ผมขอความอนุเคราะห์พี่ๆที่มีความชำนาญ ตอบที่ครับ เพราะผมไม่มีความรู้เลย แต่อยากจะใช้ เพราะไปลองขับมาแล้วมันติดใจ สมรรถณะ
1.เรื่องปัญหาทั่วไป
2.เรื่องการดูแลรักษา
3.เรื่องราคา
4.คำว่า gr ที่ต่อท้ายรหัสรุ่น205คืออะไรครับ
5.เลือกดูรถรุ่นนี้ยังไง
6.เค้าขายผม110,000 แพงไปไหม

ขอบพระคุณครับผม

ICQ :

1.ปัญหามีแน่ครับ ต้องหาช่างที่มือค่อนข้างถึง เนื่องจากระบบหลายๆอย่างค่อนข้างจะแปลกจากรถทั่วไป เช่น มีฮีทเตอร์(ถ้าไม่โดนยำมาก่อน),คัทเอาท์ ฝังอยู่ในไดฯ (ไม่ได้อยู่ข้างนอกเหมือนรถญี่ปุ่น)
2.การดูแลรักษา ก็คล้ายๆกับข้อ 1.นั่นแหละครับ
3.ราคา ไม่รู้ว่าราคาอะไรนะครับ แต่ขอเดาว่าเป็นราคาอะไหล่ ของผมเข้าศูนย์ตลอด (สมัยที่ยังใช้นะ) เลยไม่แน่ใจราคาอะไหล่ข้างนอก ตัวอย่างเท่าที่พอจำได้แล้วกันนะครับ เพลาขับคู่ละ 32,000.- บาท ราคานี้ประมาณ 3 ปีก่อน,โช๊คอัพฝากระโปรงหลัง คู่ละ 4 พันกว่า,โอเวอร์ฮอลคานหลัง+เปลี่ยนลูกปืนทอร์ชั่นบาร์ 15,000.-บาท เดี๋ยวลองท่านอื่นที่ซ่อมนอกศูนย์มาตอบด้วยนะครับ จะได้เปรียบเทียบกันดูด้วย
4.GR คือรุ่นของรถที่เข้ามาขายในไทย เป็น Model ย่อยครับ เหมือนพระน่ะครับที่ต้องมีพิมพ์โน้น พิมพ์นี้ 205 ก็จะมีพิมพ์GR,GTI,XS,CTI ฯลฯ โอ๊ยเยอะแยะครับ จำไม่ได้หมด แต่ GR ที่มีขายในบ้านเราจะเป็นเครื่องหัวฉีดซิงเกิ้ลพอยท์ 1.4 ลิตร
5.เลือกดูที่สภาพที่ดีสิครับ ดูสภาพตัวถังก็พอจะรู้แล้วครับ หรือไม่ก็ดูป้ายทะเบียนว่ามีริ้วรอยยับย่นหรือเปล่า ถ้าเป็นทะเบียนเดิมๆนะครับ ไม่ได้ไปหมุนเวียนทะเบียนออกมา อ้อแนะนำอีกนิดนึง ส่วนใหญ่ 205 ถ้าโดนชนตูดมา มักจะดุ้งไปถึงบานพับฝากระโปรงหลัง ลองเอาน้ำฉีดดูตรงระหว่างฝากระโปรงหลังกับหลังคาด้วยครับ ถ้ารั่วล่ะก็แสดงว่าโดนตุ๋ยมาแล้ว
5.ราคานี้รถปีอะไรล่ะครับ ของผมปี 96 ทะเบียน 4ษxxxx ขายไปแสนเดียว ไปแลกเป็น 405 ออกมา
โชคดีครับ

มาตอบเค้า แล้วจะมานั่งคิดถึงไอ้หนูแดงไม่ได้นะ 555555

ผมจำทะเบียนรถคันนี้ไม่ได้ แต่เป็นสีแดงครับ เจ้าของเต้นท์บอกว่าปี98 ผมก็งงๆว่ารุ่นนี้มีปีนี้ด้วยเหรอ เพราะเท่าที่ผมห่ข้อมูลมามีปีสุดท้ายที่ 97 เต้นท์นี้อยู่ในซอยรามอินทรา7ครับ อยู่หน้าหมู่บ้านอะไรจำชื่อไม่ได้แล้ว ลองไปคุยดูครับ คุยง่าย ท่าทางน่าเชื่อถือดีครับ แต่ตอนนี้ยังดๆอยู่ถ้า พี่พรรณเชษฐ205 บอกว่าขายไปแสนเดียว งั้นผมลองต่อดูสักแสนดีกว่า ถ้าหัวไม่แตกออกมาจากเต้นท์จะกลับมาถามพี่ๆอีกนะครับ
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบครับ

