญิงช๊อปปิ้งกัน เสร็จสรรพเกือบ 6 โมงเย็น ตัดสินใจบอกพรรคพวกขอกลับก่อนท่าทางรถจะไม่ไหว....พวกก็ใจดีอะ กลับก็กลับด้วยกันจะได้เป้นเพื่อนกันระหว่างทาง ....ขากลับวิ่งเส้นพะเยาว์เข้าลำปาง หุ หุ ก่อนเข้าลำปางดันมีอาการแทรกซ้อนเพิ่มมาอีก ปล่อยคันเร่งไม่ได้ ปล่อยเมื่อไหร่ดับเมื่อนั้น เหอ ๆ มันเป็นไรหว่า มืดแล้วด้วย อิ อิ ช่างมันเหยียบไว้ 1500 รอบตลอด จอดติดไฟแดงเยร์ว่างก็ต้องเหยียบคันเร่งไว้ ถึงลาดพร้าวประมาณ ตี5 ขอนอนก่อนวะ ค่อยมาดูตอนเช้า... ใจก็กังวลมันจะมีอะไรอีกนอกจากเบรคหว่า .... ตื่นมา 8 โมง ขับไปร้านเบรคแถวรามอินทรา เพื่อจัดการเปลี่ยนเรียบร้อยก่อน เปิดห้องเครื่องมา หุ หุ มัยสายพานมันหย่อนอิ๋บอ๋ายวะ ดึง ๆ ดู เหอ ๆ คอมแอร์โยกตามมาเลย ....... ปรากฎว่าน๊อตยึดคอมแอร์หลุดเรียบร้อย และค้างอยู่แถวนั้นเองไม่ได้หายไปไหน  นี่เองสาเหตุที่ทำให้ต้องเหยียบคันเร่งเครื่องเลี้ยงมาทั้งคืน....... ใส่กลับพร้อมเปลี่ยนผ้าเบรคเรียบร้อย ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม  ...... เลยกลับมารับสมชิกทัวร์ ลงมาส่งที่ทับสะแกอีก พวกมาจากสงขลา ขับ 505 มาแต่เครื่องพงซะก่อนถึง กทม. เลยจอดยกเครื่องอยู่ที่ทับสะแก ไปถึงรถก็เสร็จ จึงแยกย้ายกัน 555 ประสบการณ์ดี ๆ กับ PG 505 เล่าให้ฟังครับ มีอีกเรื่อง เดี๋ยวเล่าใหม่ นะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
credor
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,293


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2009 เวลา 13:10:47 »


โชคดีครับที่ไม่ดับกลางทาง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

mr.mountian
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 134


« ตอบ #7 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2009 เวลา 13:31:45 »


เรื่องที่สอง 505 คันแรก นานแล้วแหละ คันนั้น ปี 85 รุ่นหัวสิงห์ครับ คันนี้มีเรื่องระทึกใจหลายเรื่อง มันไม่ค่อยถูกกะมอไซด์ เคยเหยียบมอไซด์ ที่จอดเรียงกันหน้าร้านอาหาร เขาจอดอยู่ 12 คัน เหยีบ ซะ 10 คัน ตัวเองนอนตะแคงเล่นอยู่กลางถนน ต้องถีบกระจกหน้าออกมา พลิกกลับสตาร์ทเครื่อง สักพักโดยปิดท่ออากาศซะ เดี๋ยว ๆ ก็ติด เก็บกระจก ใส่รถขับไปโรงพักได้ด้วยดี แต่บรรดาสิงห์มอไซดื ดิ ตามกันมาเป็นพรวนเหอ ๆ ดีนะเที่ยวนั้นเพิ่งจ่ายเงินค่าเบี้ยประกัน กรมธรรม์ยังไม่ออกหรอก แต่วิริยะเขาเคลมให้เสร็จ แต่ของเราซ่อมเองนะครับ เพราะเป็นชั้น 3 เหอ ๆ วีรกรรมหลังสุดทดสอบความแข็งกับเสาไฟฟ้า ครับ สาเหตุไม่เล่าดีกว่า มันเป็นเรื่องความเชื่อนะครับ ปรากฎว่าเสอมกันครับรถพังเสาไฟก็พัง หักซะ 2 ต้น เหอ ๆ ๆ เรานอนโรงบาล ส่งรถเข้าอู่ บอกซ่อมเต็มที่ จ่ายเองอีกเหมือนกัน ลืมบอกไปตอนนั้นอยู่บางสะพานประจวฯ อู่ไม่ได้เรื่องซ่อมไม่เสร็จสักที ขนาดจ่ายตังค์ไปก่อนนะ สุดท้ายทนไม่ไหวเดินดุ่มเข้าไปถามว่าเครื่องติดยัง ช่างบอกยัง แต่อย่างอื่นเกือบเรียบร้อย จึงยื่นคำขาดบอดทำเครื่องให้ติด แล้วหยุดซ่อมเลย จะเอาเข้า กทม. โอเคมันทำได้ แต่สายคันเร่งไม่มี เบาะคนขับพิงไม่ได้เพราะมันรูดไปแล้ว ....... ตัดสินใจครับ หาเชือกต่อสายคันเร่งเข้าทางหน้าต่าง หาเชือกผูกโยงเบาะไม่ให้ล้มเมื่อพิง ขับเข้ากรุงเทพคืนนั้นเลย........ พี่น้องเอ๋ย มันลำบากครับ เพราะต้องใช้มือดึงคันเร่งแทนการใช้เท้าเหยียบ เหอ ๆ ๆ ถึงกุยบุรี ไฟเตือนน้ำมันเบรคอีก หุ หุ กูจะถึง กทม.มั๊ยเนี่ยะ แวะปั๊ม ปตท.ซื้อน้ำมันเบรคใส่ และเตรียมสำรองในรถอีกส่วนหนึ่ง ขับมาจนถึงกรุงเทพด้วยความระมัดระวัง (ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน ครับ) เหตุการณ์นี้ 10 กว่าปีมาแล้วนะครับ ตอนนั้นเพชรเกษมยังวิ่งสวนกันอยู่นะครับ รุ่งเช้าขับไปอู่ ตรงสามเหลี่ยมดินแดง ตอนนี้เลิกไปแล้ว สมัยนั้นมีช่างอยู่คนเดีย เก่งมากเลยแต่จำชื่อไม่ได้แล้ว ปัจจุบันไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ให้แกตรวจดู ปรากฎว่าเบรคหลังไม่มีครับ ท่อแตกหมด 2 ข้าง มีแต่เบรคหน้า หุ หุ กูว่าแล้วทำไมมันเอาไม่ค่อยอยู่ ยิ่งมาเห็นสภาพสายคันเร่งรุ่นมือดึง พนักพิงเบาะรุ่นโยงเชือก พี่แกตาเหลือกครับ ...... แกเอามาจากไหนเนี่ย...สุดท้ายพี่แกใช้เวลา 3 จัดการให้เรียบร้อย เปลี่ยนเบาะเป็นของ 2.0 ด้วย ขับกลับไปเย้ยช่างที่บางพานเรียบร้อย ถึงปัจจุบันช่างที่บางพานยังไม่เคลียร์ที่เหลือให้เลย อิ อิ ช่างมัน 10 กว่าปีแล้ว หลังจากนั้นสักระยะจึงมาจับรุ่น 2.0 และไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนตามกะทู้ข้างบนครับ...แต่ก็รัก PG เหมือนเดิมไม่หายสักที
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« ตอบ #8 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2009 เวลา 13:11:52 »


