www.VlovePeugeot.com - Please Ctrl+D Bookmark Now!

VlovePeugeot.com Webboard


ground wire








Ground รถ -- เรื่องที่ท่านไม่เคยเห็น
หลายท่านบอกว่า ground เพิ่ม ไม่มีประโยชน์หรอก
รถเขาออกแบบมาดีแล้ว

หลายท่านแย้งว่า ground รถมันห่วย
วิศวกรเอาแต่ได้
ใส่สายเข้าไป ดีขึ้นเห็นๆ

แล้วความจริงๆหละ?

บทความต่อไปนี้ มีอคติค่อนข้างมาก กรุณาใช้วิจารณญาณก่อนอ่าน
เด็กและนักซิ่ง โปรดอย่าอ่านเกินวันละ 4 กรึ้บ

--------------------------------

คำพรรณาส่วนที่เป็นโวหารของข้าพเจ้า สงวนสิทธิ ตาม พรบ.ทรัพย์สินทางปัญญา
ห้ามหน่วยงานราชการ สื่อมวลชน องค์กร หรือธุรกิจเอกชนใดๆ สำเนา นำไปอ้างอิงถึง หรือเป็นหลักฐาน นอกเหนือจากอ่าน และตอบใน pantip.com

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 11:58:42 ]


--------------------------------------------------------------------------------










--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

กราวด์ของรถเก่ามาก รถยุโรปครับ .. อายุสิบแปดปี แต่สภาพเกือบป้ายแดง เพราะวิ่งไปแค่ 100,000 โลเอง (ใช้ครับ ไม่ใช่จอดอู่! )
z
สายเส้นเดียว เบอร์ 10 ลงจุดเดียว

โปรดสังเกตุ
1. จุดที่ลง ถูกสร้างสำหรับการ ground โดยเฉพาะ
2. แหวนที่รองทั้งบน และล่างของหางปลา รวมทั้งตัวหางปลาด้วย ถ้าถอดออกมาดู จะเห็นว่าเข้ารูปเข้ารอยกัน
ผ่านมาเกือบยี่สิบปี ยังขาวเงาวั่บ ไม่มีรอยสนิมแม้แต่ขุมเดียว
3. แหวนเหลี่ยม ด้านล่างที่ติดกับตัวถัง เชื่อมติดครับ ไม่ใช่วางลงไปเฉยๆ

สิ่งที่ท่านอาจไม่เห็นคือ แหวนที่รอง ไม่ใช่แหวนเรียบๆ แต่เป็นแหวนสัน ซึ่งยิ่งขันลงไป ยิ่งแน่นมาก ไม่เขยื้อนตามแรงขัน
สันจะจิกลงไปในเนื้อโลหะอีกด้าน ล็อคตาย ไม่มีการหลุดหลวม

แต่แม้กระนั้น .. ระบบไฟก็ยังมีปัญหา .. คาร์บิวไฟฟ้า ฟ้องอาการต่างๆเร็วนัก
ใส่สายเพิ่มเติมเข้าไป (สีฟ้าๆ ด้านหลังไกลไปหน่อย) รอบเครื่องนิ่งสนิท
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 12:36:04

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:05:07 ]







ความคิดเห็นที่ 2

รูปไม่ยอมขึ้น?









จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:05:49 ]






ความคิดเห็นที่ 3

รถยุโรป อายุเกือบยี่สิบปีครับ การออกแบบสมัยนู้น เรียกว่า ให้วิ่งเมืองเขาได้ วิ่งเมืองเราไม่กระจาย ก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับ

ลองมาดูรถญี่ปุ่น ยี่ห้อยอดฮิต รุ่นยอดนิยม ราคาไม่แพง ถูกวิจัยให้ใช้กับสภาพเมืองไทยดูบ้าง

จะเห็นสายกราวด์ (เดิม) 2 เส้น ... กลางและขวา
เส้นซ้ายไปเข้า common ground distribution (ทำเอง) เพราะ .. ground ไม่พอ

จะเห็นว่า วิศวกร ออกแบบให้ต้องมีกราวด์ 2 เส้น (ทำไมไม่เส้นเดียว?)
เพราะเส้นกลาง ไปลงที่ motor start เนื่องจากมันใช้กระแสสูงมาก .. จนกราวด์เส้นแรก (เส้นขวา) ที่ลงตัวถัง แม้ยาวแค่คืบเดียว ก็ไม่สามารถทำให้รถสตาร์ตติดได้โดยไม่มีปัญหา!

ทำไมเป็นอย่างนั้น ??? (รถยุโรปคันแรก มอเตอร์สตาร์ตโบราณสุดๆ ต้องการกระแสสตาร์ตสูงมาก แต่สาย gw เส้นเดียว กลับพอแฮะ)
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 12:38:43










จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:11:08 ]






ความคิดเห็นที่ 4

เพราะมันไม่ได้ถูกออกแบบด้วยหลัีกวิชาการ

มันถูกออกแบบด้วยความชุ่ยมักง่าย
แมะลงบนคานหน้าบนง่ายๆ

ตัวถังบริเวณที่ลงกราวด์ ไม่ได้แตกต่างอะไรเป็นพิเศษจากรอบๆ

รูตรงไหนใกล้ๆ ก็แมะลงไปตรงรูนั้นนั่นแหละ









จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:13:34 ]






ความคิดเห็นที่ 5

ว่าเขามากเกินไป ???

ลองมาดูรูปใกล้ๆดูสิครับ

ตัวถังบริเวณสายมาลง ต่างอะไรกับตรงอื่นไหม?
แหวนด้านล่างหางปลา ก็เป็นแหวนธรรมดาๆ
แหวนด้านบน เป็นแค่แหวนสปริง
น้อตเบอร์ 10 เท่านั้น

ใช้่ไปนานๆ แหวน-น้อตมีการขยับตัว ไอน้ำมัน ขี้ฝุ่น ฯลฯ เข้ามาแทรกได้สบายมาก
ยิ่งอยู่ข้างหน้าด้านบน ยิ่งรับลมฝุ่นเต็มๆ (มันใกล้กับจุดรับลมเข้าท่อไอดีนิดเดียว)
ตอนผมถอดออกมาดู โอโหเฮะ!









จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:17:04 ]






ความคิดเห็นที่ 6

ผมอคติไปหรือเปล่า? เป็นวิศวกรเครื่องยนต์ ก็ไม่ได้เป็น ทำเป็นรู้ดีกว่าทีมวิศวกรได้อย่างไร???

งั้นมาดูรถยุโรปอีกคัน อายุสิบเอ็ดปีกว่าๆ (ทันสมัยกว่าคันแรกหน่อย เพราะเป็นหัวฉีดแล้ว ไม่ใช่คาร์บิว)

เริ่มจากที่ขั้วแบต (อายุสิบเอ็ดปี)
ลองดูขนาดของสายสิครับ เทียบกับรถญี่ปุ่นอายุสองปีกว่าๆดูแล้วกัน

ราคาของสายไฟ ที่ใหญ่ขึ้นอีกนิด มันกี่สิบบาท???? ทำไมรถญี่ปุ่นท่านถึงได้ประหยัดขนาดนั้น?









จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:20:06 ]






ความคิดเห็นที่ 7

สายเส้นเท่าหัวแม่มือนั่น ไม่ใช่ลากมั่วๆครับ
วิศวกรเยอรมัน คิดก่อนล่วงหน้า ว่า จะต้องมาลงที่ตรงนี้

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:21:33 ]






ความคิดเห็นที่ 8

อุ๊บ! ลืมรูป

สาย common ground เส้นสั้นๆ ใหญ่เท่าหัวแม่มือ วิ่งมาลงจุดรวม ground

จะเห็นว่าจุดรวม ไม่ธรรมดาใช่ไหมครับ
ขนาดเบ่อเริ่ม และกระจายออกไป (เหมือนที่ HKS ทำขายเมื่อปีที่แล้ว)









จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:23:55 ]






ความคิดเห็นที่ 9

มาดูใกล้ๆ ว่า ของที่ออกแบบมาดีๆ คิดก่อน คิดรอบคอบ โดยมือออกแบบรถยนต์ชั้นปรมาจารย์ เขาทำอย่างไร ...
Ground ไม่ใช่ของกิ๊กก๊อกครับ

ส่วนแหวนรองล่างสุด อันบะเริ่มเทิ่ม ที่ติดกับแผ่นโลหะ เป็นแหวนมีสันนูนสูง รอบตัวแหวน เมื่อขันอัดลงไป สันนูนสูงจะอัดลึกเข้าไปในเนื้อโลหะอีกแผ่น ไม่มีทางเขยื้่อน
แหวนรองอันถัดขึ้นมา เป็นแหวนสปริง
แหวนหางปลา เป็นทองแดงครับ เคลือบด้วยอะไรไม่รู้ แต่การนำไฟฟ้าดีมากๆ
ทองแดงมันอ่อน ขันอัดลงไปแรงๆ แทบละลายเป็นเนื้อเดียวกับแหวนสปริงด้านล่าง

กราวด์ของอุปกรณ์ไฟฟ้าหลักๆแทบทั้งคัน มารวมลงที่จุดเดียว ลด ground loop โดยอัตโนมัติ ไม่ทำให้ ground resistant สูง

ผมไม่ใช่วิศวกรเครื่องยนต์ ไม่ใช่วิศวกรไฟฟ้า แต่มองแว่บเดียว ยังมองออก ทั้งเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งทรงประสิทธิภาพ

ทำไมวิศวกรรถยนต์ (ญี่ปุ่น) มองไม่ออก?