1. เรื่องปัญหาทั่วไป ก็คงไม่ต่างจากรถทุกยี่ห้อครับ อะไรเสื่อม เสีย ถึงเวลาเปลี่ยน ก็ต้องเปลี่ยน เป็นเรื่องปกติครับ
2. การดูแลค่อนข้างง่าย ไม่จุกจิกมาก ถ้าทุกอย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นรถที่ออกแบบมาแบบเน้นความประหยัดเป็นหลัก เช่น ครัชสาย ช่วงล่างหลังทอร์ชั่นบาร์ ระบบหัวฉีด Single Point อะไรทำนองนี้ครับ แต่สิ่งที่สำคัญมากคือเรื่องความร้อนครับ ต้องหมั่นดูแลเป็นพิเศษหน่อยครับ
3. ราคาอะไหล่ โหดบ้างเป็นบางชิ้น แต่ถ้าเทียบกับรถยุโรป ขนาดเท่าๆกัน ยี่ห้ออื่น ก็อาจถูกกว่าได้ครับ อะไหล่เก่าหายากนิดนึง บางอย่างอาจแปลงของญี่ปุ่นใส่ได้
4. ตาม ค.ห.1 เลยครับ
5. เพิ่มเติมเรื่องเครื่องยนต์ก็แล้วกันครับ ให้เลือกสภาพที่ยังเดินเรียบ ไม่สะดุด รอบเดินเบาไม่สวิง เพราะจุดนี้จะส่งผลถึงอะไหล่บางตัวที่จะต้องเปลี่ยนในไม่ช้า และราคาค่อนข้างสูงด้วย
6. ต้องดูปีด้วยครับ ราคานี้ควรจะเป็นปี 95 ขึ้นไปครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูสภาพโดยรวมเป็นหลักครับ ถ้า 94 แต่วิ่งน้อย ไม่มีที่ติ ก็คว้าได้เลยครับ

ตั้งแต่ผมใช้มาก็ยังไม่เคยมีปัญหาอะไรให้หนักใจ (อาจเป็นเพราะโชคดีที่ได้รถที่ไม่มีปัญหามา)

ตอนซื้อก็ลองติดเครื่องทิ้งไว้ครับ รอบต้องนิ่ง ไม่สวิงขึ้นลง

เรื่องที่น่าห่วงก็คือเรื่องความร้อนครับ เพราะหม้อน้ำใบเล็กไปหน่อย เกจ์วัดความร้อนก็ไม่มีให้ดู ถ้าซื้อมาก็ควรเช็คสภาพปั๊มน้ำกับหม้อน้ำไปด้วยเลยครับ

ราคาอะไหล่ผมว่าก็สูสีกับรถญี่ปุ่นทั่วไป มีถูกบ้างแพงบ้างปนกันไปครับ ถ้าเปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งานก็ไม่มีปัญหาอะไรให้น่าหนักใจครับ

ผมว่าให้เน้นที่ชิ้นส่วนพลาสติกภายในด้วยนะครับ โดยเฉพาะคอนโซลกับกรอบหน้าปัดเนี่ยะ ส่วนใหญ่จะต้องมีรอยร้าวรอยแตกทั้งนั้น ราคาก็แพงพอสมควรเหมือนกัน ของมือสองก็หาได้ยากครับ

ส่วนเรื่องอื่น...ก็คงเหมือนกับที่พี่ ๆ ข้างบนตอบไว้นั่นแหละครับ

เพิ่มเติมครับ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ที่อยู่ใต้เบาะหลัง ลูกละเกือบหมื่น ผมเจอเปลี่ยนมา 2 ครั้งแล้ว บทมันจะเสีย ไม่มีอาการเตือนด้วย แต่ผมยังอยากได้ GTI อยู่เหมือนกันนะI