ผมว่าได้ประสบการณ์เยอะนะตั้งแต่ใช้ เปอร์โย
น้าที่หนองคายเป็นช่างเหรอครับ อยู่แถวไหนเอ่ย
ครับผม อยู่เยื้อง สปจ.หนองคาย(ดอนแดง)อู่ไทยนต์ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #9 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 01 พฤศจิกายน 2009 เวลา 20:33:15 »


ผมเคยขับ 405 ลุยน้ำท่วมครับ
ตอนกำลังจะขึ้นเนิน

หน้ารถครับ กระจังหน้าจุ่มน้ำเลย
น้ำเข้ามาในห้องโดยสาร จนถึงแ้ป้นคันเร่ง
เครื่องดับครับ  สตาร์ทครั้งแรกไม่ติด

ผมเลยพูดกับรถว่า "สู้ๆหน่อย เอาน่าเอาให้ถึงบ้านเรานะ"
พูดเสร็จ สตาร์ทอีกรอบ ติดครับ ตอนนั้นกลัวกรองอากาศทะลุมากมาย
แล้วก็กลัวว่าพวกเศษไม้เศษอะไรที่ลอยตามน้ำ มันจะเข้าไปในกระบอกสูบ

ผมเลยมิดคันเร่งครับ แต่ว่ามันใช้ได้แค่ 3 พันกว่ารอบเอง
กดเท่าไหร่ก็ไม่ไปมากกว่านั้น  พอพ้นน้ำมาได้ ขับกลับบ้านอีกราว 30 กิโลเมตร
เหยียบคันเร่งเข้าไปครับ รอบขึ้นแต่เครื่องจะดับ เลยผ่อนเหลือแค่ 2500 รอบ

ถึงบ้านครับ จอดรถปุ๊ป
เครื่องดับเองเลย  สตาร์ทมันอีก 5 - 6 รอบ ไม่ติดครับ

------------------------------------------

วันรุ่งขึ้นไปเข้าศูนย์

พบว่า กรองอากาศเดิม ที่เป็นกระดาษนะครับ
เป็นรูครับ แต่ว่าเศษไม้มันไม่หลุดออกมาครับ
มันฝังอยู่กับรูในกระดาษ

ถ้ามันหลุดมาได้ล่ะก็  เข้าไปในกระบอกสูบมันจะเป็นอย่างไรหนอ

ส่วนพัดลมหน้าเครื่อง ต้องถอดกันชนออกมาเก็บเศษหญ้ากันทีละเส้นทีเดียว
เพราะมันติดแน่นมากๆ จนพัดลมหมุนไม่ได้

สุดท้ายครับ หมดไป 2 หมื่น 8 พันบาท ราคานี้จำขึ้นใจเลย

---------------------------------------------------

แต่ก้นับว่าผมยังโชคดีครับ

เพราะว่า มีรถ benz คันนึงครับ
s-class ด้วย ป้ายแดงอีก
สงสัยจะรถจากจังหวัดอื่น
เขาคิดว่าถนนมี 3 เลนครับ
แต่จริงๆมี 2 เลน ข้างๆเป็นคลองส่งน้ำชลประทานทำด้วยคอนกรีต
ก็เลยแซงรถคันอื่นขึ้นไป
หน้ารถตั้งแต่กันชนถึงกระจกหน้า จุ่มน้ำหมดเลยครับ
ไม่รู้ว่าต้องซ่อมกี่บาท

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!