ทำให้เราต้องมากระจายจุดลงกราวด์ไปหลายจุด (เพื่อลด ground resistant) .. ทำให้สร้าง ground loop ขึ้นมา
ถ้าไม่เพิ่ม grounding point .. ground resistant ก็สูง รถใช้ไปๆ ประสิทธิภาพก็ลด (น้อตเบอร์สิบ รับแรงสะเทือนบ่อยๆได้แค่ไหนกันเชียว?)









จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 12:33:55 ]






ความคิดเห็นที่ 10

ขอบคุณมากครับ กำลังจะทำเองอยู่พอดี

จากคุณ : ต้อม WhiteAccorD - [ 17 เม.ย. 48 12:45:52 A:203.107.207.231 X: TicketID:065504 ]






ความคิดเห็นที่ 11

ขอบคุณครับ

ผมสนใจกล่องดำข้างแบตเขียวนั่นแฮะ
เป็นไอเดียที่ผมนึกไม่ถึง

ใช้กับเครื่องเสียงเหรอครับ

จากคุณ : อ (อากง) - [ 17 เม.ย. 48 13:12:49 ]






ความคิดเห็นที่ 12

ตาไวจริงแฮะ :)

Capacitor หลายตัวครับ เอามาขนานกันเพื่อกรองไฟ และลดคลื่นความถี่สูง (พวกต่อวงจรเครื่องขยายเอง เขารู้ดีกันครับ )

ใช้ได้ดีทีเดียว ถ้าชุดเครื่องเสียงไม่มี sub

กำลังหาทางทำอย่างไรให้ การดึงไฟจาก sub ไม่ไปกวนระบบไฟรถยนต์อยู่ (C ค่า 2-3 F มันทั้งแพง ทั้งไม่ทน)

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 13:55:45 ]






ความคิดเห็นที่ 13

อ้าว....แป่ววว

ผมนึกว่าแยกสายเฉยๆ น่ะครับ
คือเคยติดเครื่องเสียงเอง แล้วไม่รู้จะแยกสายไฟที่ไปแอมป์ได้ยังไงโดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ราคาแพง (ตอนนั้นไม่ได้อยู่ไทย)

เห็นรูปนี้แล้วรู้สึก้ว่า เอ้อ ทำงี้ดีเหมือนกันแฮะ
ที่ไหนได้เข้าใจผิด

จากคุณ : อากง - [ 17 เม.ย. 48 15:41:22 ]






ความคิดเห็นที่ 14

การออกแบบอะไรทุกอย่างมันก็มีจุดสมดุลอยู่ครับ
สมดุลระหว่างต้นทุนกับประสิทธิภาพ
มันไม่ได้แปลว่าดีที่สุดอยู่แล้ว
มันแปลว่า แค่นี้ก็พอ
ถ้ามากกว่านี้ต้นทุนสูง ถ้าน้อยกว่านี้มีปัญหา

ยกตัวอย่างสร้างบ้าน ถ้าเสาใหญ่มากๆ เหล็กเยอะๆ เท่าเสาทางด่วน ย่อมต้องแข็งแรงมากกว่าเสาเล็กๆ ที่เป็นอยู่ (ไปดูขนาดเองบ้านใครบ้านมัน)
แต่มันไม่จำเป็นเพราะเขาคำนวณมาแล้วว่าแค่นั้นพอ (ถ้าผู้รับเหมาก่อสร้างไม่โกงลดขนาดเหล็กหรือปูนลงไปอีก

สายกราวด์ก็เช่นกัน ตราบใดที่โลหะที่เป็นตัวถังรถ และโลหะที่ใช้ทำสายไฟ ยังไม่บริสุทธิ์ 100% ก็ย่อมต้องมีความต้านทาน
พอมีความต้านทาน มีไฟฟ้าไหลผ่าน ก็ต้องเกิดความสูญเสีย
การต่อสายกราวด์เพิ่ม ก็ช่วยเพิ่มเส้นทางไหลผ่านของกระแสไฟให้สะดวกขึ้น ย่อมมีผลดีขึ้น
จะรู้สึกหรือไม่ขึ้นกับหลายปัจจัย

แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดคือตัวคุณเอง

ถ้ารู้สึกก็ชอบใจ
ถ้าไม่รู้สึก ก็อย่ามาว่าคนอื่นเขา

ข้อสังเกตของคุณแมวเหมียวพุงป่อง เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้วิจารณญาณอย่างเป็นเหตุเป็นผล ขอชื่นชมครับ

แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 17:20:34

จากคุณ : ศิษย์หลวงตา..ใฝ่หานิพพาน - [ 17 เม.ย. 48 17:19:39 ]







ความคิดเห็นที่ 15

แยกสายเฉยๆได้ครับ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงหรอก

แต่ปัญหาคือ แอมป์ ตีซะว่า 75W x 4 + sub 200w .. กินไฟรวม 500w หรือ เป็นกระแส 500/12 = 50A

สายไฟที่ลากไป นำกระแส 50A ไปได้ .. ต้องทน 2-300A
และสามารถนำกระแส 50A กลับมาได้สบายๆ

ถ้าไม่มี C ก็แล้วไป แต่ถ้ามี .... ตอนสตาร์ตเครื่อง starting motor แทบจะทำตัวเสมือน short curcuit load ถ้าหาก C นั้น ยังต่ออยู่กับสายไฟ ก็เหมือนถูกชอร์ตขั้ว ... พวก C เครื่องเสียงพวกนี้ (ค่า 2-3 Farad) ถูกออกแบบให้จ่ายกระแสได้เป็นร้อยๆแอมป์ ในเวลาๆเป็นมิลลิวินาที (เพื่อเสียงหนักแน่น) ... มีสิทธิพัง (ถึง inductance ของสายไฟบวกที่นำไฟจากแบตมาจะสูง แต่ก็กันอะไรไม่ได้)

C พวกนี้ ต้องมีวงจรป้องกันภายใน ว่าเวลาสตาร์ตเครื่อง ต้องตัดตัดเองออกจากวงจรรถยนต์ และเวลาดับเครื่อง ก็ต้องตัดตัวเองออกเช่นกัน และต้องมีวงจรทำการ bleed พลังงานสะสม (ไม่งั้น electrolyte ภายในเสียหาย)

มันถึงแพ๊งงงงง ... 1 Farad ถูกๆก็ 4-5,000 แล้ว

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 17:27:48 ]






ความคิดเห็นที่ 16

เรื่องที่ท่านไม่เคยเห็น
>>>>>>>>>

แฮ่ม!! ชอบประโยคยอดฮิต จดลิขสิทธิเสียแล้ว ;-)

จากคุณ : ช่างกล - [ 17 เม.ย. 48 19:20:03 A:203.113.37.7 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 17

เริ่มจากที่ขั้วแบต (อายุสิบเอ็ดปี)
ลองดูขนาดของสายสิครับ เทียบกับรถญี่ปุ่นอายุสองปีกว่าๆดูแล้วกัน
>>>>>>>>>>

ดูแต่สายอย่างเดียวหรือครับ
ไม่ดูแบตเตอรี่รถยุโรปบ้างหรือ ลูกเบ้อเริ่มเทิ่ม

ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ? เทียบกับรถญี่ปุ่นคันเท่าตึกแบตลูกเล็กนิดเดียว
ยุโรปเมืองหนาวครับ cold cranking Voltage ก็สูง
สายก็ต้องใหญ่กว่าครับ

จากคุณ : ช่างกล - [ 17 เม.ย. 48 19:25:43 A:203.113.37.7 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 18

หลายท่านบอกว่า ground เพิ่ม ไม่มีประโยชน์หรอก
รถเขาออกแบบมาดีแล้ว
>>>>>>>>>

ออกแบบมาดีแล้ว กับ ใช้ได้ดี มันไม่เหมือนกันครับ

บางเรื่องมัน sensitive เสื่อมนิดเบาหน่อยไม่ได้เลย ... demand เยอะเหลือเกิน
บางเรื่องมันไม่จุกจิกจู้จี้ มันยอมให้มีช่องว่างหายใจได้เยอะ

ตัวอย่างง่ายๆ ก็ Voltage นี่ไง มันแกว่งได้เยอะนะครับ
เร่งเครื่องเต็มที่ vs เดินเบา Voltage มันต่างกันเยอะ
ตั้งแต่ x V ... 13.8 V
และไฟที่แกว่งขนาดนี้ มันเพียงพอที่จะป้อนสนามแม่เหล็กให้อิ่มตัว ไหมครับ ? ถามผม ผมก็ต้องตอบว่า พอ
ไฟสูงมีโวลท์ที่สูงเพียงพอจึงจะโดดข้าม booster gap และเขี้ยวหัวเทียน ได้
ถ้า โวลท์ไม่สูงพอ ไฟก็โดดไม่พ้น ตกท้องร่อง เอ้ย หัวเทียนก็ไม่จุด
และช่องว่าง หรือ booster gap นี่คือสิ่งที่เขาดีไซด์เอาไว้ เพื่อกำหนดขนาด Voltage อย่างน้อยที่เครื่องต้องการ

เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ใช้เครื่องวัด พิสูจน์กันไม่ดีกว่าหรือ ?
ถ้าใช้ความรู้สึกบอกว่า เครื่องเดินนิ่ง มันนิ่งยังไง และไม่นิ่งยังไง ถกเถียงกันยากจะตาย

ลองวัดอย่างนี้
ก่อนติด Ground Wire ไฟเข้าคอล์ย วัดได้กี่โวลท์
และหลังติด Ground Wire ไฟเพิ่มขึ้นเท่าไร ?

จากคุณ : ช่างกล - [ 17 เม.ย. 48 19:51:58 A:203.113.37.7 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 19

FYI
ถ้าไฟชาร์จ เต็มที่ cut-out ตัดที่ 13.8 V
ตามปกติไฟเข้าคอล์ยจะถูกทำให้ลดลงโดยใช้ resister ที่คอล์ย เหลือไม่ถึง 13.8 V (ดูคอล์ยรุ่นเก่านะครับ)

ไฟ drop เหลือกี่โวลท์ ลองวัดดูก็แล้วกัน
และจุดนี้คือ upper limit ของ Voltage ที่เขาดีไซด์ไว้
ไฟที่สูงเกินกว่านี้ ไม่มีประโยชน์ครับ

ดูอย่างนี้ครับ
1) สมมติว่า GW มันทำให้ไฟ input เข้าคอล์ย เพิ่มขึ้น==จริง
ไฟที่เพิ่มขึ้นก็ไม่มีประโยชน์ ครับ
2) ถ้าอยากได้ไฟเพิ่มขึ้นจริง แค่ถอด resister ที่ติดอยู่ข้างๆคอล์ยออก ไม่ง่ายกว่าติด GW หรือครับ ?

จากคุณ : ช่างกล - [ 17 เม.ย. 48 20:07:28 A:203.113.37.7 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 20

รถคุณหมอติดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ พลังเยอะอย่างนั้น เบสดังทีหนึ่ง ไฟกระเพื่อมแค่ไหน เจ้านี่เป็นตัวการที่ไปกวนระบบหัวฉีด มากกว่า สายกราวด์ ครับ

จากคุณ : ช่างกล - [ 17 เม.ย. 48 20:15:41 A:203.113.37.7 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 21

ของเขาทำออกมา จำพวก AUTO SALON นะครับ เน้นสวยมากกว่า อย่างอื่น ผมว่านะ ถ้ามองว่าสวย ก็ซื้อใส่ แต่ถ้ามองหาความแรง ในรถแข่งสนาม คุณไม่ได้เจอของพวกนี้หรอกครับ วิศวกร รถแข่งมันบอก รก หนักรถ

จากคุณ : I love 3 - [ 17 เม.ย. 48 20:36:04 ]






ความคิดเห็นที่ 22

... เข้ามาเห็น

จากคุณ : Mr. Fusion - [ 17 เม.ย. 48 21:14:33 ]






ความคิดเห็นที่ 23

คุณช่างกลครับ ฮิอิ (ตกท่อ)

resistor ไม่ใช่เพื่อลดแรงดันครับ
แต่เพื่อเพิ่ม ระยะเวลาที่ arc จะอยู่ระหว่างเขี้ยวหัวเทียน

t = k* L/R ... สมการสนามแม่เหล็ก-ไฟฟ้าพื้นฐานครับ

ถ้าไม่มี R สนามแม่เหล็กจะยุบตัวเร็วมาก ทำให้แรงดันตกเร็ว
การเผาไหม้ ต้องการ arc ที่นานพอสมควรครับ

ส่วนการติดกราวด์ ผมเคยวัดกับ jeep ... ข้อมูลไม่ทราบหายไปไหน

แต่วัดแรงดันระหว่าง alternator - ขั้วลบแบต ได้ต่างกันพอสมควรครับ ทั้งๆที่เป็นสภาวะ idle กระแสต่ำ

ในภาวะกระแสสูง ถ้าเดิมยังไม่มีจุดลง ground เพิ่ม .. แรงดันตกคร่อมนี้ จะเพิ่มตาม ใช่ไหมครับ??

ดูเผินๆเหมือนน้อย แต่จริงๆแล้ว การจุดระเิบิดแต่ละครั้ง ต้องการพลังงานมาก (แรงดันในห้องเผาไหม้ สูงเอาเรื่อง .. อากาศปกติ ต้องการแรงดัน break down แค่ 3,000v/mm เท่านั้น แต่ในห้องเผาไหม้ ต้องการ 25-30,000v/mm .. หรือแรงดันทำงาน 10-20 kV)
ถ้าผมจำไม่ผิด กระแสที่ไหลช่วงเกิด arc จะประมาณ 10A (ไม่รู้เอาแฟ้มข้อมูลไปวางไว้ไหน)

สมัียนี้ จะเก็บพลังงานไว้ใน capacitor (capacitive discharge ignition) ทำให้สามารถจ่ายพลังงานได้ยาวนาน และพอเพียง

แต่ไม่ว่าจะพอหรือไม่พอ .. กฏเกณฑ์อันหนึ่ง ก็ยังคงอยู่

สมมุติ
1. กระแสไฟที่เครื่องยนต์ & ส่วนต่างๆดึงไปใช้ ประมาณ 20 แอมป์เท่านั้น ..
2. ความต้านทานระหว่างสายกราวด์-ตัวถัง คือ 0.01 โอห์ม (ซึ่งน้อยมากๆ จนมิเตอร์ธรรมดาวัดไม่ขึ้น .. มันเป็นไปได้ เมื่อรถมาใหม่ๆ แต่พอใช้ไปนานๆ ตรงนี้เปลี่ยนเป็น 0.05 โอห์ม ซึ่งก็เป็นไปได้ สบายๆเช่นกัน) .. แรงดัีนหายไป 1.0-2.5 volts ไฟที่เลี้ยงระบบจะเหลือแค่ 11.1-12.6v

.. ไฟที่จ่ายเข้าด้านคอยล์แรงต่ำ เป็นไฟที่มาจากแบต(หรือได้ชาร์จ) ไม่ใช่ไฟที่ผ่านการปรับระดับ (regulated) เหมือนที่จ่ายให้ ECU
สมมุติว่า ระบบสร้างไฟแรงสูง (จ่ายให้หัวเทียน) ทวีัแรงดันขึ้น 1,000 เท่า .. จาก 13.6 -> 13,600v .. พอที่จะสร้างอาร์คปลายหัวเทียน เพื่อจุดระเบิดได้สมบูรณ์ แต่ถ้าแรงดันลดเหลือ 12.6? แรงดันที่ปลายหัวเทียนเหลือ 12,600 .. พอไหม? น่าจะพอใช่ไหมครับ?

ปัญหาที่ซ่อนเร้นคือ ปกติเครื่องยนต์กินกระแสไฟแค่ 20A นั้น คำพูดนี้ มันไม่ครบถ้วนครับ คำเต็มๆคือ เครื่องยนต์กินกระแสไฟ เฉลี่ยแค่ 20A

แต่ช่วงที่ต้องมีแรงดันไฟสูงไปหัวเทียน จะมีการดึงกระแสมากเป็นช่วงๆ (pulse) กระแสไฟที่ดึงนั้น สูงได้ถึง 40-50A ครับ (ช่วงนี้สั้นมากๆ วัดเป็น millisecond)

นั่นหมายความว่า แรงดันไฟที่หัวเทียน อาจเหลือแค่ 10,000v (10kV) เท่านั้น แทนที่จะเป็น 13,600v ...

-----------------------------------
เพิ่มเติม (ข้อมูลเก่า, รถ cherokee)
มีการวัดเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าไม่เพิ่มสายกราวด์ --รอบเดินเบา-- จะมีไฟตกคร่อมระหว่างขั้วลบแบตเตอรี่ กับตัวถัง ประมาณ 100-120 millivolts (ใช้ Fluke Digital Multimeter วัด)

เร่งเครื่องที่รอบ 3,000 แรงดันตกคร่อมเพิ่มเป็น 300-800 millivolts ครับ (สวิงมากๆ) ตามการทำงานของแอร์ และเครื่องเสียง (อื้อ .. ยังไม่เปิด sub ครับ เดี๋ยวข้อมูลมั่ว )

ถ้าเปิดที่ปัดน้ำฝน แถมเพิ่มอีก 200-300 mV

ดิปไฟสูง ครืดเดียว แรงดันตกคร่อมกระโดดไปเป็น 1,500 mV (ต้องตั้ง mode peak-and-hold ถึงจะเห็น ถ้าเป็น average จะไม่เห็น)

ถอดสายเดิมออกมา ทำความสะอาดบริเวณลงกราวด์และหางปลา ชนิเอี่ยมอ่องจริงๆ ก่อนต่อกลับเข้าไปใหม่ .. คราวนี้ทุกอย่างเกือบนิ่งสนิท แรงดันตกคร่อมปกติที่ 100-120 mV เหมือนเดิม (error จากการวัด???)
เร่งรอบเครื่อง เปิืดแอร์/เปิดแอมป์ .. แรงดันตกคร่อม ไม่ถึง 300 mV ดิปไฟสูง ฯลฯ ลดเหลือ 500 mV ..

ก็เรียกว่าทุกอย่างดีขึ้นพอสมควร

แต่พอเพิ่ม ground เข้าไป .. นิ่งกว่าเดิมอีก ตอน idle เหลือแถวๆ 50-100 mV (reading error?) แต่คราวนี้ จะเปิดแอร์ เปิดแอมป์ ฯลฯ จนแม้ดิปไฟ แรงดันตกคร่อม ไม่เกิน 200 mV ครับ

ไฟทุกที่ ถ้ามีการดึงแบบ pulse จะมาจาก batt ครับ ไม่ว่าบวกหรือลบ จะไม่มาจาก alternator ครับ เพราะ batt จะทำหน้าที่"เสมือน" เป็น capacitor ขนาด super ยักษ์ และจ่ายกระแสออกได้เร็วกว่า alternator (ซึ่งต้องรอการเพิ่มความเข้มสนามแม่เหล็กที่ stationery field)

เจ็บนิ้วมากแล้วคร้าบ
ปล.คุณช่างกล ผมกำลังจะถอด sub ออกแล้วครับ :D

ปปล. คุณ love3 ครับ GW ของรถแข่งมันแทบจะเป็นสายเงิน (นำกระแสดีที่สุด) ถักฝอยเคลือบทองคำ (กัน oxidized) ครับ ไม่จำเป็นต้องติด gw เพิ่มอย่างเราๆหรอกครับ

สิ่งที่ผมหงุดหงิดมาก คือ ทำไม GW ในรถญี่ปุ่น (คันที่ผมใช้ คันอื่นไม่รู้) ไม่ทำมา่ให้มันดีๆ ในเมื่อมันเพิ่มต้นทุนรวมไม่ถึง 0.000001% เลยครับ
สายไฟ เปลี่ยนจากเบอร์ 6/0 เป็น 8/0 เพิ่มเงินอีก 10 บาทเอ้า พื้นที่การเก็บ แรงงานที่ใช้ ฯลฯ ไม่เปลี่ยนแปลง
จุดลงกราวด์ ใช้วิธีเชื่อมอัดเข้ากับตัวถัง ก่อนขัดผิวให้เงา (แพงนิดเดียว แต่แก้ปัญหาระยะยาว ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะประกัน .. เพราะถ้า groud ไม่แน่น เครื่องเดินไม่เรียบนะเออ)

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 เม.ย. 48 22:15:15 ]






ความคิดเห็นที่ 24

เดี๋ยวไปลองทำดูมั่ง



จากคุณ : maxibon - [ 17 เม.ย. 48 22:27:20 ]






ความคิดเห็นที่ 25

เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่ม

แต่บอกตามตรงครับ ว่ามึน แฮะ เกินความเข้าใจของผม

อ้อ เห็นคุณหมอ เคยคุยถึง MB Club บ่อยๆ

ไม่รู้คุณหมอเคยเห็น พวก MB เก่าสปอร์ต สองประตูที่หน้าท้ายมันยาวๆ แบนๆ (รู้สึกจะเป็นรุ่น 450 SEC หรือ SLE อะไรประมาณนี้หรือป่าวครับ ) เคยเห็นทั้งแบบหลังคาแข็งและเปิดหลังคา

มันมีที่สภาพดีๆ ไม่จุกจิกกวนใจ สวยๆ ที่ไหน มั้ยครับ แล้วเค้าเล่นกันประมาณเท่าไร

แล้วถ้าเราไม่อยากจุกจิกกับเครื่องเก่าๆ เอามาวางเครื่องญี่ปุ่น เซียงกงได้มั้ย แบบไม่เกี่ยงเรื่องต้องคลาสสิคของเดิม แต่อยากได้บอดี้สวยๆของมันน่ะ

เพื่อนๆท่านอื่น ที่มีข้อมูลช่วยแจมได้ นะครับ

จากคุณ : -=Jfk=- - [ 17 เม.ย. 48 22:32:34 ]






ความคิดเห็นที่ 26

ผมคิดแบบตรรกว่า ถ้ารถเก่า ground ไม่ดี กระแสตก แรงไฟที่ arc หัวเทียนไม่สูงเท่าที่มันควรจะเป็น อย่างนี้การเผาไหม้ก็ไม่รุนแรงเท่าที่มันจะควรเป็น ดังนั้นรถที่แนะนำให้ใช้น้ำมัน octane 95 ก็หันมาใช้ 91 ได้โดยไม่ต้องกลัวเกิดการ knock แรงอาจตกไปบ้างแต่ไม่ knock ความเป็นไปได้มันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
ผมเคยเล่าให้ฟังว่า Soluna แนะให้ใช้ 95 แต่ผมลอง 91 ไม่เคยสดุด เครื่องไม่เคยเขก แต่คุณ Moon บอกว่าเขาทดลองใช้ 91 Soluna เหมือนกัน เขกกระจาย
รถเครื่องประเภทเดียวกัน มีหลายคนหลงใช้ 91 ไม่ knock แต่หลายคนบอกว่า knock แน่นอน
ปล ตั้งแต่ซื้อมือสองมาสองปีแล้ว ผมไม่เคยดูแลเรื่อง GW ของ Soluna เลย มันขับได้ไม่สะดุด ก็ใช้ 91 มาเกือบ 2 ปีแล้ว เพิ่งเดือนนี้เองที่ใช้ Sohol 95
หรือ Soluna ผม knock sensor มันดี ทำให้ผมไม่รู้สึก แต่รถคนอื่นมันห่วย ทำให้รู้สึกสะดุด?

จากคุณ : K.Senior - [ 17 เม.ย. 48 23:18:13 ]






ความคิดเห็นที่ 27

ทำไมไม่เอาสายไฟsuper conductor
มาต่อทำสายกราวล่ะ
จะได้ไม่มีความต้านทาน
เส้นนิดเดียวทนกระแสไฟได้เป็นหมืนๆแอม

จากคุณ : joe - [ 18 เม.ย. 48 02:39:56 A:68.104.206.161 X: TicketID:051689 ]






ความคิดเห็นที่ 28

คุณช่างกลครับ ฮิอิ (ตกท่อ)

resistor ไม่ใช่เพื่อลดแรงดันครับ
>>>>>>
คุณหมอครับ
ใช้ลดแรงดันหรือไม่ ลองวัดไฟ หลัง R ดูก็ได้นี่ครับ :-)
จังหวะสตาร์ทรถ เขาจะ bypass R นะครับ จะได้มีไฟเข้ามากขึ้น
============

แต่เพื่อเพิ่ม ระยะเวลาที่ arc จะอยู่ระหว่างเขี้ยวหัวเทียน

t = k* L/R ... สมการสนามแม่เหล็ก-ไฟฟ้าพื้นฐานครับ
>>>>>>>>>

t เป็นเวลาก่อนที่ peak coil current is reached & maintained ไม่ใช่หรือ ?

ก่อนที่ peak coil current จะสมบูรณ์ ขดลวดด้าน primary จะ เหนี่ยวนำให้เกิด counter Volt=Vi ออกมาต้านกับ Battery-Volt
จนกว่ากระแสอิ่มตัวแล้ว Vi จึงจะหายไป
=================


ถ้าไม่มี R สนามแม่เหล็กจะยุบตัวเร็วมาก ทำให้แรงดันตกเร็ว
การเผาไหม้ ต้องการ arc ที่นานพอสมควรครับ
>>>>>>>>>>>>>>>
คงจะไม่ถูก firing Voltage เป็น sin curve ไม่ใช่เส้นตรง
duration firing V =30 micro-sec เทียบกับ duration spark V=1000 micro-sec

according to the induction law (Faraday's) the more rapidly the magnetic field collapses the higher the voltage is and the one function of the capacitor connected in parallel with the breaker is to accellerate of collapse.

จากคุณ : ช่างกล - [ 18 เม.ย. 48 06:12:08 A:203.113.36.12 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 29

แก้คำผิด
to accellerate of collapse
แก้เป็น
to accellerate the rate of collapse = ช่วยเร่งให้สนามแม่เหล็กยุบตัวเร็ว

จากคุณ : ช่างกล - [ 18 เม.ย. 48 06:17:01 A:203.113.36.12 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 30

ปล.คุณช่างกล ผมกำลังจะถอด sub ออกแล้วครับ :D
>>>>>>>>>

ครับ นี่แหละที่มีผลกับไฟรถของคุณหมอ ;-)

จากคุณ : ช่างกล - [ 18 เม.ย. 48 06:19:50 A:203.113.36.12 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 31

มีการวัดเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าไม่เพิ่มสายกราวด์ --รอบเดินเบา-- จะมีไฟตกคร่อมระหว่างขั้วลบแบตเตอรี่ กับตัวถัง ประมาณ 100-120 millivolts (ใช้ Fluke Digital Multimeter วัด)

เร่งเครื่องที่รอบ 3,000 แรงดันตกคร่อมเพิ่มเป็น 300-800 millivolts ครับ (สวิงมากๆ)
>>>>>>>>>>

คุณหมอวัดละเอียด เป็น milli-Volt เชียวนะ
ที่จริงเมื่อใช้ไฟแบตอ่อนลง แรงดันระหว่าง เดินเบา กับ เร่งเครื่องมันสวิงได้เป็น 1000 milli-Volt ( 10 V ... 13.8 V)
นี่หมายถึง groud สมบูรณ์นะครับ

เมื่อมันสมบูรณ์แล้ว ติด GW เพิ่ม ก็ไม่ทำให้การสวิงลดลง
การสวิงยังกว้างเท่าเดิม เพราะไฟมันสวิงจาก ไฟ-ชาร์จ ไม่ใช่เกิดจาก ground ดีหรือไม่ดี

GW ไม่ใช่ Voltage Stabilizer นะครับ
(OK เห็นด้วย ที่ว่าใช้ Batt เป็นตัวช่วยเสมือน capacitor)

จากคุณ : ช่างกล - [ 18 เม.ย. 48 06:40:47 A:203.113.36.12 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 32

อีกอย่างหนึ่ง เรื่องคาร์บูไฟฟ้า อีกเรื่องหนึ่ง
ผมสงสัยว่า GW มันช่วยอะไร คาร์บิวไฟฟ้า ?

เท่าที่ผมทราบ คาร์บูไฟฟ้าของรถเยอรมันตัวนี้ มันใช้ไฟฟ้าช่วยปิดน้ำมันตอน engine brake นี่ครับ มันเกี่ยวกับรอบเดินเบาได้ยังไง

จากคุณ : ช่างกล - [ 18 เม.ย. 48 06:43:57 A:203.113.36.12 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 33

ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดคอหรอกนะ
ผมเพียงแต่อยากจะบอกว่า คอนแท็กซ์ ในรถมันไม่ sensitive มากทุกจุด
เฉพาะบางจุด sensitive จริง
บางจุดและหลายจุดไม่จำเป็นครับ

ตัวอย่าง
เช่น C ที่เกาะข้างจานจ่าย ถ้าคอนแท็กซ์มัน bad สักนิด หลวมสักหน่อย มันส่งผลต่อ spark Voltage มาก มาย จนทำให้เครื่องดับได้

ในขณะที่สายไฟเข้า จานจ่าย หรือ คอล์ย มันไม่ sensitive มากถึงอย่างนั้น มันยอมให้ไฟสวิงได้กว้างเป็น Volt และหลายๆ Volt ไม่ใช่แค่ milli-Volt หรอก

ในเมื่อมันไม่ sensitive เป๊ะๆ
การที่วิศวกรโรงงานเขาไม่ให้ความสำคัญกับจุดต่อสายกราวด์.. มันก็ถูกของเขานะ ผมว่าเอาเอง จะผิดหรือถูกก็ว่ากันอีกที

จากคุณ : ช่างกล - [ 18 เม.ย. 48 09:04:16 A:203.113.36.7 X:203.151.140.111 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 34

โหวตให้ครับ กระทู้ นี้ ช่วงนี้ GW กับ VS กำลังดังเลย
แต่แฮ๊ะ ทำไมเราไปติดช่วงดังนะเนี่ย ช่วงก่อนไม่ติด

จากคุณ : malldeff - [ 18 เม.ย. 48 09:52:27 ]






ความคิดเห็นที่ 35

ผมโหวตกระทู้ครับ
อยากให้ได้ข้อสรุป

จากคุณ : พันละที - [ 18 เม.ย. 48 17:38:43 ]






ความคิดเห็นที่ 36

โหวตให้อีกหนึ่งเสียง

จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 18 เม.ย. 48 21:00:02 ]






ความคิดเห็นที่ 37

ผมก็โวตให้แต่เมื่อวาน แต่มันไม่แนะนำสักที

จากคุณ : K.Senior - [ 18 เม.ย. 48 22:21:39 ]






ความคิดเห็นที่ 38

โหวตด้วยคน

จากคุณ : Aop - [ 18 เม.ย. 48 22:41:05 ]






ความคิดเห็นที่ 39

อ่านแล้วได้ความรู้ครับ ขอบคุณท่านทั้งสอง เก่งมากครับ

รถผม 12 ปี(เท่า Black Label) อยากทำบ้าง ให้คุณแมวเหมียวพุงป่องทำให้ได้ไหมครับ

จากคุณ : Choo Choo - [ 19 เม.ย. 48 13:43:01 ]






ความคิดเห็นที่ 40

ผมว่าอย่างนี้ครับ
รถทั่วไป ที่ไม่ติดอุปกรณ์ load เยอะ
แม้ ground จะเสื่อมบ้าง
ก็ไม่ถึงกับทำให้ระบบไฟจุดระเบิดมีปัญหา

แต่รถที่มีเครื่องเสียงขนาดหนักแบบรถคุณหมอ
กรณีนี้ไฟกระเพื่อมจะมีปัญหากับระบบไฟในรถได้
ไม่ต้องอื่นไกล แค่เบสดังทีหนึ่ง ก็กระเทือนไปทั้งคัน

ไฟที่ใช้โหลดหนักแบบนี้ จุดกราวด์จึงมีความสำคัญ
ถ้า ground ไม่ดีพอ ไฟกระโชกขึ้นมา ก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไป มันจะไปกระทบกับระบบไฟของรถครับ

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 0738 A:203.113.36.7 X:203.151.140.119 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 41

เพื่อนที่ Bosch กระซิบว่า ถ้าให้ดีสายกราวด์ ควรจะใช้สายแบน สังเกตรถรุ่นเก่า เขาใช้สายทองแดงแบนๆ เป็นสายถัก ครับ

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 07:14:25 A:203.113.36.7 X:203.151.140.119 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 42

ระหว่าง สายทองแดง ธรรมดา กับสายทองแดงเคลือบเงิน
อะไรดีกว่ากัน
และสายขนาด 8 มม. และ 10 มม. อะไรเหมาะที่จะใช้กับอะไร ครับ คุณ ช่างกล

จากคุณ : malldeff - [ 20 เม.ย. 48 08:16:17 ]






ความคิดเห็นที่ 43

ใด้ความรู้อีกแระ

จากคุณ : ruch52@too - [ 20 เม.ย. 48 12:56:06 ]






ความคิดเห็นที่ 44

มารอข้อสรุปครับ

แล้วถ้าสมมุติว่าเราจะติด ต้องติดที่จุดไหนบ้าง
และรถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ต้องติดจุดกันเหมือนกันไม๊ครับ
เช่น อาเทอร์เนเตอร์ , ฝาสูบ , จานจ่าย ฯลฯ

จากคุณ : Purity - [ 20 เม.ย. 48 14:23:27 ]






ความคิดเห็นที่ 45

มีข้อสงสัยขอถามคุณ ช่างกล นิดครับผม

แล้วอย่างพวกรถแข่ง ที่เค้าต้องติด GW กัน
รถพวกนี้มีอุปกรณ์ load เยอะไม๊ครับ
เช่นพวกอะไรบ้าง เพราะอย่างน้อยผมคิดว่าเค้าไม่น่าติดเครื่องเสียง เบสสะเทือนๆแน่ๆ อิอิ

แล้วเค้าติดเพื่อทำไมครับผม

จากคุณ : Purity - [ 20 เม.ย. 48 14:26:33 ]






ความคิดเห็นที่ 46

GW จะใช้รถแข่งเป็นจุดขาย ดูแล้วเกิดความน่าเชื่อถือ
การจุดระเบิดของรถแข่ง ไม่เหมือนรถบ้าน ต่างกันตั้งแต่ระบบจุดระเบิด, spark duration and energy

การจุดระเบิดต้องการ minimum ignition energy which convert to heat
--even the spark jumps across the gap but does not have *sufficient* energy ===> ignition will not take place .... ตรงนี้สำมะคัญ ผมเคยทำ HV สูงมากๆ และไม่ได้ผลดี

- A-F mixture ที่ไหลเข้าห้องเผาไหม้รถแข่ง มีความเร็วสูงอยู่ใน state of *extreme* turbulence movement ต่างกับรถบ้านมาก
movement ของ A-F mixture ทำให้ ignition spark break down into a series of sequential sparks
==>duration of the spark = 600 micro sec
vs. 1400 micro sec @ low speed
-นอกจากนี้ จำนวนครั้งของการจุดระเบิด ก็สูงขึ้น ตามรอบที่สูง
และ ฯลฯ
ที่กล่าวข้างต้นเพื่อให้มองเห็นภาพ control circuit จะต้องแม่นยำ
คือ sensitive มาก ถ้าลดการรบกวนจากวงจรอื่นๆได้มากเท่าไร
ความแม่นยำก็ดีขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ถึงจะไม่มีโหลดเครื่องเสียงขนาดหนักแบบรถคุณหมอ รถแข่งเขาก็ติด GW ครับ

อย่าลืมว่า
รถแข่งเขาแข่งกันที่เวลา เป็น เศษส่วนของวินาที
ใช้เงินทุนสูง แล้วทำไม GW ขี้ปะติ๋วจะติดไม่ได้ ?

เมื่อคนขายเขายกเรื่องรถแข่งขึ้นมาอ้าง
และเรารู้อย่างนี้แล้ว
เราก็หันมาดูรถคันเก่งของเราบ้าง
1) เราจะไปแข่งกับใครครับ ?
2) ความเร็วรอบรถเท่าไร ... เด็กๆครับ ถ้าเทียบกับรถแข่ง 2หมื่นรอบ
3) ระบบจุดระเบิดในรถเรา อย่างดีก็ direct coil มัน sensitive อะไรมากนัก

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 19:26:41 A:203.113.37.6 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 47

เขาเล่าที่มาของ GW เริ่มต้นจากรถหัวฉีด ECU เขาติด GW มาให้หลายจุด
คนไปเห็นเข้าเกิดปิ้งไอเดีย GW ทำให้ฮิตขึ้นมาครับ

ส่วนรถคาร์บู ก็อย่างที่ผมเล่าข้างบน
ไฟเข้า Coil มันสวิงได้มาก
มากเป็น หลายๆโวลย์ ไม่ sensitive เป็น milli-amp หรอกครับ
สวิงตั้งแต่ 9+V ... 13.8 V สวิงไปตามไดชาร์จและความเต็มของแบตเตอรี่

นอกจากนี้ Serie R ที่ต่อไว้กับ Coil ตัวนี้มีขนาด 1-2 Ohm
มัน drop ไฟเข้าคอล์ยไปเท่าไร ลองคิดเอาเองจากสูตร
แสดงว่า ไฟเข้าคอล์ย ไม่ใช่ว่า "ไม่พอ" แต่มันมาก"เกินพอ" ครับ

แล้ว GW จะทำให้ contact ดียังไง มันจะมาช่วยเพิ่มไฟที่เข้า Coil ไฟที่เพิ่มก็ไม่มีประโยชน์

คนที่ติดแล้วบอกว่า เครื่อง(คาร์บู)เร่งดีขึ้น
ค่อยๆลองคิดดูให้ดีว่า มันจะดีขึ้นจากไหน ?

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 19:38:57 A:203.113.37.6 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 48

เขาเล่าที่มาของ GW เริ่มต้นจากรถหัวฉีด ECU เขาติด GW มาให้หลายจุด
คนไปเห็นเข้าเกิดปิ้งไอเดีย GW ทำให้ฮิตขึ้นมาครับ

ส่วนรถคาร์บู ก็อย่างที่ผมเล่าข้างบน
ไฟเข้า Coil มันสวิงได้มาก
มากเป็น หลายๆโวลย์ ไม่ sensitive เป็น milli-Volt หรอกครับ
สวิงตั้งแต่ 9+V ... 13.8 V สวิงไปตามไดชาร์จและความเต็มของแบตเตอรี่

นอกจากนี้ Serie R ที่ต่อไว้กับ Coil ตัวนี้มีขนาด 1-2 Ohm
มัน drop ไฟเข้าคอล์ยไปเท่าไร ลองคิดเอาเองจากสูตร
แสดงว่า ไฟเข้าคอล์ย ไม่ใช่ว่า "ไม่พอ" แต่มันมาก"เกินพอ" ครับ

แล้ว GW จะทำให้ contact ดียังไง มันจะมาช่วยเพิ่มไฟที่เข้า Coil ไฟที่เพิ่มก็ไม่มีประโยชน์

คนที่ติดแล้วบอกว่า เครื่อง(คาร์บู)เร่งดีขึ้น
ค่อยๆลองคิดดูให้ดีว่า มันจะดีขึ้นจากไหน ?

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 19:41:54 A:203.113.37.6 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 49

พวก C เครื่องเสียงพวกนี้ (ค่า 2-3 Farad) ถูกออกแบบให้จ่ายกระแสได้เป็นร้อยๆแอมป์ ในเวลาๆเป็นมิลลิวินาที (เพื่อเสียงหนักแน่น)
>>>>>>>>>>

ผมเพิ่งเห็น C ของรถคุณหมอขนาดเป็น Farad เชียวนะ
1 F มีเนื้อที่เท่ากับสนามฟุตบอลนะครับ

เทียบกับ C ที่คอล์ย มีขนาดขี้ปะติ๋วแต่ 0.x micro F ห่างกันเยอะมาก

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่รถของคุณหมอติด GW and VS แล้วได้ผลดีกว่าเดิม

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 19:46:16 A:203.113.37.6 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 50

ผมให้เครดิตคุณหมอจขกทว่าช่างสังเกตมาก แล้วยังค้นหาคำตอบด้วยเหตุผล เพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แล้วนำเสนอแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เป็นแนวทางที่ดีครับ

จากคุณ : ช่างกล - [ 20 เม.ย. 48 19:56:07 A:203.113.37.6 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 51

ขอบคุณครับ รถผมธรรมดา ติดเครื่องเสียงก็ไม่มี active sub แยกต่างหาก ขับก็ธรรมดา สงสัยไม่ต้องไปสนใจ GW มันแล้ว

จากคุณ : K.Senior - [ 20 เม.ย. 48 21:04:11 ]






ความคิดเห็นที่ 52

รถยุโรป .. อาจไม่ต้องสนใจ gw ครับ

แต่รถญี่ปุ่น .. ลองรื้อดูดีๆ รับรองว่าได้หงุดหงิดเพิ่มอีกหลายอย่าง
ไม่ว่า แผงหลังเบาะหลัง เป็นฟิวเจอร์บอร์ด แผงประตูเป็นกระดาษอัดบางๆ หลังคาไม่มีวัสดุซับเสียง ground wire เส้นเท่ากะเมี่ยง จุดลงกราวด์ ฯลฯ ไม่มีการออกแบบเป็นพิเศษ ฯลฯ

ถ้ามันเส้นละ 2-3,000 อย่างที่(หลอก)ขาบกัน ผมไม่แนะนำให้ติดแน่นอน .. แต่นี่ ค่าทำอย่างมากก็แค่ 3-400 (ทั้งของ + ค่าแรง)

ในรถญี่ปุ่นระดับล่าง (ใหม่เอี่ยมป้ายแดง) หรือรถยุโรปอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป .. ในหลายๆคัน การใส่ GW ให้ผลที่รู้สึกได้ ชนิด A-B test เลยครับ

รถแข่ง .. สาย ground ที่ใช้ เป็นเงินถักครับ ของผมเอามาลองเล่นอยู่เส้นนึง .. แพ๊งงงงงดีจังเลย
ที่แน่ใจว่าเป็นเงิน เพราะพอออกพ้นฉนวนที่หุ้ม ไม่เกินสองวัน ดำปี๋

จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 20 เม.ย. 48 22:29:46 ]






ความคิดเห็นที่ 53

ครับ เพื่อนผมก็บอกให้ใช้สายถัก บอกว่าจะได้ผลดีกว่าสายธรรมดาครับ ==> ตอบคุณ malldeff เสียเลย ส่วนรายละเอียดขนาดแต่ละจุดต้องเปิดคู่มือสายครับ แต่ละขนาดมันทนได้กี่ Amp ฯลฯ

เรื่องสายเคลือบเงิน เคลือบทอง นั้น
ไม่แน่ใจขอถามคุณหมอ ไฟมันไหลตามผิวของสายใช่ไหมครับ ?

จากคุณ : ช่างกล - [ 21 เม.ย. 48 08:18:48 A:203.113.37.9 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 54

รถหัวฉีด ผมเห็นด้วยกับคุณหมอ จุดต่อกราวด์มีผลกับ control circuit ที่จะทำให้มันแม่นยำหรือเพี้ยนไปได้ เอาง่ายๆ แค่ O-sensor ส่ง feed back กลับมา มันส่งเป็นค่า Volt ถ้าผิดไปส่วนผสมก็ผิด (ลองดืง O-sensor (ของ Bosch) ออก รถจะเร่งได้มันเร่งปรูดปราด เชียวครับ แต่ไม่ดีครับ

จากคุณ : ช่างกล - [ 21 เม.ย. 48 08:22:19 A:203.113.37.9 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 55

รถนิสสันรุ่นเก่า ก็ดึง O-sensor ออกได้
สมัยนั้นเมืองไทยยังไม่มี ULG unleaded gasoline

มีรถนำเข้าคันหนึ่ง มาเข้าอู่ เช็กดูปรากฏ O-sensor เสีย
เจ้าของก็ซื้อมาให้เปลี่ยน เปลี่ยนแล้ว ใช้ได้ไม่กี่วันก็กลับมา
ด้วยอาการเดิม ทำยังไงก็ไม่หาย ที่เป็นอย่างนี้ เพราะตะกั่วในน้ำมันทำให้ O-sesor เสีย (ของ Bosch รุ่นหลังๆ เขาจะติด heater เอาไว้อุ่นให้ร้อนเร็วขึ้น ช่วยยืดอายุได้นานขึ้น อุณหภูมินี้จำเป็น เป็น self-cleaning temp ครับ)

จากคุณ : ช่างกล - [ 21 เม.ย. 48 08:30:21 A:203.113.37.9 X:203.151.140.120 TicketID:001962 ]






ความคิดเห็นที่ 56

สายอะไรก็เหมือนกัน

สายถัก เอาไว้ให้ยืดหยุ่นสูงเฉยๆ

ที่บอกว่าเงิน คือ ทองแดงชุบ ครับ

จากคุณ : ท่านอ๋อง - [ 21 เม.ย. 48 13:03:06 ]






ความคิดเห็นที่ 57

สรุปรถผมเป็นรถญี่ปุ่น หัวฉีด เดิมๆทุกอย่าง แม้กระทั่งวิทยุเทป
ใช้ปีนี้ปีที่ 9
ควรติด GW ไม๊ครับ
จะให้ผลอะไรต่างกันไม๊ครับ
* CKII ปี 96 ครับ

เพราะอยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้จะไปหาติดที่ไหน
ส่วนถ้าจะติดเอง ก็ไม่รู้ต้องติดตรงไหนบ้าง ชื่อเรียกบางที่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนอีก - -"

จากคุณ : Purity - [ 21 เม.ย. 48 15:59:51 ]






ความคิดเห็นที่ 58

ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีดีครับ

จากคุณ : ลูกแม่น้อย - [ 21 เม.ย. 48 22:42:53 ]






ความคิดเห็นที่ 59

เข้ามารับความรู้อีกแล้ว แหะๆ

จากคุณ : Kody - [ 21 เม.ย. 48 22:55:39 ]






ความคิดเห็นที่ 60

เข้ามาดูด

จากคุณ : MitsuGrandis - [ 22 เม.ย. 48 00:06:44 ]






ความคิดเห็นที่ 61

โห วิชาการทั้งน้าน เก่งจริงๆ 2 คนนี่
ขอบคุณความรู้ต่างๆที่อุตสาห์พิมพ์ให้อ่านกันนะครับ

จากคุณ : RT - [ 22 เม.ย. 48 01:08:47 A:203.113.50.141 X:203.151.140.118 TicketID:039076 ]






ความคิดเห็นที่ 62

กระทู้นี้ได้ความรู้เยอะจริงๆ โหวตครับ

จากคุณ : ชล (small_wheel) - [ 22 เม.ย. 48 03:32:28 ]






ความคิดเห็นที่ 63

กว่าจะขึ้นกระทู้แนะนำได้ หลายวันเหมือนกัน แต่รถเมล์เขียวนี่อยู่นานมากๆ
แล้วผมจะดู GW รถ Soluna อีกที คือเครื่องเสียงก็ลำโพง 3-way speaker เล็กๆ ธรรมดา ไม่มี sub นอกนั้นก็เดิมๆ แต่ผมเปิดวิทยุทุกครั้งครับ และก็ยังขับลื่นอยู่ประหยัดน้ำมัน อย่างน้อยว่างๆ ก็อาจขัด ขันใหม่ให้แน่นก็ได้

จากคุณ : K.Senior - [ 22 เม.ย. 48 03:44:05 ]






ความคิดเห็นที่ 64

ได้ความรู้มากเลย
รถผมออกต้นปี'04 ทำ GW เองเอาสนุก ประมาณ 240 บาท 3 จุด คือฝาสูบ / ลิ้นปีกผีเสื้อ /ไดชาร์ท สายไฟ 8มม. (หาที่ร้านเครื่องเสียง) ส่วน VS ยังไม่ได้ซื้อใส่ (ได้ข้อมูลมาบ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าทำให้เครื่องร้อน เลยยังไม่เสียตังส์ ) เป็น VS ไทยทำ 500-600 บาท/ตัว
-ทำแล้วไม่รู้สึกเท่าไหร่ (ผมหนังหนามั่ง 555)

-กินน้ำมันพอกัน

-รอบก็ลากได้เหมือนเดิม เวลารอบมาก็ไม่เร็วไปกว่าเดิม
เท่าไหร่ (มันคงไปวินาทีเลยมั่ง อิๆๆ)

-เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ ยังรู้สึกได้มากกว่านะ
ก็เป็นข้อมูลแชร์ๆกันครับ

แต่รถเก่าๆ สายไม่ดี น่าจะเห็นผลกว่านี้นะครับ

จากคุณ : VVT-i - [ 22 เม.ย. 48 08:18:48 A:210.1.5.200 X: TicketID:011568 ]






ความคิดเห็นที่ 65

พวกรถญี่ปุ่นเกียร์ออโต รุ่นเก่าๆ สายกราวที่เกียร์บางคันจะเล่นต่อลงตัวถังใกล้ๆเลย(civic3d) ผมเลยพ่วงต่อให้ไปลงกราวที่ขั้วลบแบ็ต และก็ต่อเพิ่มอีกหลายจุด เช่น เสื้ออัลเทอเนเตอร์ เสื้อคอมเพรสเซอร์แอร์ ฐานจานจ่าย ฝาวาล์ว ผลปรากฏ รถวิ่งลื่นขึ้น เกียร์เปลี่ยนดีขึ้น เสียงเครื่องเปลี่ยนไปตอนคิกดาวน์ ไฟหน้าสว่างขึ้น กับเงินที่เสียไป ไม่ถึง500บาท คุ้มครับ

จากคุณ : zanny - [ 22 เม.ย. 48 09:40:42 ]






ความคิดเห็นที่ 66

Ground wire ..
ว่ากันตามตามหลักการเลยนะครับ ทำไมจะต้องมี
- พูดถึงเส้นขนาดเล็กๆที่ติดรถก่อน เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหล ได้ครบวงจรครับ คือจาก แบตขั้วนึง (สมมุติให้เป็น + ) ไหลผ่านโหลด แล้วไปครบวงจรที่ แบตอีกขั้วนึง (สมมุติเป็น - )
- เส้นใหญ่ขึ้น ถ้าพูดกันตามหลักการ การออกแบบจริงๆ .. ไม่น่าจะมีผลดีขึ้นกับระบบไฟต่างๆอย่างชัดเจน เนื่องจากการออกแบบ ได้มีการเผื่อไว้แล้ว ตามหลักวิศวกรศาสตร์
.. แต่รถยนต์ มันเคลื่อนที่ได้ มีการกระแทก ต่างๆมากหลาย ดังนั้นจุดต่อต่างๆ จะเกิดการหลวมได้ง่ายกว่า อุปกรณ์ที่อยู่กับที่ ทีนี้มาดูกันครับว่า ถ้ารถคุณต่อสาย GW เส้นใหญ่ เข้าไปแล้ว ผลที่ออกมา ดี - เหมือนเดิม หมายความว่าไง
อันนี้ต้องบอกก่อนครับ ว่าในรถอายุการใช้งานน้อยๆ เพิ่งออกรถมา ไม่น่าจะเห็นผลดีชัดเจน หรืออาจจะไม่เห็นผลดีอะไรเลยก็ได้
กับรถเก่า อายุการใช้งานเยอะๆ
- ติดไปแล้วดีขึ้นมาก .. หมายความว่า ระบบไฟฟ้าในรถคุณแย่ลงมาก มีจุดต่อที่หลวมหลายจุด ซึ่งดูง่ายๆว่าว่าจุดไหนแย่ ก็จุดที่ต่อ GW เข้าไปแล้วเห็นผลดีขึ้น น่ะแหละครับ
- ติดแล้วเห็นผลดีน้อย หรือ ไม่เห็นผลเลย .. ระบบไฟฟ้าในรถคุณยังสมบรูณ์อยู่ครับ จุดต่อต่างยังแน่นหนา มั่นคง เลยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง GW เพิ่มเติม
แต่ผมอยากจะเตือนสักนิดครับ สำหรับผู้ที่คาดหวังว่ามันจะดีขึ้นมากมาย โดยเสียเงินซื้อในราคาแพง .. มันไม่คุ้มครับ แต่ถ้าทำเล่นสนุกๆดีครับ เพลินดี ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยนช์ด้วย
.. ลองคิดดูสักนิดครับ สายทางขั้วบวก ยังเส้นเล็กเท่าเดิม ไปเพิ่มขนาดสาย GW ให้ใหญ่กว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า มันได้ผลอะไรครับ เช่น โหลดกินกระแส 5 A ทางผู้ผลิต ใช้สายที่ทนกระแสได้ 7 A ทั้ง + และ - ..แต่เรามาเปลี่ยนทางด้าน - ให้ทนกระแสได้ 20 A ได้อะไรเพิ่มขึ้นมาเปล่าครับ

จากคุณ : มะขามป้อม.. - [ 22 เม.ย. 48 10:07:57 ]






ความคิดเห็นที่ 67

GROUND เรื่องหมูถ้าเทียบกับระบบควบคุม
Fuel injection
Ignition
Emission




ศึกษาได้ใน

http://www.autoshop101.com

จากคุณ : CORONA ECT - [ 22 เม.ย. 48 12:32:22 ]






ความคิดเห็นที่ 68

สุดยอดเลยครับ...

จากคุณ : หนุ่ม เมืองนนท์ - [ 22 เม.ย. 48 15:39:08 ]






ความคิดเห็นที่ 69

โหวตด้วยคนเยี่ยมมากเลย

จากคุณ : -=อินทร์=- - [ 22 เม.ย. 48 18:29:51 ]






ความคิดเห็นที่ 70

สายไฟฟ้านะครับ ถ้ายาวเพิ่มค่าความต้านทานจะเพิ่ม
และ อิเล็กตรอนที่วิ่งผ่านพื้นที่หน้าตัด(ทำให้เกิดกระแส มีทิศตรงข้ามกับทิศทางการไหลของอิเล็กตรอน)จะมีแรงผลักระหว่างกันเนื่องจากเป็นประจุลบเหมือนกัน จะทำให้อิเล็กตรอนส่วนใหญ่วิ่งที่ผิวของสายไฟ(คอนดัคเตอร์)ครับ
ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบ สายถัก(สแตรนด์-บันเดิล) กับสายไฟธรรมดาที่จำนวนเส้นน้อยกว่า โดยพิจารณาที่พื้นที่หน้าตัดรวมเท่ากันนั้น สายถักจะสามารถนำอิเล็กตรอนได้ดีกว่าครับ(จำนวนมากกว่าในเวลาเท่ากัน)

จากคุณ : ต้อม WhiteAccorD - [ 22 เม.ย. 48 21:49:42 A:203.107.207.12 X: TicketID:065504 ]






ความคิดเห็นที่ 71

รบกวนคุณหมอช่วยให้เบอร์โทรผมหลังไมหน่อยนะครับ
ผมอยากโทรไปปรึกษาเรื่องนี้จริงๆครับ

จากคุณ : กอล์ฟ (GOLF-B16A) - [ 22 เม.ย. 48 23:22:04 ]







--------------------------------------------------------------------------------




--------------------------------------------------------------------------------

คลิกเพื่ออ่านกติกามารยาท
คลิกเพื่ออ่านHelp & FAQ

ความคิดเห็น :





...

ชื่อ : สีกรมท่าสีด่างทับทิมสีใบตองสีเขียวใต้ทะเลสีเขียวขี้ม้า จัดชิดซ้ายจัดกลางหน้าจัดชิดขวา
ไฟล์ประกอบ : (ไม่เกิน 150 K / Member เท่านั้น / Preview ไม่ได้)
(gif, jpg, png, mid, wav, mp3, wma, swf)
Photo2Mobile : ยินดีให้นำไฟล์ประกอบนี้ (เฉพาะ gif, jpg, png) ไปให้บริการส่งรูปเข้ามือถือจอสี
(เพื่อป้องกันการถูกฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ การอนุญาตควรมาจากเจ้าของรูปโดยแท้จริง)
ยินดี ไม่ยินดี
: ไม่อนุญาตให้แสดงผลผ่านระบบมือถือ
(ส่งไฟล์ประกอบ Preview ไม่ได้)






ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป







โดยคุณ : ลอกมาจากพันทิพ - ICQ : - [ 23 เม.ย. 2005 , 21:09:08 น. ]

ตอบ คนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V3417919/V3417919.html
โดยคุณ : come from this web [ 23 เม.ย. 2005 , 21:11:22 น.]

ตอบ คนที่ 2
ยาวมากขี้เกียจอ่านในพันทิพย์ชอบเถียงกัน ไปหา XO เล่มใหม่อ่านนะครับ เขามีการเทสบนไดโนแล้ว ว่ามันทำให้อาการของรถดีขึ้น ม้าเพิ่มด้วย แต่ลองกับแจสนะ ผมขี้เกียจอธิบายซ้ำ รู้แต่ว่า ใส่แล้วรถวิ่งดีขึ้น ไม่มีผลเสียเว้นคุณไปติดผิดขั้ว
โดยคุณ : ก็ลองดูเอง [ 23 เม.ย. 2005 , 23:27:49 น.]

ตอบ คนที่ 3
ไม่มีผลเสียครับ นอกจากเสียตังค์ถ้าไปซื้อเขามา เท่าที่เก็นมีหลายคนใช่อลุมิเนียมเป้นจุดลงกราวด์ ซึ่งผิดครับอลุมิเนียมมีความต้านทานสูงมากเมืองเทียบกับทองแดงและเงิน ที่ถูกต้องเป้นทองแดง และสายกราวด์ต้องเป็นฝอยทองแดงเลยถึงจะดีเพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าตัดในการให้ไฟเดิน

จะทำเหมือนกัน แต่จะทำเฉพาะไฟหน้า กับ เพิ่มขนาดสายกราวที่ใหญ่ขึ้นและใช้ทองแดงชุบเงิน(ถ้าหาได้)เท่านั้น ส่วนอื่นๆไม่รู้จะทำอย่างไร 406 EA9 มันถูกออกแบบมาแบบไม่ต้องทำอะไรเลย มิน่าหาของแต่งเพิ่มความแรงยากมากๆ

รถเก่าจะเห็นผลหน่อยเพราะระบบไฟเริ่มเก่าแล้ว รถใหม่ๆที่ออกแบบดีๆก็แทบไม่จำเป็นครับ
โดยคุณ : Big [ 25 เม.ย. 2005 , 08:28:30 น.]



Ending By Admin!!!